ตอนที่ 784 ชนะไปแล้วคนหนึ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ท่านพ่อ พวกเขาเป็นใครนั้นข้ายังไม่สามารถที่จะบอกท่านได้ แต่รู้ไว้ว่าพวกเขาเป็นคนที่ลูกเชื่อถือเป็นอย่างมากก็พอแล้ว”

ผู้ที่ตอบคำถามนั้นออกมากลับเป็นจินซ่านซ่านแทน!

“ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่น เช่นนั้นข้าก็เชื่อด้วย” ผู้นำตระกูลจินเป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก

ผู้นำตระกูลจินได้จัดที่พักที่หรูหราเป็นอย่างมากให้แก่มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซี จวินโม่ซีกล่าวขึ้น “ทวีปอวี้โจวนี้เป็นดินแดนที่ร่ำรวยเป็นอย่างมากแห่งหนึ่งเสียจริงเชียว! มีทั้งของกินของดื่มดีๆ ล้วนแต่ทำให้ข้าใจแตกเสียแล้ว”

มู่เฉียนซีกลอกตาขาวใส่เขา “เจ้ายังจะกล้าพูดออกมาจากใจอีก”

“แต่ไม่ว่าอาหารจะมีรสชาติโอชะเพียงใด อย่างไรเสียข้าก็ยังนึกถึงรสชาติอันงดงามของเจ้านะสาวน้อย! หรือว่าเจ้าจะทำมื้อดึกเพิ่มให้ข้าอีกสักมื้อดี?” เขามองไปทางมู่เฉียนซีด้วยความหวัง

“ฝันหวานไปเถอะ วันนี้เจ้ายังกินไม่จุกอีกหรือ?”

ผู้นำตระกูลจินได้เรียกตัวจินซ่านซ่านไปสนทนา ผู้นำตระกูลจินกล่าวขึ้น “พ่อเชื่อเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำตัวเหลวไหลในเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับเรื่องใหญ่แล้วเจ้าไม่เคยทำอะไรเหลวไหลเลย”

บุตรชายของเขามีโชคที่ดี ทุกครั้งล้วนแต่นำความโชคดีมาให้ ดังนั้นแล้วเขาจึงเชื่อในสัญชาตญาณของผู้เป็นบุตรชาย

จินซ่านซ่านเกาหัวของตนแล้วกล่าว “ท่านพ่อเชื่อมั่นในข้า ครั้งนี้จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

“ช่วงนี้ข้าพบว่าเจ้านั้นเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าจะเหลวไหลมากขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่อาจที่จะอ่านความคิดของเจ้าได้ออกแล้ว” ผู้นำตระกูลจินมองที่เขาอย่างพิจารณา

ถ้าหากมิใช่เพราะว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นยังคงเป็นบุตรชายของเขา เขาคงจะสงสัยว่าบุตรของตนนั้นได้ถูกผู้อื่นสลับตัวเข้าเสียแล้ว

“เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย อย่างไรเสียก็ต้องเติบโตขึ้นไป เราสองพ่อลูกนั้นมีชีวิตด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน ท่านพ่อปกป้องข้ามาแล้วตั้งหลายปี ข้าเองก็อยากที่จะเติบโตขึ้นให้ไวเพื่อที่จะได้มาปกป้องท่านพ่อ มิให้ถูกผู้อื่นมารังแก”

ผู้นําตระกูลจินยิ้มอย่างปลื้มปีติ เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก จะทำให้บุตรชายของเขาเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

วันต่อมา เมื่อผู้อาวุโสทุกคนได้ยินการตัดสินใจของผู้นำตระกูลจิน ก็รู้สึกราวกับมืดฟ้ามัวดินไปโดยพลัน ผู้นำตระกูลรับฟังคำของนายน้อยเข้าไปจริงๆ และคิดที่จะใช้เจ้าสองคนนั้น

“ผู้นำตระกูล ท่านจะไม่คิดทบทวนดูให้ดีอีกรอบสักหน่อยหรือ?” สีหน้าของผู้อาวุโสแห่งตระกูลจินแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวลที่ปกคลุมเต็มใบหน้า

“ข้ารู้ว่าผู้อาวุโสทุกท่านสงสัยในพลังความสามารถของพวกเรา พอดียังมีเวลาเหลือก่อนการเดินทางไปเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาอีกสองสามวัน พวกท่านสามารถคัดเลือกคนหนุ่มสาวผู้ที่ท่านเห็นว่ามีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดมาทำการประลองกับนักปรุงยาของพวกข้า ถ้าหากว่าคนของพวกข้าไม่มีความสามารถพอที่จะสู้ได้ เช่นนั้นจะถอดถอนตัวด้วยความสมัครใจ!”

“แต่ถ้าหากว่าผู้ที่พวกท่านส่งมาไม่มีความสามารถเท่าคนของพวกเรา เช่นนั้นรายชื่อสองรายชื่อนี้ ข้าต้องได้มาเป็นแน่แล้ว”

พวกเขาปรึกษากันอย่างเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นผู้อาวุโสผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้น “ท่านผู้นำตระกูล หรือว่าเราจะเอาตามที่แม่สาวน้อยกล่าวมาดี?”

ผู้นำตระกูลจินพยักหน้าพร้อมตอบ “ได้ !”

ดังนั้นแล้วผู้อาวุโสทุกท่านจึงได้รวมตัวนักปรุงยารุ่นหนุ่มสาวที่พวกเขาหมายตาเอาไว้เป็นดิบดีมา แล้วเริ่มการคัดเลือกขึ้น เพื่อที่จะคัดเลือกผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปประลองกับมู่เฉียนซีและจวินโม่ซี

และแล้วทั้งสองฝ่ายได้มาถึงสนามประลอง กรรมการในครั้งนี้ก็คือหัวหน้านักปรุงยาของตระกูลจิน

ส่วนฝ่ายอื่นเมื่อได้ยินว่าทางหัวหน้าตระกูลจินมีเรื่องขัดแย้งไม่ลงรอยกับคนภายในตระกูลจึงได้เข้ามาหมายจะร่วมชมละครด้วย

พวกเขาเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา “จินซ่านซ่านเพียงแค่มีโชคที่ดีนิดหน่อยก็เท่านั้น เรื่องหาทรัพย์สมบัติยังพอไหว แต่เรื่องสายตาในการอ่านคนนั้นหากดีด้วยก็คงจะแปลกแล้ว”

“ถ้าหากว่าข้ามีบุตรชายที่คอยหาแต่เรื่องเดือดร้อนมารั้งขาถ่วงความเจริญเช่นนี้ละก็ ข้าขอไม่มีบุตรเสียดีกว่า”

“…….”

หัวหน้านักปรุงยากล่าว “เอาละ เริ่มการแข่งขันได้ พวกเจ้าสองคนใครจะเป็นผู้ลงประลองก่อน!”

จวินโม่ซีก้าวออกมาด้านหน้าแล้วกล่าว “ข้าเริ่มก่อน!”

ผู้อาวุโสที่สามของตระกูลจินมองหน้าผู้นำตระกูลจินแล้วกล่าว “ผู้นำตระกูล ถ้าหากเกิดสถานการณ์ที่ว่าชนะหนึ่งต่อแพ้หนึ่งขึ้นมา จะทำเช่นไร?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอแค่เพียงมีหนึ่งคนในพวกเราพ่ายแพ้ เช่นนั้นพวกเราจะออกจากการเข้าร่วมคัดเลือกอย่างสิ้นเชิง เป็นเช่นไร?”

“อวดดีรึ?”

จวินโม่ซีกล่าว “เพราะมีความสามารถ พวกเราจะอวดดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

อย่างไรเสียจวินโม่ซีก็ได้แปลงโฉมเป็นผู้ที่มีหน้าตาธรรมดา จวินโม่ซีเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแสร้งเป็นเทพบุตรเทวดา จะทำตัวโอหังอันธพาลเช่นไรก็ย่อมได้!

นักปรุงยาฝ่ายตรงข้ามถูกจวินโม่ซีทำให้โกรธเข้าเสียแล้ว เขาเดินออกมากล่าว “ข้าน้อยนามว่าเซียวโหยว เตรียมพร้อมที่จะเข้าประลองกับท่าน”

จวินโม่ซีกล่าวตอบ “น้องชาย เจ้าควรที่จะมีมารยาทเสียบ้าง เจ้าต้องพูดว่าขอคำชี้แนะถึงจะถูกต้อง!”

“เจ้า….” เซียวโหยวสีหน้าขาวซีดขึ้นมาพลัน

“ออกบททดสอบได้!” ปรมาจารย์จินกล่าว

หัวหน้านักปรุงยาได้หยิบสูตรโอสถสูตรหนึ่งออกมาแล้วกล่าวขึ้น “ยาเม็ดในการประลองครั้งแรกนี้ คือยาระดับปฐพีขั้นที่หนึ่งชื่อว่ายาฉงอวิ๋น จะมีสมุนไพรวิญญาณให้เจ้าทั้งหมดสามชุด หากพ่ายแพ้ถึงสามครั้งจะไม่มีโอกาสให้อีกแล้ว”

“ตอนนี้ เริ่มการประลองขึ้นได้!”

ยาที่ระดับขั้นเช่นนี้ถือว่าเป็นยาที่อยู่ในระดับเหลื่อมล้ำระหว่างยาขั้นต่ำและขั้นกลาง ซึ่งค่อนข้างง่ายดาย

แต่ว่าชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปีผู้หนึ่งสามารถที่จะสกัดยาขั้นปฐพีออกมาได้นั้น ก็นับได้ว่าเก่งกาจเป็นอย่างมากแล้ว

เมื่อการประลองเริ่มขึ้น จวินโม่ซีได้โคจรพลังวิญญาณธาตุไฟของเขาขึ้นมาเพื่อใช้ในการปรุงยา

ทุกคนต่างตกตะลึง “ผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ!”

“เขากลับเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ ซึ่งเป็นธาตุที่เหมาะแก่การเป็นนักปรุงยาที่สุด”

เซียวโหยวโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “อย่าได้คิดว่าเป็นนักปรุงยาธาตุไฟแล้วจะเก่งกาจ ถึงแม้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟแต่ถ้าหากว่าทักษะไม่ถึงขั้นก็ไร้ประโยชน์”

การมาพูดกับนายน้อยแห่งหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของนักปรุงยาว่าทักษะไม่ถึงขั้นนั้นมันช่างเป็นเรื่องน่าขันเรื่องหนึ่งเสียจริง

มู่เฉียนซีมองไปทางจวินโม่ซี เพื่อที่จะให้เจ้าหมอนี่ทำตัวอย่างเรียบง่าย

พวกเขาไม่ได้มาเพื่อที่จะทำการโฆษณาหอหมอปีศาจ หากแต่เป็นการที่จะแทรกซึมเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาต่างหากเล่า!

จวินโม่ซียักไหล่ จากนั้นก็ได้ทำการสกัดยาอย่างช้าๆ

เดิมทีแล้วเขาสามารถที่จะสกัดยาฉงอวิ๋นออกมาได้เพียงขยับมือไม่กี่ครั้ง แต่ตอนนี้เขาต้องมาสกัดอย่างค่อยเป็นค่อยไปช้าๆเพื่อรอฝ่ายตรงข้าม

เขาเปลืองเวลาไปไม่น้อยในการรอเซียวโหยวสกัดยาให้เสร็จสิ้น แต่ปรากฏว่า……

ฝ่ายตรงข้ามนั้นมิได้ควบคุมอย่างพอดี จึงทำให้เม็ดของยานั้นไหม้เสีย

สีหน้าของเซียวโหยวซีดเผือดในทันที เขากล่าว “เดิมทีการปรุงยานั้นมีโอกาสน้อยนักที่จะทำสำเร็จได้ในครั้งเดียว ยิ่งเป็นยาเม็ดระดับปฐพียิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย อย่าได้คิดว่าเจ้านั้นได้อ่านตำราการปรุงยาจนช่ำชองและปรุงยาไปอย่างเชื่องช้าแล้วจะไม่ล้มเหลว รอจนถึงตอนที่สำคัญที่สุดก่อนเถอะ เจ้าจะต้อง….”

ในตอนที่เขากำลังกล่าวไปอยู่นั้น จวินโม่ซีได้นำเอายาเม็ดที่สกัดเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา

เขาเปิดปากกล่าวขึ้น “แต่ว่า ข้าสามารถสกัดออกมาได้สำเร็จแล้ว”

เซียวโหยวเบิกตากว้างแล้วกล่าว “เป็นไปได้อย่างไร?”

“เจ้า….”

จวินโม่ซีมอบยานั้นให้แก่หัวหน้านักปรุงยา เมื่อหัวหน้านักปรุงยาเห็นยาที่จวินโม่ซีสกัดออกมานั้นดวงตาของเขาก็เกิดประกายส่องสว่างขึ้นมา

เขายิ้มแล้วกล่าว “ช่างเป็นคนรุ่นหลังที่น่าจับตามองเสียจริงๆ!”

จวินโม่ซีกล่าว “ยังเหลือเวลาอยู่อีกไม่น้อย ยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่อีกสองชุด เจ้าจงสู้ต่อไปค่อยๆปรุงไป ครั้งต่อไปจะต้องไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ไม่ว่าจะมองอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็เหมือนกำลังยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่ สีหน้าของเซียวโหยวหม่นคล้ำ

จวินโม่ซีไปนั่งลงที่ด้านข้างตัวมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ข้าได้ทำตัวเรียบง่ายเป็นอย่างมากแล้ว แต่จะทำเช่นไรได้? ความสามารถในการปรุงยาของเจ้าหนูนั่นมันไม่ไหวจริงๆ”

“เจ้าที่เป็นถึงยอดปรมาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่งไปรังแกเขาผู้ที่เป็นนักปรุงยาระดับล่างๆที่เพิ่งฝึกหัด เจ้ายังรู้สึกว่ามันน่าภูมิใจนัก?”

“เจ้ามีความสามารถเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวก็อย่าไปรังแกผู้อื่นล่ะ!” จวินโม่ซีเลิกคิ้วกล่าว

“ข้าเป็นเพียงแค่นักปรุงยาระดับสูงผู้หนึ่งเท่านั้น จะไปรังแกนักปรุงยาระดับล่างได้อย่างไรเล่า?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ถึงต่อให้รังแก ก็จะเป็นการชนะอย่างบังเอิญเท่านั้น”

มุมปากของจวินโม่ซียิ้มอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา “เจ้าไปรังแกผู้อื่นเช่นนี้ นั่นถึงโหดร้ายกว่า เทียบกับข้าแล้วมันมากกว่านัก”

ปัง! เซียวโหยวที่อยู่ภายใต้แรงโจมตีจากจวินโม่ซี หม้อที่สองของเขาก็ได้เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว

หัวหน้านักปรุงยากล่าว “เซียวโหยว สำหรับการเป็นนักปรุงยานั้นจิตใจของเจ้ายังไม่ผ่าน”

“ข้ารู้ผิดแล้ว!”

ในหม้อสุดท้าย เขาได้สงบจิตสงบใจแล้วปรุงยา แต่ทว่าสิ่งที่สกัดออกมาได้นั้นคุณภาพของมันช่างห่างกับยาฉงอวิ๋นเสียเหลือเกิน หัวหน้านักปรุงยาจึงได้ตัดสินให้จวินโม่ซีชนะไปในทันที

ผู้อาวุโสที่สามกล่าว “ไม่เป็นไร ยังเหลืออีกรอบหนึ่ง”

มู่เฉียนซีเดินขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างช้าๆ นางยิ้มแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่าในครั้งนี้ คู่ประลองของข้านั้นเป็นผู้ใด?”