ตอนที่ 266 กลับบ้านแม่สามวัน

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ไม่นานก็มาถึงวันที่สาม เป็นวันที่ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน

 

เช้าตรู่ หวงฝู่อี้เซวียนก็ตื่นแล้ว กลัวว่าจะไปรบกวนเมิ่งเชี่ยนโยว จึงเดินลงจากเตียงอย่างเบาๆ ออกมาที่ด้านนอก สิ่งแรกคือสั่งให้โจวอานเรียกตัวผู้ดูแลมา หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องครัว ต้มข้าวต้ม จัดเตรียมสำรับ

 

ท่าทางของทุกคนระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่มีเสียงอันใดเลยสักนิด

 

ผู้ดูแลตามโจวอานมาอย่างเงียบๆ เดินไปที่ประตูห้องครัว แล้วพูดทำความเคารพว่า “ซื่อจื่อ”

 

ทำสัญลักษณ์ให้เขาเดินเข้ามา หวงฝู่อี้เซวียนถามอย่างเบาๆ ว่า “สิ่งของที่เตรียมเอาไว้เพื่อกลับบ้านเตรียมไปถึงไหนแล้ว”

 

คิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะถามเรื่องนี้ ผู้ดูแลเลยเอาใบจดบันทึกออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นให้เขาอย่างนอบน้อม “นี่เป็นใบจดบันทึกรายการของขวัญ ท่านดูเถิด ถ้าหากว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม ข้าน้อยจะไปหามาให้”

 

รับใบจดรายการมา ก็รีบดูอย่างรวดเร็ว พยักหน้าอย่างพอใจ “ไปเตรียมให้เรียบร้อย รอให้พระชายาซื่อจื่อกินข้าวเสร็จพวกเราก็จะเริ่มออกเดินทาง”

 

ผู้ดูแลโค้งคำนับและตอบรับ แล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

อาจจะเพราะได้กลิ่นกับข้าว หวงฝู่อี้เซวียนทำสำรับเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตื่นพอดี

 

เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาจากในห้อง และทำท่าทางห้ามชิงหลวนไม่ให้เข้าไปดูแล หวงฝู่อี้เซวียนยกสำรับกับข้าวเดินเข้าไปที่ด้านในห้อง

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบลุกขึ้นมาแต่งตัว หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็เริ่มกินข้าว

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังคงมองนางด้วยสีหน้าที่น่าพอใจ

 

หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสองคนเก็บของเรียบร้อย จึงไปที่ตำหนักของพระชายาฉีเพื่อบอกกล่าวให้เรียบร้อย แล้วนำของขวัญที่เตรียมไว้แล้ว นั่งรถม้ามาที่หนานเฉิง

 

เมิ่งชื่อและซุนเชี่ยนมารออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นมีรถม้าเดินทางเข้ามา รถยังไม่ทันหยุด ก็เดินไปต้อนรับโดยทันที

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยุงเมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถ เมื่อเห็นเมิ่งชื่อ ก็เดินเข้าไปหานางด้วยความคิดถึง แล้วกอดเข้าไปที่แขนของเมิ่งชื่อบอกว่า “ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”

 

“เบาๆ หน่อย” แม่เมิ่งชื่อกลับให้ความสนใจที่ท้องของนาง เห็นนางเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ ก็ตกใจจนรีบบอกนางว่า “เจ้าเพิ่งจะตั้งท้อง ครรภ์ยังสมบูรณ์ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างนี้อีกเป็นอันขาด”

 

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร หนังของข้าแข็งแรงจะตาย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดล้อเล่น

 

เมิ่งชื่อมองจ้องไปที่นาง “อย่าลืมไปว่าเหตุใดเจ้ากับอี้เซวียนถึงใช้เวลาตั้งนานกว่าจะได้แต่งงานกัน ถ้าหากว่าเจ้าไม่ระมัดระวังล่ะก็ ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ ต่อให้เสียใจแค่ไหนก็ไม่ทันแล้ว”

 

เรื่องอารมณ์แปรปรวนเป็นเวลาแปดเดือน เป็นเรื่องที่เมิ่งเชี่ยนโยวกังวลและรู้สึกผิดกับหวงฝู่อี้เซวียนและครอบครัวมาโดยตลอด ตอนนี้ได้ยินเมิ่งชื่อพูดขึ้นมา ก็เลยเปลี่ยนน้ำเสียง พูดดีด้วยว่า “ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว หลังจากนี้แม้ตอนข้าเดินข้าก็จะเดินเบาๆ จะไม่เดินเร็วๆ อีกแล้วเจ้าค่ะ”

 

เมิ่งชื่อถึงได้พอใจ ทุกคนก็เดินเข้าไปที่ด้านในบ้าน

 

เมิ่งเอ้อร์อิ๋นและเมิ่งเสียน เมิ่งฉีก็ออกมาต้อนรับ หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนทักทายแต่ละคนเสร็จแล้ว แล้วจึงเดินเข้าไปที่จวนของสองสามีภรรยาเมิ่งจงจวี่

 

ทั้งสองคนตั้งหน้าตั้งตารอตั้งนานแล้ว เมื่อเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปด้านใน เหล่าเมิ่งซื่อก็โบกมือทักทายนางโดยทันที “โยวเอ๋อร์ มาอยู่กับย่านี่มา มาให้ย่าดูสิ ว่าผอมไปหรือไม่”

 

ปล่อยมือจากเมิ่งชื่อ แล้วเดินไปที่ข้างๆ เหล่าเมิ่งซื่อ แล้วเรียก “ท่านย่า” แล้วนั่งไปที่ข้างๆ นาง

 

เหล่าเมิ่งซื่อก็ตอบรับอย่างดีใจว่า “แม่ของเจ้ากลับมา ก็บอกก่อนเลยว่าเจ้าตั้งครรภ์ ย่าดีใจที่สุดเลยล่ะ ถ้าหากไม่เป็นเพราะฐานะที่ไม่เหมาะสมล่ะก็ ย่าจะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนอ๋องตั้งนานแล้ว”

 

“ท่านย่า ไม่มีอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ ถ้าหากว่าท่านอยากไป ก็ไปได้ตลอดเลยล่ะ”

 

เหล่าเมิ่งซื่อยิ้มแล้วลูบมือของนาง “ย่าน่ะ ไม่เคยออกไปด้านนอกเลย แค่เห็นขุนนางชั้นสูงก็ขาอ่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านอ๋องยศสูงเสียขนาดนั้น ย่ายิ่งไม่กล้าไป”

 

ทุกคนเมื่อได้ยินก็หัวเราะ

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านย่า อี้เซวียนก็เป็นขุนนางชั้นสูงนะ ไม่เห็นท่านกลัวเลย”

 

“นั่นไม่เหมือนกัน อี้เซวียนเป็นหลานของข้า เหตุใดข้าต้องกลัวด้วย”

 

“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ท่านก็คิดเสียว่าไปบ้านหลานแท้ๆ ของท่าน ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”

อ่านนิยาย

เหล่าเมิ่งซื่อยิ้มแล้วโบกมือ “เจ้าอย่ามาหลอกข้าเลย ข้าไม่ได้ไม่รู้เรื่องราวอะไรเสียหน่อย ไม่ติดกับเจ้าหรอก ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้นหรอก”

 

ทุกคนก็หัวเราะ

 

หวงฝู่อี้เซวียนออกคำสั่งให้โจวอานนำของขวัญที่เตรียมไว้เข้ามา แล้วมอบให้กับสองสามีภรรยาเมิ่งจงจวี่ด้วยตนเอง

 

ทั้งสองคนดีใจจนแทบจะทนไม่ไหว

 

ทุกคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง เมิ่งจงจวี่จึงบอกว่า “หลังจากวันนี้ที่พวกเจ้ากลับมา ก็ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้ากับย่าของเจ้าปรึกษากันแล้วว่า สองวันนี้ก็จะกลับแล้ว”

 

“ไม่ได้เจ้าค่ะ!” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดคัดค้าน

 

“ไม่ได้ขอรับ!” หวงฝู่อี้เซวียนก็พูดคัดค้านขึ้นมาเช่นกัน

 

ทั้งสองมองหน้ากัน เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “หลังจากที่ท่านปู่ ท่านย่ามา ก็มัวแต่ยุ่งแต่เรื่องงานแต่งของข้า แม้กระทั่งในเมืองก็ไม่ได้ออกเดินเล่นเลยสักนิด ตอนนี้กำลังดี ข้าก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ต้องทำ ข้ากับหวงฝู่อี้เซวียนเลยจะพาท่านทั้งสองออกไปเดินดูรอบๆ”

 

“ไม่ได้ๆ !” เหล่าเมิ่งซื่อโบกมือแล้วปฎิเสธอย่างรวดเร็ว “ในเมืองมีแต่ชนชั้นสูง ได้ยินว่าถ้าหากว่าเดินไม่ระวังไปชนพวกเขาเข้า จะโดนตัดหัวเอา ย่าไม่ไปหรอก”

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา

 

เมิ่งจงจวี่เอ่ยปากว่า “ได้มาเมืองหลวงที่เคยใฝ่ฝันเอาไว้ก็ ปู่ก็พอใจมากแล้ว เรื่องเดินชมเมือง ก็ไม่เอาแล้วล่ะ”

 

“ในเมื่อเป็นเมืองหลวงที่ท่านใฝ่ฝัน ท่านก็ควรที่จะออกไปเดินดูเสียหน่อย อีกทั้ง บ้านหลังใหญ่ของพวกเราที่อยู่ที่ด้านนอกเมือง สวยงามหรูหราเป็นอย่างมาก ใหญ่กว่าหมู่บ้านของพวกเราเสียอีก ท่านไม่อยากไปดูอย่างเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”

 

เหล่าเมิ่งซื่อเบิกตาโพรงขึ้นทันที แล้วถามด้วยความตกใจว่า “กว้างกว่าหมู่บ้านของพวกเราอีกงั้นรึ”

 

“อื้ม!” เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

“อย่างนั้นย่าอยากจะไปดูเสียจริงๆ แล้วล่ะ” เหล่าเมิ่งซื่อพูด พูดจบ ก็มองไปที่เมิ่งจงจวี่ด้วยความคาดหวัง

 

เมิ่งจงจวี่ก็ยังคงความกังวลอยู่

 

หวงฝู่อี้เซวียนจึงเพิ่มเชื้อไฟลงไปอีก “ท่านปู่ วันพรุ่งข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าเสด็จลุง ให้เจี๋ยเอ๋อร์กับชิงเอ๋อร์ไปเรียนหนังสือที่กั๋วจื่อเจี้ยน ท่านไม่อยู่ที่นี่ รอให้พวกเขาเข้าโรงเรียนก่อนแล้วค่อยกลับอย่างนั้นหรือ”

 

เข้าเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนได้ สำหรับคนบ้านนอกแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่เกินฝันเสียจริงๆ หรือก็เป็นเกียรติมากเช่นกัน ได้ยินเช่นนี้เมิ่งจงจวี่ก็ซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และแล้วความคาดหวังก็เอาชนะความกังวลได้ พยักหน้า แล้วตอบรับ “ได้ ข้าจะรอให้เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์เข้าเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนก่อนค่อยกลับ”

 

เมื่อทุกคนได้ยินก็สบายใจ

 

เมื่อคืนเมิ่งจงจวี่พูดกับทุกคนไว้แล้วว่า อีกไม่กี่วันก็จะกลับบ้านนอก ทุกคนต่างก็ไม่เห็นด้วย ตอนมาก็มาแบบเร่งรีบ เมื่อมาถึงก็เอาแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานของเมิ่งเชี่ยนโยว หลายวันที่ผ่านมาเหนื่อยจะแย่ คนแก่ทั้งสองคนต่างก็เป็นกังวลมิใช่น้อย ไม่มีเวลาพักผ่อนเลยสักนิด พวกเขาต่างก็หวังว่าทั้งสองจะอยู่พักสักสิบวันครึ่งเดือน พักหายเหนื่อยแล้วค่อยกลับบ้าน แต่ทั้งสองคนกลับดึงดันไม่ยอมท่าเดียว ในขณะที่ทุกคนกำลังเศร้าใจ แต่ตอนนี้ดีแล้ว ที่คนแก่ทั้งสองคนได้อยู่ที่นี่ต่อ

 

เจาเอ๋อร์ หงเอ๋อร์กับเซิ่งเอ๋อร์รวมไปถึงเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงได้ยินว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ดีใจยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องของสองสามีภรรยาเมิ่งจงจวี่ เห็นนางเดินออกมาจากด้านใน ก็ดีใจเดินไปล้อมนางเอาไว้ บางคนก็เรียกว่าพี่สาว บางคนเรียกว่าท่านป้า คึกคักเชียวล่ะ

 

เมิ่งชื่อและทุกคนได้เห็นภาพนี้ก็มีความสุขเป็นที่สุด

 

หวงฝู่อี้เซวียนสั่งให้โจวอานนำของขวัญที่เตรียมมามามอบให้กับเด็กๆ

คลิก

เจาเอ๋อร์ หงเอ๋อร์และเซิ่งเอ๋อร์ได้รับของขวัญแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก หยิบขึ้นมามองซ้ายมองขวา แล้วหวงเป็นที่สุด

 

หวงฝู่อี้เซวียนโบกมือให้กับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง ทั้งสองคนเดินมาที่ด้านหน้า แล้วตะโกนเรียกด้วยความดีใจว่า “พี่อี้เซวียน”

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ข้าได้พูดกับท่านปู่ไว้แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะส่งพวกเจ้าไปเข้าเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยน แต่ว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนมีแบบทดสอบอันหนึ่ง ให้พวกเจ้าเตรียมใจไว้ก่อน ข้าจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังให้พวกเจ้าฟัง ถ้าหากว่าไม่ผ่านแบบทดสอบ ข้าก็จะไม่ไปขอร้องให้พวกเจ้าหรอกนะ”

 

ทั้งสองคนดีใจจนแทบกระโดด โดยเฉพาะเมิ่งชิง ถามราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน “จริงหรือ พี่อี้เซวียน พวกเราสามารถเข้าเรียนที่กั๋วจื่อเจี้ยนได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ”

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้อ่อนข้อ พูดว่า “ผ่านแบบทดสอบก่อนถึงจะได้”

 

เมิ่งชิงทุบลงที่อกตนเอง “ท่านวางใจเถิด พวกเราสองพี่น้องจะต้องทำได้แน่นอน” หลังจากนั้นจึงถามว่า “ข้าได้ยินว่าในกั๋วจื่อเจี้ยนมีวิชาให้เรียนเยอะแยะไปหมด ถึงเวลานั้นข้าสามารถเลือกตามใจชอบได้เลยหรือไม่”

 

“การเรียนคือที่หนึ่ง ส่วนเรื่องอื่น ที่เจ้าสนใจก็สามารถเรียนได้”

 

“ดีเลย” เมิ่งชิงดีใจมาก “ข้าอยากเรียนขี่ม้ายิงธนู ข้าอยากเรียนสายบู๊”

 

เมิ่งเจี๋ยทำเพียงแค่เม้มปากยืนอยู่กับที่

 

ลูกสาวที่กลับบ้านแม่มาจะต้องค้างที่บ้านแม่ หลังจากที่อยู่ที่บ้านเมิ่งมาแล้วหนึ่งวัน กินข้าวเย็นเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนกลับเศร้าใจบอกว่า ไม่รู้ว่าท่านแม่จะเหมือนเสด็จแม่ของข้าหรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องให้ตนกับโยวเอ๋อร์แยกกันอยู่

 

เมิ่งเสียนที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเขาอยู่ตลอดนั้นก็เห็นถึงความกลัดกลุ้มของเขา ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่ด้านหน้าของเขา แล้วลูบไปที่หัวไหล่ของเขา “วางใจเถอะ มีพ่ออยู่ แม่จะไม่รบกวนพวกเจ้าหรอก”

 

ถึงอย่างนั้น ตอนดึก เมิ่งชื่อก็ไม่ได้พูดว่าจะให้ทั้งสองคนแยกกันนอน หวงฝู่อี้เซวียนดีใจเป็นที่สุด อ้างว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเหนื่อยแล้ว จึงพยุงนางกลับไปที่ๆ พักที่เขาเคยอยู่

 

เห็นเขานั่งอยู่ในห้อง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหลุดขำออกมา

 

หนึ่งคืนผ่านไป

 

วันที่สองหลังกินข้าวเช้าเสร็จ เมิ่งเอ้ออิ๋นพ่อลูกทั้งสามคนนั่งรถม้ามานำโดยเหวินเปียว พาเมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยามาเดินเล่นรอบเมือง

 

โจวอานทำตามคำสั่งของหวงฝู่อี้เซวียน โดยการนำทหารองครักษ์มาด้วยอีกยี่สิบนาย

 

ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่จวนอ๋อง จริงๆ แล้วเมิ่งชื่ออยากตามมาด้วย แต่ก็รู้สึกไม่เหมาะสม เลยล้มเลิกความคิดนี้

 

ทั้งสองคนไม่ได้อยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน พระชายาฉีรู้สึกกระวนกระวายใจตลอดเวลา ก็เลยมายืนรออยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋องตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวปลอดภัยดี ใจที่กระวนกระวายถึงจะวางลงได้ เพื่อจะกลบเกลื่อนความกังวลใจของตน จึงเอ่ยปากถามว่า “โยวเอ๋อร์ เหตุใดแม่ของเจ้าถึงไม่มาด้วยล่ะ”

 

“ท่านแม่บอกว่าไม่เหมาะสม จึงไม่ได้มาเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

 

“มีอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะสมกันล่ะ มาบ้านลูกสาว ไม่ได้ไปที่ไหนเสียหน่อย”

 

เมื่อเห็นพระชายาฉียืนรออยู่ที่หน้าประตู รู้ว่านางเป็นห่วงเมิ่งเชี่ยนโยว ดูเหมือนว่าวันนี้ตนจะไม่ได้อยู่กับโยวเอ๋อร์ตามลำพังแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนจึงรีบเอ่ยปากบอกก่อนว่า “เสด็จแม่ วันนี้ข้าว่างเลยจะเข้าไปที่ในวังเสียหน่อย ส่วนโยวเอ๋อร์ก็ให้อยู่กับท่านนะขอรับ”

 

พระชายาฉีเห็นว่าเขาไม่ค่อยได้อยู่บ้านอยู่แล้ว ฝากเมิ่งเชี่ยนโยวให้ตนดูแลอยู่ตลอดๆ ได้ยินดังนั้นก็รีบโบกมือ “ไปเถอะๆ มีธุระอะไรเจ้ารีบไปทำเถอะ แม่จะดูแลโยวเอ๋อร์ให้เป็นอย่างดี”

 

เมื่อเห็นนางรีบร้อนไล่ตนออกไป หวงฝู่อี้เซวียนอ้าปากค้าง อยากที่จะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำออกมาจึงไม่ได้พูดอะไร หันหลัง แล้วขึ้นหลังม้า ออกคำสั่งให้คนรถมุ่งหน้าไปที่ตงกง

 

ปีที่ผ่านมานี้ หวงฝู่ซวิ่นเหนื่อยแทบตาย เรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้มีหวงฝู่อี้เซวียนเป็นคนจัดการ เขาเพียงแค่เป็นเถ้าแก่ที่ชี้ไปชี้มาเท่านั้น แต่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวหายตัวไปตั้งแปดเดือน นายคนนี้ก็ไม่เคยออกจากจากจวนอีกเลย อย่าพูดถึงจัดการเรื่องงานราชการต่างๆ แทนเขาเลย มีหลายครั้ง ที่เขาจัดการไม่ได้จริงๆ เลยแอบไปหาเขาที่จวนอ๋อง ให้เขาช่วยเหลือตน แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้คนเลวผู้นี้ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ใช้ให้ทหารองครักษ์โยนตนออกมานอกจวนอย่างไม่ไว้หน้า ทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก จึงไม่กล้าที่จะไปหาเขาอีก

 

เมื่อรู้ว่าไอ้คนนี้เวลาโกรธจะเป็นเช่นไร เมื่อสองปีก่อน เขาก็แค่พลั้งปากพูดออกมาว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็แค่สาวบ้านนอกคนหนึ่งไม่เหมาะสมกับเขา ไอเศษเดนคนนี้แหละอยู่ที่ตงกง ตำหนักขององค์รัชทายาท แล้วตีเขาต่อหน้าทุกคนจนทุกคนย่องหนีออกไปกันหมด

 

ดังนั้นเมื่อได้ยินรายงาน ว่าเขามาหาตน หวงฝู่ซวิ่นจึงทายว่าเขาจะต้องมาขอความช่วยเหลือตนอย่างแน่นอน จึงยืดอกตรง แล้วแสดงออกถึงท่าทางดูสูงส่ง สั่งให้บ่าวบอกไปว่า “ให้ซื่อจื่อเข้ามา”

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามา เห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็รู้ว่าเขาต้องการที่จะทำอะไร จึงไม่ได้ทำความเคารพ แล้วเดินไปที่เก้าอี้เลย พูดว่า “ช่วยข้าหน่อย”

 

หวงฝู่ซวิ่นยิ้มด้วยความชอบใจ ท่าทางสูงส่งหายไป แล้วตอบกลับไปอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ช่วย”

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง แล้วยืนขึ้นอย่างสง่างาม แล้วเดินออกไปอย่างไร้ซึ่งความกังวลใจ

 

หวงฝู่ซวิ่นฉงน แล้วรีบพูดว่า “หยุด!”

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่หยุด เมื่อเห็นว่าเดินไปถึงประตูแล้ว หวงฝู่ซวิ่นโกรธเป็นอย่างมาก จึงได้หยิบฝาถ้วยชาโยนไปที่เขาแล้วพูดว่า “ข้าบอกว่าให้เจ้าหยุด!”

 

ได้ยินเสียงลมทางด้านหลัง หวงฝู่อี้เซวียนขยับหัวหลบเล็กน้อย ก็หลบฝาถ้วยชาได้อย่างง่ายดาย

 

ฝาถ้วยชาไปแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่ประตู แล้วร่วงหล่นลงที่พื้น