เบื้องหน้านั้นคือใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อตอนได้เห็นดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองอาหารอันเลิศรสราวกับผีตายอดตายอยาก แน่นอนว่ามู่เฉียนซีจำคนตรงหน้าผู้นี้ขึ้นมาได้แล้ว
“จวินโม่ซี เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เจ้าหมอนี่มิใช่ว่ากำลังหนีเอาชีวิตมิใช่หรือ? แต่กลับหนีมาจนถึงค่ายใหญ่ของหุบเขาหมอเทวดา ช่างไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ
“ข้ามาที่นี่ แน่นอนว่ามีเป้าหมายเช่นเดียวกับเจ้า”
“หุบเขาหมอเทวดาเปิดรับศิษย์ใหม่” มู่เฉียนซีตกตะลึงไปเล็กน้อย เจ้าหมอนี่คิดจะใช้วิธีการเดียวกันกับนาง
“นี่มิใช่เวลาที่จะมาคุยกันตรงนี้ ตามข้ามา!”
มู่เฉียนซีพาจวินโม่เดินอ้อมมาจนถึงหอหมอปีศาจ เดิมทีทั้งสองควรจะนั่งลงและพูดคุยกันอย่างสบายใจไม่รีบร้อน
แต่จวินโม่ซีกลับกล่าวคำที่ทำลายบรรยากาศลงสิ้นออกมาคำหนึ่ง “ข้าหิว!”
“หิวเจ้าก็อดทนเอาไว้” มู่เฉียนซีกล่าว
จวินโม่ซีเศร้าสร้อย “เจ้าสาวน้อยผู้นี้นับวันจะยิ่งโหดเหี้ยมเข้าไปทุกทีแล้ว”
“เจ้าก็รู้ว่าการรับศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาในครั้งนี้จำเป็นต้องมีจดหมายแนะนำ ดูเหมือนว่าการคิดที่จะแฝงตัวเข้าไปมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น!”
“นับวันหุบเขาหมอเทวดายิ่งจะขี้ขลาดเข้าไปทุกที ก่อนหน้านี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะถูกเจ้าสองตัวนั้นของเจ้าทำให้หวาดกลัวไป?” จวินโม่ซีกล่าวพร้อมเบ้ปาก
“หากจะให้พูด เรื่องมันก็ยาว!”
“ลองเล่ามาให้ข้าฟังสิ” แน่นอนว่าจวินโม่ซีสนใจในเรื่องราวความโชคร้ายของหุบเขาหมอเทวดา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง อารองผู้นั้นที่เหี้ยมหาญของเจ้าได้ล้างบางกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรนั่นไป ซึ่งเป็นกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสอง มิน่าละพวกหุบเขาหมอเทวดาถึงได้กลัวเสียจนเป็นเช่นนี้”
“แล้วเจ้าเล่า! ตอนนั้นเจ้าเกือบที่จะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่หุบเขาหมอเทวดา และตอนนี้ยังกลับอยากที่จะแฝงตัวเข้าไป”
จวินโม่ซีกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่ถึงขั้นที่จะไปล้มลงในสถานที่เดิมถึงสองครั้งเชียวเหรอ?”
“นั่นมันก็พูดยาก!”
“ข้าว่าตอนนี้คนของหุบเขาหมอเทวดาคงอดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าเจ้า ทำไมเจ้ายังทำตัวเป็นแกะไปเข้าปากเสืออีกเล่า! ที่จริงแล้วซุ่มรอเสียจนกว่าหอหมอปีศาจแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วค่อยจัดการล้างบางพวกมันทีเดียวก็ได้แล้วนี่”
“เพราะว่าข้าไม่มีเวลามากมายให้สิ้นเปลืองไปกับหุบเขาหมอเทวดา เช่นนั้นแล้วจึงอยากที่จะหาวิธีการที่รวดเร็วที่สุด”
“เป็นเพราะอารองของเจ้า?”
“แน่นอน!”
“ข้าจะไป!”
“ข้าก็จะไปเช่นกัน!”
จวินโม่ซียิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน! ทีนี้ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่มีอะไรกินแล้ว”
มู่เฉียนซีแสยะมุมปากเล็กน้อย “จวินโม่ซี นี่เป็นการที่พวกเราจะแทรกซึมเข้าไปในฐานของศัตรู มิใช่การไปท่องเที่ยวช่วงใบไม้ผลิ”
“แทรกซึมเข้าไปในฐานของศัตรูก็มิอาจที่จะปล่อยให้ท้องของตนนั้นลำบากได้มิใช่หรือไง?” รอยยิ้มของจวินโม่ซีนั้นบ้าคลั่งยิ่งกว่าเก่า
มู่เฉียนซีได้มอบหมายให้ผู้ที่คอยหาข่าวอยู่ในมุมมืดของหอหมอปีศาจไปสืบข่าวเกี่ยวกับการรับศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาในครั้งนี้มาให้ชัดเจน หลังจากมอบหมายหน้าที่เสร็จสิ้นก็ได้พาจวินโม่ซีไปดื่มกินมื้อใหญ่หนึ่งมื้อ
ไม่นานนักก็มีการส่งข่าวกลับมา “ผู้นำตระกูลมู่ ทั่วทั้งแดนใต้นั้นมีเพียงไม่กี่กลุ่มกองกำลังที่จะสามารถได้รับจดหมายแนะนำ และทุกกองกำลังนั้นจะได้รับจำนวนรายชื่อตามที่ถูกกำหนดมาให้
มู่เฉียนซีได้มองไปที่ใบรายชื่อนั้นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจของพวกนางนั้นจะได้เปิดตลาดแล้วในแดนใต้ แต่ทว่าก็มิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มกองกำลังอื่นจนถึงขั้นที่สามารถทำให้พวกเขายอมมอบรายชื่อจำนวนสองรายชื่อให้พวกนางได้
ส่วนกลุ่มกองกำลังที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางนั้น หุบเขาหมอเทวดามิได้ให้จำนวนรายชื่อเลยแม้แต่น้อย
“ตรวจสอบให้แน่ชัด กลุ่มกองกำลังไหนที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย และสามารถที่จะเอาจำนวนรายชื่อมาได้”
ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ ก็เอายาเม็ดไปฟาดหัวเสียให้ได้มา
ที่กลัวก็คือเรื่องของความปลอดภัย กลัวว่าพวกเขาจะเปิดเผยตัวตนของพวกนางออกมา
เช่นนั้นแล้วการร่วมมือกับผู้ที่ไม่น่าเชื่อใจก็มิได้เช่นกัน คิดที่จะแฝงตัวเข้าไปมันมิได้ง่ายเหมือนดั่งที่คิดเอาไว้เช่นนั้น
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังคิดหาวิธีที่จะให้ได้มาซึ่งจดหมายแนะนำอยู่นี่เอง ก็ได้ก็มีสารส่งมาจากทวีปอวี้โจว
“นี่เป็นสารขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลจิน!”
“จินซ่านซ่านส่งมา?” มู่เฉียนซีตะลึงงัน
นางเปิดมันออกอ่านดู เนื้อความข้างในเขียนเอาไว้ว่า
“หัวหน้า ช่วยด้วย เกิดเรื่องไม่ดีอย่างใหญ่หลวงแล้ว…..”
พวกเขาตระกูลจินได้รับจำนวนรายชื่อในการเข้าคัดเลือกศิษย์ใหม่จากหุบเขาหมอเทวดาจำนวนสิบรายชื่อ ตระกูลจินเป็นตระกูลกองกำลังสำนักนิกายระดับสองที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมากตระกูลหนึ่ง และพวกเขายังควบคุมพื้นที่เอาไว้อย่างกว้างขวางนัก
เพราะก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่งจินซ่านซ่านได้ไปก่อเรื่องเอาไว้ นั่นยิ่งทำให้คนในตระกูลและหุบเขาหมอเทวดาไม่พอใจ เช่นนั้นแล้วคนในตระกูลคนอื่นๆจึงได้ทำสัญญากันเอาไว้
ผู้นำตระกูลจินและคนอื่นๆในตระกูลนั้น แต่ละคนจะต้องแนะนำผู้ที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดานี้ผู้ละห้ารายชื่อ และหากในห้ารายชื่อนั้นผ่านการคัดเลือกไม่ถึงสองคน เช่นนั้นในปลายปีของปีนี้ ตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลจิน จะถูกเปลี่ยนให้ผู้อื่นขึ้นมาเป็นแทน
จินซ่านซ่านได้ไปล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดาก็เพราะหอหมอปีศาจ มาวันนี้ตระกูลจินมีปัญหาวุ่นวาย อีกทั้งยังมีรายชื่อให้นางอย่างให้เปล่า นางจึงเต็มใจที่จะช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
มุมปากของมู่เฉียนซีค่อยๆยกขึ้น “เรื่องนี้ง่ายดาย!”
จวินโม่กล่าว “ใช่แล้ว! ก็แค่ผ่านการคัดเลือกเพียงสองรายชื่อเท่านั้น พวกเราสองคนจะสอบไม่ผ่านการทดสอบของหุบเขาหมอเทวดาหรืออย่างไรเล่า!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จวินโม่ เก็บข้าวของพวกเราไปทวีปอวี้โจวกัน!”
“ข้าห่อของกินไปด้วยบางส่วนได้ไหม?”
“ห่ออะไรกันเล่า? เดี๋ยวสักครู่พวกเราไปทวีปอวี้โจวแล้วได้พบกับนายน้อยจากตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่ง จะให้เจ้ากินจนท้องแตกก็ไม่มีปัญหา”
จากทวีปอวี่โจวผ่านเครื่องส่งระยะไกลไปถึงทวีปอวี้โจวนั้นไม่ไกลเท่าไรนัก ในตอนนี้จินซ่านซ่านได้มารออยู่ที่ด้านหน้าของเครื่องส่งระยะไกลเป็นเวลานานแล้ว
มู่เฉียนซีมองเห็นเงาร่างที่ส่องแสงระยิบระยับได้ในทันใด แต่ทว่าจินซ่านซ่านั้นกลับมองหามู่เฉียนซีไม่พบ
“ทำไมหัวหน้ามู่ยังไม่มาอีก!”
เพี๊ยะ! มู่เฉียนซีตบไปที่ไหล่ของเขา
จินซ่านซ่านก็เกิดโมโหขึ้นมา “ใครวะ? ใครกล้าตีข้า?”
“ข้าเอง!” มู่เฉียนซีมองไปที่จินซ่านซ่านพร้อมกล่าว
“มู่… มู่…”
“หุบปาก ไปหาที่คุยกัน!”
จินซ่านซ่ายิ้มแล้วกล่าว “ข้านั้นได้สั่งอาหารชุดใหญ่ไว้ให้หัวหน้าตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อที่จะต้อนรับการมาถึงอันยิ่งใหญ่ของหัวหน้า ท่านตามข้ามา!
เมื่อจวินโม่ซีได้ยินว่ามีอาหารมื้อใหญ่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาเดินตามก้นมู่เฉียนซีเพื่อห้อยสอยไปกินข้าว
ห้องอาหารส่วนตัวระดับจักรพรรดิของภัตตาคารจินอวี้ที่หรูหราที่สุดในทวีอวี้โจว โต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสนานาชนิด
วัตถุดิบอาหารหายากนานาชนิดล้วนสามารถพบได้บนโต๊ะนั้น นี่มันเป็นเพราะเอาหยกวิญญาณใช้จ่ายไปอย่างมือเติบแน่นอนถึงได้มีอาหารเช่นนี้
ในตอนนี้จวินโม่ซีได้พุ่งเข้าไป ไม่เริ่มกินในตอนนี้แล้วจะรอกินตอนไหน?
“เขาเป็นใคร?” จินซ่านซ่านไม่ค่อยชอบใจอยู่บ้าง!
เขาเตรียมไว้เพื่อต้อนรับให้หัวหน้าของเขา ทำไมถึงได้ให้เจ้าหมอนี่มาเสพสุขเสียเล่า
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าขอแนะนำหน่อย ผู้นี้คือหัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจของเรา”
“หัวหน้านักปรุงยา?” จินซ่านซ่านแสดงอาการสงสัยออกมา
เพราะในตอนนี้จวินโม่ซีได้กวาดอาหารจนจานเกลี้ยงเงาไปแล้วหนึ่งจาน “หัวหน้านักปรุงยา? ข้าว่าหัวหน้านักตะกละอาหารคงใกล้เคียงกว่า”
“หัวหน้ามู่ท่านรีบไปกินเร็ว อย่าได้ถูกเจ้าหมอนี่แย่งไปอีกเล่า!”
“…….”
ปรากฏว่าเมื่อจวินโม่ซีอยากที่จะกินอะไร จินซ่านซ่านก็ได้แย่งส่งไปให้หัวหน้าของเขาอย่างรีบร้อน
“หัวหน้า อันนี้รสชาติไม่เลวเลย ท่านอย่าได้พลาดมันไป!”
“หัวหน้า….”
ปรากฏว่า เดิมทีพวกเขานั้นจะมาเพื่อถกเถียงกันถึงแผนการที่สำคัญอย่างตึงเครียด แต่มันกลับกลายเป็นสงครามการแย่งชิงอาหารครั้งใหญ่ไปเสีย
การกินอาหารมื้อนี้เป็นไปอย่างดุเดือด
หลังจากที่ได้กินอาหารมื้อนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็สามารถเข้าประเด็นได้เสียที มู่เฉียนซีกล่าว “ที่เจ้าได้ส่งข่าวให้ข้านั้นข้ารู้แล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าทำหนังสือเชิญสองฉบับให้พวกเรา รายชื่อสองรายชื่อนั้นไม่มีปัญหาเลยแม้แต่อย่างใด”
จินซ่านซ่านเองก็ไม่ได้โง่เขลา เขาเบิกตากว้างมองไปที่มู่เฉียนซี “หัวหน้า ท่านหมายถึงท่านจะไปกับเขา? ไปเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดา?”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ใช่! ข้ากับจวินโม่จะไปเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของหุบเขาหมอเทวดา และสิ่งที่ขาดอยู่ในตอนนี้ก็คือจดหมายแนะนำ!”