“เช่นนั้นเจ้าว่าควรต้องใช้ผู้หลอมอาวุธแบบไหนกันถึงจะสามารถสร้างกระบี่มังกรเพลิงที่สมบูรณ์แบบได้” มู่เฉียนซีถาม

“มีผู้หลอมอาวุธเช่นนี้อยู่ผู้หนึ่ง แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำให้เขาสร้างมันขึ้นมาได้”

“ใคร?”

อาถิงตอบกลับสี่คํา “วิญญาณพิฆาต!”

มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่มีทาง! ข้านึกว่าเขาจะเป็นเพียงคนฆ่าสัตว์ผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังเป็นนักหลอมอาวุธผู้หนึ่งอีกด้วย”

“เจ้ากลัวจริงๆหรือ? ไม่อยากได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่สมบูรณ์แบบแล้วรึ”อาถิงถาม

“ไม่ใช่เจ้าที่ข่มขู่ข้าหรอกรึ? บอกเองว่าวิญญาณพิฆาตน่ากลัวมากแค่ไหน ขอให้ข้าอย่าไปยุ่งกับเขา ให้หาตัวกระบี่มารวมให้กระบี่สามารถใช้ได้ก็พอแล้ว”

“นั่นมันเมื่อก่อน จากนี้ไม่ว่าตัวกระบี่จะเป็นฝ่ายเริ่มยอมรับนายใหม่ก่อนหรือไม่ก็ตาม ข้าได้คิดแผนการเอาไว้แผนหนึ่งแล้ว”

“แผนการอะไร?” มู่เฉียนซีถาม

“หนามยอกต้องเอาหนามบ่งกระมัง!”

“หนามยอกต้องเอาหนามบ่งอะไร?” “จิ่วเยี่ยนั้นเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมเหมือนกับวิญญาณพิฆาต เมื่อถึงตอนที่วิญญาณพิฆาตมาถึง เจ้าปล่อยให้ทั้งสองคนนั่นกัดกันเหมือนหมา จากนั้นก็จะบาดเจ็บอย่างหนักกันทั้งสองฝ่าย นั่นไม่ดีกว่ารึ! เจ้าเองก็สามารถที่จะได้ลวิญญาณพิฆาตมา ส่วนหวงจิ่วเยี่ยนั้น ก็โอกาสในตอนที่เขาบาดเจ็บอย่างหนัก เจ้าอยากจะคิดบัญชีกับเขาเช่นไรก็สามารถทำได้นี่”

อาถิงรู้สึกว่านี่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชอบใจวิญญาณพิฆาตมาโดยตลอด ยิ่งหวงจิ่วเยี่ยยิ่งไม่ชอบใจ

จัดการศัตรูสองคนในเวลาเดียวกัน ช่างเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก

“อาถิง เจ้าไปตายซะ!”

ถ้าอาถิงไม่ได้คุยกับเขาอยู่ในมิติพันธสัญญา แต่ยืนพูดอยู่ตรงหน้าเขา มู่เฉียนซีคงจะต้องเตะเขาอย่างแน่นอน

“ข้าจะไม่ปฏิเสธว่าข้ามีความทะเยอทะยานที่จะทำให้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์สมบูรณ์แบบเพื่อที่ข้าจะได้มีพลังวิญญาณธาตุไฟ แต่ข้าจะไม่เอาคนสำคัญของข้าไปเสี่ยงชีวิตอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ข้ารู้ว่าเจ้านั้นชอบผู้ที่สง่างาม เจ้าเป็นนางผู้หญิงบ้าที่ไม่รู้จักโต หวงจิ่วเยี่ยนั่นมีอะไรดีนักหนา”เมื่อถูกมู่เฉียนซีต่อว่า อาถิงก็เถียงอย่างดุดัน

“มีเพียงความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงเป็นที่พึ่งพาของเจ้าได้ดีที่สุด แม้ว่าหวงจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่ง แต่ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอดเลยจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าเสียเปล่าๆ”

มู่เฉียนซีมองไปที่หลิง ที่ตอนนี้ถูกควบคุมโดยตำหนักเป่ยหาน ซึ่งเป็นขุมกําลังสำนักนิกายระดับสาม!

นางรู้ดีว่าพลังของนางสำคัญเพียงใด?

หากไม่มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าตำหนักเป่ยหานนางก็จะไม่สามารถทำให้อารองเป็นอิสระได้ มู่เฉียนซีกล่าว “อาถิง เจ้ากล่าวถูกแล้ว ผู้แข็งแกร่งและเป็นที่เคารพนับถือในโลกนี้ พลังความแข็งแกร่งย่อมเป็นสิ่งที่ต้องมี แม้ว่าวิญญาณพิฆาตจะจัดการได้ยากลำบากแค่ไหน ก็จะต้องลองดู! เดินทางไปหนึ่งในสามของเส้นทางแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่เริ่มก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นไปได้”

“อาถิง ข้าไม่เคยกลัวเลย เพียงแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าต้องไปพัวพันด้วย”

นางเป็นนักปรุงยา นางจะไม่มีความทะเยอทะยานสูงสุดที่จะครอบครองธาตุไฟได้อย่างไรกันเล่า?

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน นางมีคู่พันธสัญญาที่เชื่อมกับชีวิตของนาง

เมื่อนางประสบเคราะห์ เช่นนั้นพวกเขา…

อาถิงพึมพำ “นางผู้หญิงโง่ ข้าถูกเจ้าทำให้ลำบากไปด้วยมันยังน้อยไปใช่ไหม เจ้าถึงได้คิดเรื่องยุ่งเหยิงมากมายเช่นนี้”

“นายท่าน พวกเราไม่กลัวหรอก!” อู๋ตี้และเสี่ยวหงกล่าว

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าอาถิง ที่แท้ก็เป็นห่วงว่าซีเอ๋อร์จะตกอยู่ในอันตราย เกิดมาเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ พวกเราย่อมหวังว่าเจ้านายของเราจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด”

“แม้มีความหวังนี้ แต่เขากลับอยากให้เจ้าอยู่สงบสุข ข้าเองก็เช่นกัน ไม่ว่าซีเอ๋อร์จะเป็นผู้สูงส่งหรือไม่ ข้าก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องนายท่านของข้า”

“พี่สาว นี่ไม่ใช่ความคิดของข้าแน่ เจ้าอย่าพูดเหลวไหลเสียทีได้ไหม!” อาถิงกำลังจะโกรธแล้ว

“หึหึหึ! อาถิงคงจะเขินอาย”

สายตาของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา “ข้าเข้าใจแล้ว มีพวกเจ้าคอยสนับสนุนข้า ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว”

หลิงมองไปที่มู่เฉียนซีที่กำลังมองไปที่กระบี่มังกรเพลิงในมืออย่างใจลอยเขาถามว่า “ซีเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น? กระบี่ที่อารองสร้างขึ้น มีตรงไหนไม่เหมาะสม?”

“นี่คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แม้ว่าอารองจะเป็นปรมาจารย์ผู้หลอมอาวุธ แต่ทักษะการหลอมอาวุธก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถหลอมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อารองจะช่วยเจ้าหาผู้หลอมอาวุธที่แข็งแกร่งในโลกทั้งสี่ทิศ”

มู่เฉียนซีกล่าว “อารองทำได้ดีมาก แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าผู้หลอมคนไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับข้าในการหลอมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ใหม่ ไม่จําเป็นต้องให้อารองลำบากอีกต่อไป”

มู่เฉียนซีคว้าหลิงไว้และกล่าวว่า “ครั้งนี้อารองเกือบถูกเปิดโปงเพราะข้าแม้ว่าจะตัดรากถอนโคนไปแล้วแต่ต่อไปท่านก็ต้องระวังให้ดี”

“อารองก็จะคิดหาทางหนีออกจากตำหนักเป่ยหานเช่นกัน”

มู่เฉียนซีส่ายหัวและกล่าวว่า “ท่านอารองทำไม่ได้ เมื่อท่านเคลื่อนไหวท่านจะถูกจับได้ ปล่อยให้ข้าจัดการทุกอย่างได้หรือไม่?”

เดิมทีอารองก็ถูกควบคุมอยู่แล้ว ขอเพียงเปิดเผยจุดอ่อนออกมาก็จะถูกคนจับได้

“ซีเอ๋อร์ยังเด็ก ดังนั้นจะปล่อยให้ซีเอ๋อร์เข้าไปพัวพันได้อย่างไร?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านอารอง ท่านยังไม่รู้เรื่องนี้ดี นั่นก็คือหลานสาวของท่านมู่เฉียนซี เป็นผู้ใหญ่แล้ว และตอนนี้ก็ยังเป็นผู้นำตระกูลมู่อีกด้วย แม้ว่าท่านจะเป็นผู้อาวุโสของข้า แต่ท่านก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้นำตระกูล”

หลิงยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าซีเอ๋อร์จะดูเหมือนผู้นำตระกูล”

“ข้าจริงจังนะ!”

“รับคำสั่ง ท่านผู้นํา!” หลิงมองไปที่มู่ฉียนซีอย่างเอ็นดู

เขาลูบศีรษะของมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “แม้ว่าซีเอ๋อร์จะเป็นผู้นำตระกูลแล้ว แต่อารองก็ยังคงเป็นอารอง ที่ไม่ต้องการให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานหรือได้รับอันตรายอะไรที่ทำให้เจ้ารู้สึกกดดัน”

“ถ้าอารองเคลื่อนไหวโดยพลการ เช่นนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาพบข้าอีก” ใช้ไม่อ่อนไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้แข็ง

หลิงกล่าวว่า “ขอรับ! ทุกอย่างว่าตามคำสั่งของผู้นำตระกูล ข้าน้อยจะรอให้ท่านผู้นำตระกูลมาช่วยข้า”

มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “นับว่าเจ้าฉลาดมาก กล้ารังแกคนของตระกูลมู่ของพวกเรา ข้าต้องจัดการกับตำหนักเป่ยหานให้ได้อย่างแน่นอน ”

หลิงรู้ว่ามู่เฉียนซีได้ตัดสินใจแล้ว เขาจึงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ซีเอ๋อร์ต้องอย่าปล่อยให้ตัวเองเสี่ยง มิเช่นนั้นพี่ใหญ่จะเอาข้าตาย”

“อารอง ท่านฟื้นคืนความทรงจำแล้วหรือ?”

“เพียงแค่ว่าตอนที่เข้าไปในจุดที่เป็นทางตันของป่าเทียนเหลยนั้นก็มีความทรงจำบางอย่างขึ้นมา เพียงแต่ว่ามันเลือนรางนัก” หลิงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

“มันจะต้องดีขึ้น!”

ตราชีวิตของอวี้จีและคนอื่นๆในตำหนักเป่ยหานล้วนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ มีเพียงหลิงเท่านั้นที่ยังดีอยู่

“การตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กลับทำให้ต้องสูญเสียคนไปมากมาย ตำหนักตงจี๋ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” ผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดมน

“จะต้องเกิดเรื่องกับหลิงด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ตาย รีบส่งคนไปทางใต้เพื่อพาตัวกลับมาเดี๋ยวนี้”

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสสูงสุดไม่สงสัยเลยว่าหลิงจะทรยศเพราะแม้ว่าคนของตำหนักเป่ยหานจะล้วนเป็นคนทรยศ แต่หลิงก็จะไม่!

เพราะอาคมหวงห้ามนั้น ไม่มีใครสามารถต้านทานได้

เมื่อคนของตำหนักเป่ยหานได้ก้าวข้ามเข้าไปในดินแดนทวีปเหลยโจว หลิงก็ทราบทันที เขากำหมัดแน่นและมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างฝืนใจ!

“คนของตำหนักเป่ยหานมาหาพวกเขาแล้ว อารองต้องไปกับพวกเขา ถ้ายังอยู่กับท่านต่อไป มันจะต้องไม่ดีแน่”

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านอารอง ต้องระวังให้มาก!”

แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องให้เขากลับไป เพราะหากอารองขัดคำสั่ง คนที่ควบคุมเขาย่อมพบว่าอารองมีบางอย่างผิดปกติ