ตอนที่ 1680 วุ่นวาย

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

ผู้ปกครองคนเดียว โดยเฉพาะแม่เลี้ยงเดี่ยวมีความกดดันมากในสังคมปัจจุบัน

 

 

สภาพของประเทศจีนและอเมริกาไม่เหมือนกัน ทางฝั่งอเมริกา หลังจากสามีภรรยาหย่าร้างกันแล้ว ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะหาภรรยาใหม่ ส่วนฝ่ายหญิงมักจะได้รับบ้านกับลูก ได้รับเงินค่าเลี้ยงดูทุกเดือน รวมถึงเงินค่าเลี้ยงดูสองส่วนให้ฝ่ายหญิงและลูก อาจจะยังมีเบี้ยเลี้ยงและเงินช่วยเหลือของรัฐบาลด้วย เปรียบเทียบสภาพทางเศรษฐกิจแล้วค่อนข้างมีกินมีใช้ แต่ทางฝั่งประเทศจีนถึงตอนหย่าก็ต้องแบ่งทรัพย์สินให้ยุติธรรม ฝ่ายหญิงอย่างมากก็ได้รับเงินค่าเลี้ยงดูของลูก จำนวนอาจจะไม่ได้มากเท่าไร อยากอาศัยเงินก้อนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ลำบาก ฉะนั้นอาจจะยังต้องออกไปทำงานด้วย

 

 

ทุกบ้านมีปัญหา ถ้าฝ่ายหญิงหย่าแล้วได้แต่งงานใหม่ในไม่ช้าก็ดี แต่ถ้าเจ็บปวดจากการแต่งงานครั้งก่อน แล้วยังเดินออกจากเงาดำมืดไม่ได้สักที หรือเพราะให้ความสำคัญกับลูกมาก เป็นห่วงว่าพ่อคนใหม่จะไม่ดีกับลูก จึงไม่คิดจะแต่งงานอีก ตัวเองเลยต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วยเท่านั้น ไม่มีเวลารับส่งลูกไปเรียนและเลิกเรียนก็เป็นเรื่องปกติมาก

 

 

จางจื่ออันไม่แน่ใจสถานการณ์จริงๆ ในบ้านของเสี่ยวฉินไช่ อาจจะเป็นอย่างที่เขาคาดเดา หรือเขาอาจจะคิดมากเกินไปเอง บางทีความจริงสองสามีภรรยาอาจจะเป็นพนักงานบริษัทหาเช้ากินค่ำตลอดทั้งหกวัน และเสี่ยวฉินไช่ไม่ค่อยชอบพ่อ จึงไม่ค่อยพูดถึงเท่านั้นเอง

 

 

เขาไม่ได้ถามเจาะลึก ถามไปแล้วได้อะไรล่ะ? เรื่องที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ พูดไปก็นังแต่จะทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แล้วจะไปมีความหมายอะไร?

 

 

แต่อย่างน้อยเขาก็ทำเรื่องเล็กน้อยที่ทำได้จำนวนหนึ่ง

 

 

เขาจึงเปลี่ยนคำถาม “งั้น…ที่บ้านเธอมีคนอยู่ไหม?”

 

 

เสี่ยวฉินไช่ส่ายหน้า

 

 

“งั้นเธอกลับไปแล้วจะเข้าบ้านได้ไหม?” เขาถามอีก

 

 

เธอยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าพูดเขินๆ “ได้ค่ะ เพราะหนูไม่ค่อยรอบคอบ ทำกุญแจหายตลอด แม่หนูเลยเปลี่ยนล็อกกุญแจเป็นล็อกลายนิ้วมือ…”

 

 

ความจริงแล้วเธอไม่นับว่าไม่รอบคอบ แค่ร่าเริงเกินไปเท่านั้น กระโดดโลดเต้นทั้งวันจนทำกุญแจหายได้ง่ายจริงๆ นั่นแหละ

 

 

“อย่างนี้นี่เอง…”

 

 

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย เสี่ยวฉินไช่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้ว่าทางโรงเรียนโทรศัพท์บอกแม่ของเธอหรือยัง คิดดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างมากก็แค่ติดแท็กหาทุกคนในวีแชทเท่านั้น นักเรียนมากมายขนาดนั้นจะโทรศัพท์บอกทีละคนได้อย่างไร…อีกอย่างพวกคุณครูที่โรงเรียนก็รีบร้อนกลับบ้านเหมือนกัน เพื่อกันไม่ให้ลูกตัวเองเจออันตรายในวันที่มีไต้ฝุ่น

 

 

ระหว่างคุยกัน เด็กนักเรียนสองสามคนก็วิ่งผ่านหน้าร้านอย่างตื่นเต้น พวกเขาไม่รู้ว่าไต้ฝุ่นอันตรายแค่ไหน รู้แค่อยู่ๆ ก็ได้วันหยุดอย่างน้อยครึ่งวัน แม้คุณครูจะให้การบ้านกองโต แต่พวกเขาก็ยังคงดีใจจนเหมือนลูกนกได้ออกจากกรง

 

 

“เสี่ยวฉินไช่ ถ้าที่บ้านเธอไม่มีคนอยู่ เข้าไปอยู่ในร้านฉันสักพักไหม? พอแม่เธอเลิกงานแล้วค่อยกลับไป หรือโทรฯ หาเธอ รอให้เธอมารับดีไหม?” เขาพูดเสนอ

 

 

ถ้าเป็นเวลาปกติคงได้ แต่ให้เด็กนักเรียนอยู่ลำพังในวันที่มีไต้ฝุ่น ก็อาจจะเกิดอันตรายได้ ยังไม่รู้ว่าไต้ฝุ่นครั้งนี้รุนแรงขนาดไหน อีกอย่างถึงไม่เกิดอันตรายก็คงทิ้งเงาดำในใจเอาไว้

 

 

“แต่ว่า…คุณครูให้พวกหนูกลับบ้านทันทีหลังจากออกจากโรงเรียนแล้ว…” เสี่ยวฉินไช่ลังเล คำพูดของคุณครูมีผลกับเธออย่างมากเลยทีเดียว

 

 

“ไม่เป็นไร ต้องแยกแยะสถานการณ์ตอนนี้ แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังคุณครู แต่ก็ใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้” เขาโน้มน้าว “คุณครูให้พวกเธอรีบกลับบ้าน ให้พวกเธออยู่ในบ้านกับผู้ปกครอง แต่ตอนนี้ผู้ปกครองของเธอไม่อยู่บ้าน นี่ไม่ตรงกับความตั้งใจของโรงเรียนกับคุณครูแล้ว”

 

 

ตอนนี้มีคนเดินเข้ามาใกล้อีก

 

 

“อาจารย์ ได้ยินหรือเปล่าครับว่าไต้ฝุ่นจะมาแล้ว”

 

 

หวางเฉียน หลี่คุน และเจี่ยงเฟยเฟยกลับมาพร้อมกัน ทีแรกพวกเขาบอกว่างานต้อนรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยจะใช้เวลาทั้งวัน แต่ดูท่าทางแล้วจบเร็วกว่าที่คิดไว้เพราะไต้ฝุ่นที่กำลังจะมาถึง

 

 

พวกเขาสามคนก็คล้ายๆ กับเด็กนักเรียน ได้ยินว่าไต้ฝุ่นจะมาแล้วก็ไม่กลัวเลยสักนิด แต่ก็มีความเคร่งเครียดสอดแทรกอยู่ในความตื่นเต้น โดยเฉพาะเจี่ยงเฟยเฟย บ้านของเธอไม่ได้ติดทะเล ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องไต้ฝุ่น แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน

 

 

ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนประถมและนักศึกษาเท่านั้น นักเรียนมัธยมต้น นักเรียนมัธยมปลาย และคนทำงานส่วนหนึ่งก็เริ่มทยอเดินบนถนนกันให้ควั่ก แต่ละคนรีบร้อนกลับบ้าน ขนส่งสาธารณะทุกชนิดแน่นขนัดไปหมด แม้แต่จักรยานเช่าสภาพไม่ค่อยดีก็ยังถูกใช้จนเกลี้ยง

 

 

ในสถานการณ์ปกติ เวลาเลิกของเด็กประถม เด็กมัธยม นักศึกษา และคนทำงานจะคลาดเคลื่อนกัน แต่ตอนนี้มาเจอกันในคราวเดียว บวกกับพวกผู้ปกครองที่ออกมารับลูกเพราะความเป็นห่วง คนหลายแสนคนทะลักออกมาบนถนนพร้อมกัน สถานการณ์วุ่นวายแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้

 

 

ทุกคนรีบร้อนกลับบ้าน สภาพการจราจรติดขัดในพริบตา ยิ่งรีบ ก็ยิ่งติด ขับรถเร็ว ฝ่าไฟแดง และพฤติกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยังมีคนฉวยโอกาสขี่จักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าบนทางเท้าเพราะรถติด เจ้าของรถบางคนจอดรถถกเถียงกันเพราะรถเฉี่ยวชน อุบัติเหตุเล็กน้อยอย่างคุณชนฉัน ฉันชนคุณก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง เสียงแตรแสบแก้วหูดังขึ้นทางนู้นที ทางนี้ที ยิ่งทวีความโมโหของทุกคนให้รุนแรงขึ้นไปอีก

 

 

พวกตำรวจจราจรเคลื่อนไหวอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาความเป็นระเบียบและทำให้การจราจรโล่งขึ้น แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ การจราจรทั้งเมืองปินไห่จึงใกล้จะเป็นอัมพาตแล้ว

 

 

ตอนเช้าแค่มีเมฆมาก อากาศอบอ้าวไม่มีลมพัดมา แต่อากาศในตอนนี้มีเมฆดำมืดครึ้มโดยที่ไม่รู้ตัวแล้ว มีลมแรงพัดฝุ่นจากทางใต้มาอยู่ตลอด พัดเอาเศษกระดาษและถุงพลาสติกลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วย

 

 

“เสี่ยวฉินไช่ เธอดูสถานการณ์ตอนนี้สิ เธอกลับบ้านคนเดียวมันอันตรายเกินไป ไม่ระวังก็อาจจะถูกรถชน เข้าไปรอในร้านดีกว่า” จางจื่ออันโน้มน้าวอีกครั้ง

 

 

หวางเฉียน หลี่คุน และเจี่ยงเฟยเฟยได้ยินว่าที่บ้านของเสี่ยวฉินไช่ไม่มีใครอยู่ จึงพากันโน้มน้าวกันเสียงดังระงม

 

 

ในที่สุดเสี่ยวฉินไช่ก็ยอมเชื่อฟังแล้ว ก่อนจะพยักหน้าตกลงอยู่ต่อ

 

 

หวางเฉียนกับหลี่คุนพูดคุยกันเรื่องไต้ฝุ่นที่กำลังจะมาถึง ตอนกำลังจะเข้าไปในร้าน จางจื่ออันก็เรียกพวกเขาสองคน แล้วพูดว่า “บ้านช่องพวกนายสองคนอยู่ที่เมืองปินไห่ รีบกลับบ้านไปเถอะ ไม่งั้นคนที่บ้านพวกนายต้องเป็นห่วงแน่ๆ”

 

 

พวกเขาสองคนไม่ใส่ใจ บอกว่าไม่เป็นไร โทรศัพท์บอกที่บ้านก็พอแล้ว และสภาพการจราจรในตอนนี้ก็ไม่เหมาะที่จะกลับบ้านจริงๆ

 

 

ส่วนหลู่อี๋อวิ๋นกับเจี่ยงเฟยเฟย พวกเธอสองคนเป็นคนนอกเมือง และพวกเธอก็เช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามของร้านขายสัตว์เลี้ยง

 

 

หลู่อี๋อวิ๋นอุ้มโม่ลี่ออกมาจากในร้าน แล้วถามอย่างเป็นห่วง “คุณเจ้าของร้านคะ ไต้ฝุ่นจะมาแล้วเหรอคะ?”

 

 

“ใช่ เธอกับเฟยเฟยจะกลับบ้านเช่าหรือจะอยู่ในร้าน? ตอนเช้าพวกเธอออกมาจากบ้านปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยหรือยัง?” จางจื่ออันถาม

 

 

พวกเธอบอกว่าปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว แต่จางจื่ออันคิดว่าถ้าไต้ฝุ่นรุนแรงมาก กระจกหน้าต่างอาจจะต้านไม่อยู่ หลังจากกระจกแตกแล้วจะมีน้ำสาดเข้ามาในบ้านเยอะมาก เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ดิจิตัลของพวกเธอก็คงจะแช่น้ำจนพังหมด

 

 

ดังนั้น จางจื่ออันจึงให้หวางเฉียนและหลี่คุนกลับไปที่บ้านเช่ากับพวกเธอสักรอบ ใช้เทปกาวหรืออะไรก็ได้ปิดตายหน้าต่างเอาไว้ จากนั้นปิดสะพานไฟ ปิดวาล์วแก๊ซให้แน่น เก็บข้าวของสำคัญให้อยู่ในที่สูง แล้วเอาเอกสารสำคัญติดตัวมา ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา

 

 

หวางเฉียนกับหลี่คุนรับคำสั่ง แล้ววิ่งออกจากร้านขายสัตว์เลี้ยงไปพร้อมกับสาวๆ สองคน