จวินอู๋เสียไปที่ห้องของจวินอู๋เหยาและไม่พูดอะไรสักคำ นางยืนอยู่ที่โต๊ะ ใช้น้ำล้างเลือดออกจากมือทีละนิด บรรยากาศเย็นยะเยือกที่ออกมาจากจวินอู๋เสียทำให้พวกเย่ฉาไม่ก้าวเข้าไป พวกเขารู้สึกได้ว่าจวินอู๋เสียโกรธถึงขีดสุด ความสงบนิ่งที่นางแสดงออกมาภายใต้ความโกรธที่รุนแรงนั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
“เย่เม่ย ไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ภูเขาฝูเหยา” จวินอู๋เหยาออกคำสั่งเย่เม่ยด้วยตัวเอง
“ขอรับ!” ทันทีที่สิ้นเสียง เย่เม่ยก็หายตัวไปจากห้อง
“เย่ฉา”
“ขอรับ!” เย่ฉาก้าวออกมา
“คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเก้าอาราม”
“ขอรับ!” แล้วเย่ฉาก็หายตัวไป
“เย่กู”
“ขอรับ” เย่กูก้าวออกมา
จวินอู๋เหยาหยิบแผ่นหยกออกมาจากเสื้อคลุมและส่งให้เย่กู
เมื่อเย่กูเห็นแผ่นหยกนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง จ้องมองมันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นายท่านเจว๋! ท่าน……” น้ำเสียงของเย่กูแสดงถึงความตกใจและตื่นตระหนก
แต่จวินอู๋เหยาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ไป”
เย่กูขบกรามขณะจ้องมองแผ่นหยกในมือเขา เขาสูดหายใจลึก มือกำแผ่นหยกแน่น
“ขอรับ!”
เย่กูออกไป เหลือเพียงจวินอู๋เสียและจวินอู๋เหยาอยู่ในห้อง จวินอู๋เหยาลุกขึ้นและเดินไปยืนข้างๆจวินอู๋เสีย มองดูนางถูมือขาวนุ่มไม่หยุดจนเกือบจะเป็นการทำร้ายตัวเอง ราวกับนางอยากจะขูดเนื้อหนังตัวเองออก เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วจับมือคู่นั้นมาวางแนบที่หน้าอกของเขา พร้อมกับดึงจวินอู๋เสียเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดและจับศีรษะของนางให้เอนพิงหน้าอกเขา novel-lucky
“ไม่เป็นไร เจ้าช่วยซูหย่าได้แน่” จวินอู๋เหยาปลอบจวินอู๋เสียเสียงเบา อยู่กับจวินอู๋เสียมานาน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางห่วงใยครอบครัว เพื่อน และอาจารย์ของตนมากแค่ไหน
เป็นเพราะชีวิตในชาติที่แล้วของจวินอู๋เสียเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นใดๆ และไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับใคร ในชาตินี้ ความผูกพันในครอบครัว มิตรภาพ และความรักเป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุดสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับนาง มันเหมือนของขวัญจากสวรรค์ แม้ว่านางจะไม่เคยพูดออกมา แต่ทั้งหมดนี้ได้จารึกอยู่ในหัวใจนาง ซึมซาบฝังลึกเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูก ไม่มีวันขูดออกมาได้
จวินอู๋เสียไม่พูด ในใจหวนนึกถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ในสำนักธาราเมฆ คำพูดของเทียนเจ๋อเป็นเหมือนฝันร้ายที่เข้ามาแทรกความทรงจำดีๆเหล่านั้น ฉีกภาพความทรงจำที่งดงามให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จวินอู๋เสียไม่กล้าคิดว่าการทรมานที่คนพวกนั้นทำกับซูหย่าจะโหดร้ายเพียงใด
“ข้าจะฆ่าพวกมัน” จวินอู๋เสียเงียบอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็เอ่ยคำปฏิญาณที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งออกมา
“ได้……ได้……ฆ่าได้ตามใจเจ้าเลย” จวินอู๋เหยาปลอบเสียงนุ่ม
ทั้งสองกอดกันอยู่นานจนกระทั่งอารมณ์ของจวินอู๋เสียสงบลง นางไม่ได้รีบร้อนออกไปทำอะไร แต่กลับเขียนจดหมายอยู่ในห้องนั้น และขอให้จวินอู๋เหยาปล่อยงูดำออกมาเพื่อส่งจดหมายไปยังอาณาจักรล่าง
ห้าวันเป็นเวลาที่แสนสั้น แม้ว่านางจะส่งข่าวออกไป พวกเขาก็ไม่สามารถมาได้ทันเวลา แต่การลงมือทำก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ขณะเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวสวมหน้ากากก็ควบม้าอย่างสุดฝีเท้าเพื่อจะรีบไปพบประมุขของวิหารหยกวิญญาณ เนื่องจากระยะทางไม่ห่างกันมาก ยามฟ้าสางนางก็ไปถึงจุดหมาย นางพลิกตัวลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว แล้วรีบวิ่งไปยังห้องโถงใหญ่ของวิหารหยกวิญญาณ
ฟ้ายังไม่ค่อยสว่างเท่าไรนัก ห้องโถงเงียบสงัดวังเวง มีเพียงศิษย์ผู้หญิงสองคนกำลังเช็ดพื้นอยู่ เมื่อเห็นหญิงสาวสวมหน้ากาก ทั้งสองก็ลุกขึ้นทักทายนางด้วยรอยยิ้มทันที