ตอนที่ 1101 - กลับมามีชีวิต

The Divine Nine Dragon Cauldron

ปั้ง…ปั้ง…
  หม้อเก้ามังกรได้รับพลังกลับคืนมาและเริ่มสั่นอย่างรุนแรงของเหลวที่มีสีทองปะปนเอ่อออกมาจำนวนมาก มันไหลเข้าไปสู่มังกรหยกตัวที่สี่บนผิวหม้อ
  ในเสี้ยววินาทีมังกรยาวสามในสิบส่วนได้เปล่งประกายที่หม้อ
  ซือหยูแทบจะฝืนดีใจไม่อยู่!
  ตั้งแต่ที่ได้มังกรขาวตัวที่สามที่เป็นตัวแทนแห่งดวงวิญญาณเขาก็ไม่ได้เห็นมังกรตัวใหม่มาเป็นเวลานานมาก
  ในเวลานี้หลังจากที่หม้อได้เลือดเทพหยดเดียว มังกรตัวที่สี่ก็เกิดขึ้นมา!!
  มือซ้ายของซือหยูเปล่งแสงสีหยกมือเขาเหมือนกับสลักมาด้วยหยกล้ำค่าจากสวรรค์
  ที่กลางฝ่ามือมีมังกรสีมรกตให้เห็นอยู่ลางๆ มันเป็นภาพที่เหมือนจริง มันได้กลายเป็นรอยพิมพ์บนมือเขา
  ข้อความอันไม่คุ้นเคยได้ปรากฏในสมอง
  “มังกรแห่งชีวิต…”
  ซือหยูออกเสียงเบาๆ ใต้ลมหายใจ
  มังกรสีมรกตตัวนี้เป็นตัวแทนแห่งชีวิต
  มันไม่ได้หมายถึงการรักษาหรือฟื้นพลังอย่างน้ำพุแห่งชีวิต…แต่มันหมายถึงชีวิตแบบตรงตัว!
  มันมีพลังที่นำคนให้กลับมามีชีวิต…พลังชุบชีวิต!!
  ตราบเท่าที่สิ่งนั้นยังมีเสี้ยววิญญาณเหลืออยู่บนโลกเมื่อใช้พลังของเขา เขาจะนำคนตายกลับมาได้!
  มันแตกต่างจากการกลับมามีชีวิตด้วยพลังย้อนเวลาเพราะมันจะต้องใช้อายุขัยของซือหยูเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เขาย้อนอดีตกลับมาได้
  แต่สิ่งนี้สามารถนำวิญญาณคนตายให้กลับมามีชีวิตได้!   แต่ยิ่งสิ่งที่เขาต้องการชุบชีวิตแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ยิ่งท้าทายในการชุบชีวิตกลับมา ในตอนนี้ ซือหยูมิอาจทำอะไรกับคนที่มีพลังเหนือกว่าเซียนได้
  ถึงอย่างนั้นมันก็มากพอที่ทำให้เขาแทบคลั่งไปแล้ว
  หลังจากเวลาก็เป็นพลังมิติหลังจากพลังมิติก็เป็นพลังวิญญาณ
  และหลังจากวิญญาณก็เป็นพลังชุบชีวิต!
  แต่ละพลังนั้นน่าตกตะลึงและลึกซึ้งเหนือกว่าพลังก่อนหน้าอย่างมาก
  ซือหยูใจสั่นหม้อเก้ามังกรมีอำนาจเพียงใดกัน?
  ด้วยมังกรมรกตที่ก่อตัวขึ้นซือหยูจะมีพลังขัดต่อธรรมชาติอีกหนึ่งพลัง เมื่อเขาก่อร่างมังกรได้ทั้งตัว เขาจะมีพลังเพียงใดกัน?
  ในขณะเดียวกันของเหลวที่ไหลผ่านมังกรหยกได้ไหลลงมาจากหม้อสู่ร่างกายของซือหยู  ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นปลาบเข้ามาจนมิติวิญญาณของเขาเกือบแตกสลาย
  ร่างกายของเขาราวกับอยู่ในกองเพลิงความแสบร้อนและพลังวิญญาณกำลังเผาไหม้ร่างกายจากภายใน
  มันคือโลหิตมังกร!
  โลหิตเทพมังกรหยดเดียวถูกหม้อเก้ามังกรเจือจางไปร้อยเท่าแต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของซือหยู มันก็เกือบจะเกินจุดที่ร่างกายเขารับไหว
  เขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลายจากภายในสู่ภายนอก
  ยิ่งอันตรายเท่าใดพลังก็ยิ่งไม่มีที่ไปมากเท่านั้น พลังมหาศาลได้หลั่งไหลเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
  ในเวลานี้พื้นที่ภายในจุดกำเนิดพลังภายในและภายนอกของซือหยูได้ใหญ่โตเกินกว่าภูติระดับเก้าทั่วไปถึงสิบเท่า ความกว้างใหญ่นั้นเหลือคณานับ  แต่เมื่อพลังเพียงแค่พลังเสี้ยวเดียวจากเลือดมังกรเข้าสู่จุดกำเนิดพลังจุดกำเนิดพลังภายนอกของเขาก็เต็มจนล้น!
  ไม่นานหลังจากนั้นจุดกำเนิดพลังภายในของเขาก็เต็มอีกด้วย!
  ยังมีพลังเหลืออยู่อีกสี่ในสิบเหลืออยู่และมันก็เข้าไปรวมตัวที่จุดกำเนิดพลังของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
  ซือหยูสาปแช่งในใจและพยายามที่จะหยุดการไหลของพลังและนำทางให้มันออกสู่ภายนอกร่างกายแต่มันสายไปแล้ว!
  พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดจุดกำเนิดพลังทั้งภายในและภายนอกของเขา!
  เมื่อเกิดระเบิดจุดกำเนิดพลังได้ขยายขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นสองเท่า!
  แต่ก็ยังเหลือพลังอยู่อีกเป็นจำนวนมาก!
  ต่อมาจุดกำเนิดพลังใหม่ที่ขยายแล้วของเขาก็ได้ระเบิดอีกและขยายเป็นสองเท่าของขนาดเดิม  ในเวลานี้ยังเหลือพลังอีกหนึ่งในสี่ และมันก็พุ่งเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
  จุดกำเนิดพลังของเขาเกิดระเบิดเป็นครั้งที่สาม!
  หลังจากขยายขนาดครั้งนี้เขาได้มีปริมาณพลังที่มิอาจจินตนาการได้!
  มันใหญ่กว่าเดิมแปดเท่าก่อนที่จะเกิดการขยาย!!
  ซือหยูเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปริมาณพลังกระบี่สีเงินที่เขาต้องใช้นั้นมีเพียงแค่หนึ่งในแปดของปริมาณพลังที่เขาเก็บได้
  ถ้าหากเทียบกับภูติระดับเก้าทั่วไปในเวลานี้จุดกำเนิดพลังของซือหยูจะใหญ่กว่าพวกเขาแปดสิบเท่า!
  หรือพูดอีกอย่างก็คือต้องใช้พลังของภูติระดับเก้าแปดสิบคนจึงจะมีปริมาณพลังชีวิตเท่ากับซือหยู
  การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจุดกำเนิดพลังของเขาหลังจากระเบิดสามครั้งทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังภายนอกและภายในผสานกันเป็นหนึ่ง
  นี่เป็นสิ่งที่ซือหยูไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซือหยูเพียงคิดว่าเขาต้องสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่เมื่อจุดกำเนิดพลังเดิมแตกสลาย นี่เป็นเหตุผลที่เขามีจุดกำเนิดพลังสองแห่งคือภายในและภายนอก
  เขาไม่คิดเลยว่าการระเบิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจะทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียว
  แต่มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้
  นั่นก็เพราะระหว่างการเป็นจ้าวเทวะจุดกำเนิดพลังของเขาจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นแก้วกำเนิด แต่การที่จุดกำเนิดพลังทั้งสองได้กลายเป็นหนึ่ง มันจะเกิดความแปลกประหลาดในระหว่างการเปลี่ยนแปลง มันอาจจะทำให้เขามีปัญหาใหญ่ก็ได้
  “อยากรู้นักว่าจะจุดกำเนิดพลังใหญ่โตเช่นนี้จะเป็นแก้วกำเนิดแบบไหน”   ซือหยูตื่นเต้นกับอนาคตข้างหน้า
  ระหว่างการทะลวงเป็นจ้าวเทวะยิ่งจุดกำเนิดพลังแข็งแกร่งเท่าใด แก้วกำเนิดก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเมื่อเป็นจ้าวเทวะสำเร็จ
  พลังหนึ่งในสามจากโลหิตเทพทำให้ซือหยูมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
  ไม่เพียงแต่เขาจะได้มีหัตถ์เทพแห่งชีวิตแต่จุดกำเนิดพลังของเขายังขยายขึ้นอย่างใหญ่โต กักเก็บพลังได้มหาศาล
  เทพปีศาจพูดถูกโลหิตเทพมังกรนั้นให้ประโยชน์กับเขาไม่สิ้นสุด
  นอกเหนือจากนั้นซือหยูยังได้รับข้อมูลใหม่จากโลหิตเทพหยดนี้ เขาได้รู้ว่าในการก่อร่างมังกรต่อไป วิธีการเดียวที่เขาทำได้ก็คือหาโลหิตเทพ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!
  หลังจากได้รับโลหิตเทพหม้อเก้ามังกรได้หมุนวนและออกจากมิติวิญญาณกลับสู่ดวงวิญญาณของซือหยู มันดูแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม
  “โฮ่งโฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”
  ในที่สุดเทพปีศาจก็เป็นอิสระมันเห่าโดยไม่รู้ตัว
  มันติดอยู่ในห้วงมิติเวลาดังนั้นมันจึงไม่รู้การมีอยู่ของหม้อเก้ามังกรเลย
  แต่ในฐานะที่เคยเป็นเทพปีศาจมันย่อมรับรู้ถึงเรื่องแปลกปลอม
  “เกิดอะไรขึ้น?จู่ ๆ ก็มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เดี๋ยวสิ เลือดเทพมังกรไปไหน?! ใครเอามันไป?”
  เทพปีศาจโวยวาย
  จากนั้นมันจ้องซือหยูอย่างดุร้าย
  “ฝีมือเจ้ารึ?เจ้าเอามันไปรึ? เจ้าทำอะไรกับข้า?”
  ซือหยูสุขุมเยือกเย็น
  “มีเรื่องเกิดขึ้นในมิติวิญญาณเมื่อครู่ข้าเลยเก็บโลหิตเทพมังกรเอาไว้”   “เกิดอะไรขึ้น?”
  “ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
  “เจ้าโกหก”
  “ข้าไม่เคยโกหก”
  “แต่เจ้ากำลังโกหกอยู่นี่”
  “เจ้าตรวจสอบสายใยมังกรแล้วเราจะทำอะไรกันต่อ?”
  ซือหยูถาม
  เทพปีศาจจ้องซือหยูอย่างไม่พอใจมันพูด
  “ไม่ยาก!ให้ข้าออกไป ข้าจะควบคุมร่างกายเจ้าสักหน่อย”
  ซือหยูง้างเท้า
  “อย่าเพิ่งเตะข้านะ!เจ้าแค่ปล่อยจิตสำนึกข้าเพียงเล็กน้อย ร่างจริงข้ายังถูกจองจำอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเสี้ยวจิตสำนึกข้าจะทำอะไรเจ้าได้กัน?”
  แววตาเยือกเย็นของซือหยูลดความแข็งกร้าวลงไปบ้าง
  เขาจะไม่ปล่อยเทพปีศาจนอกจากไม่มีทางเลือก
  “เอาล่ะเจ้าเก็บสายใยมังกรเอาไว้ก่อน ถ้าการปลูกถ่ายสำเร็จในเก้าวัน เจ้าจะได้รางวัลตามที่เจ้าขอ”
  ซือหยูกล่าว
  เทพปีศาจยิ้มและถาม
  “เจ้าจะให้วิญญาณเซียนกับข้าเป็นการชดเชยใช่ไหม?”
  มันเพียงแค่พูดแหย่แต่ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส
  “ทำไมจะไม่เล่า?”
  เทพปีศาจผงะมองซือหยูมันพูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน
  “ใครจะไปคิดเล่าว่าเด็กน้อยจากกระโจมเทพสวรรค์จะได้มายืนต่อหน้าข้าแล้วพูดจาอย่างนี้?ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะสิ้นสุดที่ใด”   “ยังมีเรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงกำลังมาอีก”
  ซือหยูไม่สะทกสะท้านเขาออกจากมิติวิญญาณโดยไม่หันหลังกลับ
  หลังจากกลับสู่กายหยาบซือหยูสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทันที การได้หลอมรวมกับโลหิตเทพมังกรที่เจือจางทำให้ใต้ผิวของเขามีสีทองจาง ๆ อยู่เล็กน้อย พลังที่ไม่ใช่พลังมนุษย์และพลังอสูรแฝงอยู่ในตัวเขา
  เขากำมือหนึ่งครั้งลำแสงสีทองแล่นผ่านมือ รอยแยกมิติหลายรอยเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
  “นี่มัน…”
  ซือหยูตกใจมากถึงร่างกายเขาจะแข็งแรงขึ้น มันก็ยังห่างไกลจากการกระชากมิติด้วยการกำมือ มันคือพลังเหนือมนุษย์ที่หล่อหลอมอยู่กับกระแสเลือดของเขา
  “หรือว่าจะเป็นพลังมังกร?”
  ซือหยูนิ่งราวกับท่อนไม้เมื่อร่างกายได้หลอมรวมเข้ากับโลหิตเทพมังกร เขาได้รับพลังของมังกรมาครอง
  ถ้าเขาเพียงแค่ใช้พลังมังกรนี้โดยปราศจากกายาเก้ามังกรก็จะไม่มีจ้าวเทวะคนใดที่มีร่างกายเหนือกว่าเขาแล้ว!
  เพราะว่าจ้าวเทะวที่สามารถฉีกมิติได้ด้วยมือเดียวนั้นมีอยู่เพียงหยิบมือ
  ซือหยูราวกับได้เป็นคนใหม่
  ขณะเดียวกันใบหน้าที่เคยหนุ่มแน่นได้เติบใหญ่ขึ้นจากโลหิตมังกร ทำให้เขาดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
  รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
  “ว้าวจ้าวผาให้ของขวัญอันยิ่งใหญ่กับข้าจริง ๆ”
  ซือหยูพูดแต่เขาเกรงว่าแม้แต่จ้าวผาเองก็ไม่พบการมีอยู่ของโลหิตเทพมังกร
  มิเช่นนั้นเขาจะมอบสมบัติล้ำค่าขนาดนี้กับซือหยูหรือ?
  โลหิตเทพมังกรหยดเดียวนั้นย่อมมีค่ามากกว่าสายใยมังกรเป็นร้อยเท่า  ซือหยูมองท้องนภาบนฟ้านั้นมีชั้นเมฆาดำสนิทที่คนอื่นมองไม่เห็น มันกำลังก่อตัวเป็นวายุช้า ๆ โดยมีเขาอยู่ตรงกลาง
  พลังของมันยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที
  ซือหยูเรียกหยดน้ำผึ้งสีอำพันออกมา
  “ข้าเก็บน้ำผึ้งร้อยบุพผาหยดสุดท้ายไว้เพื่อการนี้”
  ซือหยูยังเรียกประตูชีวาล่องและคุกเทวะห้าธาตุออกมาด้วย!
  สำหรับประตูชีวาล่องซือหยูคิดจะฝึกฝนวิชาเก้ามังกรอสูรและทะลวงขั้นสุดท้ายของวิชาด้วยปัญญาที่จะเพิ่มขึ้นจากน้ำผึ้งร้อยบุพผา
  ส่วนคุกเทวะห้าธาตุเขาเข้าใจอักษรอสูรเก้าสิบเก้าตัวแล้ว เขาต้องการอีกตัวเดียวที่จะใช้พลังหนึ่งในสิบของมันได้!
  วิบัติสวรรค์กำลังจะเข้ามาในอีกไม่นานเขาจะไม่ยอมทิ้งทุกโอกาสที่จะทำให้ตัวเขาเพิ่มพลังขึ้น  แสงสีม่วงเปล่งประกายผ่านตาซ้ายซือหยูเข้าสู่สภาวะเร่งเวลาและกลืนน้ำผึ้งร้อยบุพผาอันล้ำค่าเข้าไป เขาเข้าสู่การฝึกฝนทันที
  …
  ในโรงน้ำชาเมืองเทียนเหยาสตรีที่งดงามจนน่าตะลึงสองคนกำลังแอบพูดคุยกันและดื่มชาไปด้วย
  “โชคดีที่ศิษย์น้องสามช่วยข้าหนีทันมิเช่นนั้นข้าคงแย่แน่”
  ฮั่นเสวียนใบหน้าไร้เดียงสานางลูบหัวหหญิงสาวตรงหน้านางด้วยความรัก
  นางเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าทะนุถนอมราวกับอสูรจิ้งจอกในพงไพร
  ไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็ต้องหลงรักนางบ้างอาจถึงกับดูแลนางดั่งสัตว์เลี้ยงแสนรัก
  น่าเสียดายที่นางเงียบและเก็บตัวราวกับเสียบางอย่างไปมีบรรยากาศอันเงียบงันจากนางจนทำให้นางดูเยือกเย็น
  “เป็นเกียรติของข้า”   เด็กสาวพยักหน้าและคีบอาหารขึ้นด้วยตะเกียบด้วยสีหน้าเย็นชา
  ฮั่นเสวียนทำแบบเดียวกันแต่ในใบหน้ายิ้มแย้ม นางถูกราชาเขตกลางส่งมาที่ดินแดนมีดสวรรค์เพื่อเข้าร่วมสงครามระหว่างดินแดนพรสวรรค์
  ในระหว่างทางนางได้พบกับศิษย์น้องสามที่รีบมาพบนาง นางบอกว่าดินแดนมีดสวรรค์กำลังเจอปัญหาและไม่เหมาะที่จะเดินทางไปไกลกว่านั้น
  เมื่อนางถามถึงเรื่องดินแดนมีดสวรรค์ฮั่นเสวียนก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ได้สมคบคิดกับเผ่าผี!
  อีกทั้งยังมีข่าวว่าทัพใหญ่ของเผ่าผีกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงแห่งเขตกลางด้วยกำลังเต็มพิกัดอีกทั้งยังต้องผ่านดินแดนมีดสวรรค์ไป
  ถ้าหากดินแดนมีดสวรรค์หนีไม่ทันเวลาและได้เจอกับทัพผีผลที่ตามมาคงจะร้ายแรงเป็นแน่  “ข้าอยากจะถามอยู่พอดีเจ้าออกมาจากวังหลวงเขตกลางได้ยังไงรึ?”
  ฮั่นเสวียนถามด้วยความสงสัย