“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป หัวหน้า! ถ้าให้คนกลุ่มนั้นในหุบเขาหมอเทวดารู้ตัวตนของท่าน พวกเขาย่อมเป็นอันตรายต่อท่านอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “มิเช่นนั้น! เจ้าคิดว่าข้าจะเปลี่ยนชุดเปลี่ยนหน้ามาทำอะไร?”
“ที่จริงแล้วหัวหน้าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงหรอก แค่หาอัจฉริยะจากหอหมอปีศาจมาสักสองสามคนก็ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง มันสำคัญมาก!”
จินซ่านซ่านยิ้มและกล่าวว่า “หัวหน้าท่านคิดวางแผนที่จะบุกเข้าไปในนั้นและทำลายหุบเขาหมอเทวดาในคราวเดียวใช่หรือไม่”
“ดูเหมือนว่าหัวสมองของเจ้าจะถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี” มู่เฉียนซียิ้มบางๆ
“แต่หัวหน้า นั่นเป็นถึงหุบเขาหมอเทวดาขุมกำลังสำนักนิกายระดับสอง พวกท่านสองคนจะจัดการเรื่องนี้กันเองได้หรือ?”
“ขอเพียงพบสิ่งสำคัญ ก็จะสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน!”
“หัวหน้า! ข้าเชื่อในตัวท่าน! มีคำสั่งอะไรท่านบอกมาได้เลย!” จินซ่านซ่านนั้นเลื่อมใสในตัวมู่เฉียนซีอย่างถึงที่สุด
เรื่องนี้ หากเป็นผู้อื่น ก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป
แต่เขารู้ว่าหัวหน้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน วันที่หุบเขาหมอเทวดาจะล่มสลายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เขาเพียงรอเวลาจุดประทัดก็พอแล้ว
“เช่นนั้นฟังให้ดี” มู่เฉียนซีเริ่มมอบหมายภารกิจ
จวินโม่ที่กําลังกินอยู่ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ข้าไม่เห็นด้วย ทำไมชื่อปลอมของข้าถึงชื่อว่ามู่เสี่ยวโม่ ชื่อนี้มันไร้เดียงสาเกินไป!”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วเจ้าจะชื่ออะไร? ชื่อจวินโม่ซี? ไม่แน่ว่าเมื่อเจ้าเข้าประตูไป ก็จะถูกคนของหุบเขาหมอเทวดาจับตัวไปทันที ถึงตอนนั้นอย่าคิดจะเรียกข้าให้มาช่วยก็แล้วกัน”
จวินโม่ซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “การตั้งชื่อมันยากเกินไป ชื่อมู่เฉียนโม่ดีกว่า! ชื่อนี้ดูเข้ากันกับชื่อของเจ้า”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุก “ขอโทษด้วย ตอนนี้ข้าชื่อเฟิงเยี่ยซี ไม่ได้เข้ากันกับชื่อของเจ้าเลย!”
“เฟิง เยี่ยซี…” จวินโม่อ่านชื่อนี้
จากนั้นก็เดินไปหามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ชื่อนี้ ดูเข้ากันกับอีกคนหนึ่งมากสาวน้อยคิดถึงใครบางคนอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
“จวินโม่ซี ข้าว่าเจ้าจะมั่วซั่วเกินไปแล้ว!”
ชื่อเดิมของข้าใช้ไม่ได้ มู่ซีก็ใช้ไม่ได้ คราวที่แล้วชื่อเฉียนซีก็ถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงคิดชื่ออื่นเท่านั้น
สิ่งแรกที่คิดได้ก็คือจิ่วเยี่ย แต่สุดท้ายก็รวมออกมาได้เป็นชื่อนี้
จวินโม่ซียิ้ม “ดูท่าแล้วข้าจะเดาถูก!”
“ข้าว่าเจ้ากินอิ่มแล้วคงไม่มีอะไรทำ กินเสร็จพวกเราจะไปที่ตระกูลจิน”
จินซ่านซ่านเป็นนายน้อยของตระกูลจิน เขามิได้รับผิดชอบเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้นําตระกูลจิน
ตระกูลจินนั้นกว้างใหญ่มาก เพราะพวกเขาเป็นทั้งกลุ่มกองกำลังสำนักศึกษาและกลุ่มกำลังของตระกูลที่มารวมกัน ตระกูลยิ่งใหญ่แน่นอนว่าย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกัน
เนื่องจากตระกูลจินนั้นรักและทะนุถนอมจินซ่านซ่านอย่างมาก แม้ว่าจินซ่านซ่านจะไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นอะไร แต่เมื่ออยู่ในตระกูลจินก็สามารถเดินได้อย่างองอาจ เขาพามู่เฉียนซีและจวินโม่ซีเข้าไปในตระกูลจินและมุ่งตรงเข้าไปในห้องโถงประชุมของตระกูลจินในทันทีพลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านกำลังกังวลว่าจะหาผู้มาเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาไม่ได้อยู่ใช่หรือไม่? ข้าหาคนมาให้ท่านได้สองคนพอดีเลย! รีบเอาจดหมายแนะนำให้พวกเขาเร็วเข้า!”
จินซ่านซ่านพูดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อขอบางอย่างจากท่านพ่อของตน เขาไม่สนว่าจะมีใครอื่นอยู่ตรงนั้นหรือไม่
พวกเขาไม่แปลกใจเลยกับการทำเรื่องไร้เดียงสาของจินซ่านซ่าน แต่เรื่องไร้สาระนี่อาจเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งผู้นำตระกูล เช่นนั้นจึงห้ามทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างเด็ดขาด!
พวกเขามองไปที่มู่เฉียนซีและจวินโม่ซี หญิงสาวดูอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี และชายผู้นั้นก็ดูอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ทั้งสองคนดูธรรมดามาก ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูไม่มีอะไรโดดเด่น
พวกเขาสงสัยว่านายน้อยคงพาตัวสองคนนี้มาจากตามท้องถนน
จินซ่านซ่านพุ่งเข้าหาท่านพ่อของเขา จินซ่านซ่านกอดแขนและเริ่มออดอ้อนให้ใจอ่อน
“ท่านพ่อ พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของข้าจริงๆ ถึงอย่างไรก็มีจดหมายแนะนําตั้งห้าฉบับ ท่านให้พวกเขาสองคนเถอะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้อาวุโสนั้นก็ร้อนใจ
“นายน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!”
“นายน้อย ท่านอย่าก่อเรื่องวุ่นวายนักเลย เรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านอย่าเข้าไปยุ่งเสียดีกว่า”
“นายน้อย…”
“ท่านพ่อ ข้าอยากช่วยท่านจริงๆ ถ้าท่านไม่ตอบตกลง ข้า… ข้าจะกระโดดแม่น้ำให้ดู”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุก เมื่อเห็นจินซ่านซ่านใช้วิธีนี้เพื่อข่มขู่พ่อของเขา
จวินโม่ซีรู้สึกว่าเจ้าเด็กอ้วนนี่น่าขายหน้ายิ่งนัก!
อย่างไรเสียจินซ่านซ่านนั้นก็มีวิธีการมากมายอยู่แล้ว ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ล้วนแต่ไม่สามารถที่จะทนดูได้อีกต่อไป
ผู้นำตระกูลจินกล่าวขึ้น “ผู้เข้าร่วมคัดเลือกแต่ละคนที่ผู้อาวุโสแต่ละท่านได้แนะนำมานั้น ข้าจะนำกลับไปคิดทบทวนดูให้ดี พวกท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายกลัวว่าผู้นำตระกูลจะตอบตกลงกับจินซ่านซ่าน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะหน้าด้านอยู่ต่อได้!
เมื่อคนอื่นๆจากไปจนหมดแล้ว จินซ่านซ่านก็ตบหน้าอกตัวเองแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ในครั้งนี้ท่านเชื่อข้าเถอะ!”
“ข้าเชื่อเจ้ามาหลายครั้งแล้ว มีครั้งไหนไว้ใจเจ้าได้บ้าง?” ผู้นำตระกูลจินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ครั้งนี้ เชื่อถือได้แน่!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลจิน พวกเราพูดคุยกันเสียหน่อยได้หรือไม่”
มู่เฉียนซีที่ยืนอยู่ข้างๆราวกับอากาศ แต่พอนางเอ่ยปากอย่างใจเย็น ผู้นําตระกูลจินกลับตกตะลึงเล็กน้อย
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้! พวกเจ้าเข้ามาที่ห้องหนังสือของข้าเพื่อพูดคุยกันเถอะ!”
ห้องหนังสือของผู้นำตระกูลจินนั้นเป็นรูปแบบหนึ่งเดียวของตระกูลจิน นั่นคือหรูหราเสียจนมิอาจบรรยายได้
ผู้นำตระกูลจินยิ้มและกล่าวว่า “นอกจากเพื่อนร่วมสำนักศึกษาแล้ว ซ่านเอ๋อร์ไม่ค่อยพาเพื่อนคนอื่นมาที่บ้าน ซ่านเอ๋อร์เชื่อใจพวกเจ้ามากขนาดนี้ มันต้องมีเหตุผลเป็นแน่”
มู่เฉียนซีตอบ “สถานการณ์ของตระกูลจินในตอนนี้ จินซ่านซ่านได้บอกข้าแล้ว ขอเพียงท่านผู้นำตระกูลจินยินยอมที่จะส่งจดหมายแนะนำสองฉบับนั่นมาให้ข้า ข้ารับรองว่าพวกเราทั้งสองจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างแน่นอน ”
“พวกเจ้ามีความมั่นใจมาก!”
จวินโม่ซีพูดอย่างเกียจคร้านว่า “เรื่องอื่นพวกเราสองคนไม่กล้าพูด แต่เรื่องการปรุงยา ผู้ที่อยู่อายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปีในทั้งแดนใต้ คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเรา”
ผู้นำตระกูลจินหัวเราะและกล่าวว่า “คนหนุ่มสาวที่มีความมั่นใจในตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเจ้ามีความสามารถถึงระดับนี้ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาแล้ว ”
จวินโม่ซีกล่าว “ผู้นําตระกูลจินน่าจะรู้ว่าสิ่งที่นักปรุงยาต้องการมากที่สุดก็คือทรัพยากร หุบเขาหมอเทวดามีสมุนไพรวิญญาณมากมาย แม้หุบเขาโอสถก็ไม่อาจเทียบได้ พวกเราจึงต้องไปลองดู”
“ผู้นำตระกูลจินมอบจดหมายเชิญให้เราสองใบ พวกเรารับรองว่าจะไม่มีใครสามารถดึงผู้นำตระกูลจินออกจากตำแหน่งได้ ผู้นำตระกูลจินก็เป็นพ่อค้าผู้หนึ่งและย่อมรู้ดีว่าข้อตกลงนี้คุ้มค่ายิ่งนัก!” มู่เฉียนซีกล่าว
ผู้นำตระกูลจินกล่าวว่า “ตำแหน่งผู้นำตระกูลข้าไม่ได้สนใจนัก แต่ถ้าไม่มีตำแหน่งนี้ ข้าก็ไม่มีทางที่จะปกป้องเจ้าลูกชายที่ชอบก่อเรื่องของข้าได้ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจละทิ้งตำแหน่งนี้ได้ ”
“ข้อตกลงของพวกเจ้า ข้าตกลง แต่เนื่องจากซ่านเอ๋อร์ก่อเรื่องวุ่นวาย หุบเขาหมอเทวดาอาจจะจงใจทําให้คนของตระกูลจินของข้ายุ่งยากลําบาก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเจ้ายังจะมั่นใจอยู่หรือไม่?”
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่มีความเชื่อมั่น เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่มานั่งอยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูลจิน”
ชายหนุ่มทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้ามีความมั่นใจอย่างมาก พวกเขาต่างจากคนทั่วไป การมุ่งหวังจะเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนี้ ทำให้ผู้นำตระกูลจินสงสัยเป็นอย่างมาก “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”