“ข้าเอง!” ผู้ที่เดินออกมาคือหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิง ดูอ่อนเยาว์กว่าเซียวโหยวมาก
“ข้าชื่อจินเลี่ยฮั่ว ในรอบนี้ ข้าจะไม่แพ้เจ้าอย่างแน่นอน”
ด้วยรูปลักษณ์และภูมิหลังของตระกูล ไม่ว่าอย่างไรนางก็แข็งแกร่งกว่าสาวน้อยผู้นี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีมองไปที่หัวหน้าผู้อาวุโสและกล่าวว่า “ออกบททดสอบมาได้แล้ว!”
หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าว “ยาเม็ดระดับปฐพีขั้นที่หนึ่ง ยาเฟิงหลิง”
“ที่แท้ก็คือยาเฟิงหลิง! ครั้งนี้หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดได้ออกบททดสอบเช่นนี้ขึ้น”
“แม้ว่ายาเฟิงหลิงจะเป็นยาระดับปฐพีขั้นที่หนึ่งที่ยากจะหลอมได้ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสําหรับจินเลี่ยฮั่วหรอก!”
“ในรอบนี้ สาวน้อยผู้นี้คงไม่มีทางชนะได้อีกแล้ว”
จินเลี่ยฮั่วหยิบหม้อปรุงยาสีแดงเข้มออกมา ยกมือขึ้นโคจรพลังวิญญาณธาตุไฟ ทั้งหม้อปรุงยาได้กลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
มู่เฉียนซีหยิบหม้อปรุงยาธรรมดาๆหม้อหนึ่งออกมาจากมิติ เพราะการใช้หม้อเทพปาฮวางชิงมู่และหม้อเทพนิรันดร์นั้นจะถูกเปิดโปงตัวตนได้ง่าย
จากนั้นก็ใช้ไฟธรรมดาๆ
“สาวน้อยผู้นี้เป็นนักปรุงยาที่ไม่มีธาตุใดๆ!”
“ดูเหมือนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็คือเจ้าเด็กนั่นแล้ว เกรงว่าสาวน้อยผู้นี้คงจะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก”
“……”
จวินโม่ซีส่ายหัว ระดับการปรุงยาของเขาสูงกว่าสาวน้อยผู้นี้ แต่การจะบอกว่าความสามารถของทั้งใครสูงใครต่ำกว่าใครนั้นกลับยาก
เพราะพวกเขาต่างมีจุดแข็งของตัวเอง!
จินเลี่ยฮั่วกำลังแสดงฝีมือออกมาแต่มู่เฉียนซีกลับกำลังขยับสมุนไพรวิญญาณในมือของนางอย่างช้าๆ
ราวกับไม่มีเจตนาที่จะปรุงยา?
“หรือว่าสาวน้อยผู้นี้จะไม่สามารถปรุงยาเฟิงหลิงได้ ดังนั้นจึงคิดจะยอมแพ้”
“ถ้ายอมแพ้ ก็เพียงแค่บอกว่ายอมแพ้ก็ได้แล้ว จะได้จบการแข่งขันนี้โดยเร็ว”
“……”
แม้แต่ผู้นําตระกูลจินเองก็ยังเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย หนึ่งเดียวที่มั่นใจก็คงเป็นจินซ่านซ่านและจวินโม่ซี เขาเดินไปหาจวินโม่ซีพร้อมกับของอร่อยๆพลางกล่าวอย่างยิ้มกริ่ม “พี่ชายมู่ มาๆๆ! พวกเรามากินไปชมละครไปดีกว่า จินเลี่ยฮั่วมักจะหยิ่งยโสไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ข้าอยากที่จะเห็นสีหน้าของนางหลังจากถูกหัวหน้าบดขยี้นัก”
แต่มู่เฉียนซีกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ทำให้จินซ่านซ่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“หัวหน้ากำลังมีแผนการอะไร”
จวินโม่ซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ไม่ได้มีแผนการอะไรหรอก เท่าที่ข้ารู้จักนาง เกรงว่านางคงจะทำให้ดูแข็งแกร่งกว่าสตรีผู้นั้นเล็กน้อย มิเช่นนั้นจะดูเหนือกว่ามากจนเกินไป”
จินซ่านซ่านกล่าว “แต่เช่นนี้จะถูกมองออกว่าจงใจทำกระมัง!”
“นั่นก็จะทำให้คาดเดาได้ยาก สาวน้อยผู้นี้ ช่างใจดำนัก!” จวินโม่ซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“ยอดเยี่ยม! สมแล้วที่เป็นหัวหน้าของข้า มันสุดยอดมาก” จินซ่านซ่านมองไปที่มู่เฉีนนซีอย่างเลื่อมใส
จินเลี่ยฮั่วเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟและเป็นนักปรุงยารุ่นเยาว์ที่ดีที่สุดของตระกูลจิน
ดังนั้นยาเฟิงหลิงเพียงเม็ดเดียว นางจึงสามารถปรุงออกมาได้สำเร็จในคราวเดียว โดยไม่ล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากปรุงยาเสร็จ จินเลี่ยฮั่วก็มองไปที่มู่เฉียนซีอย่างภาคภูมิใจ “จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังไม่ได้ปรุงยา เจ้าคิดจะยอมแพ้หรอกหรือ?”
มู่เฉียนซีส่ายหน้า “เปล่า นี่ไม่ใช่ว่าข้าจะเริ่มแล้วหรอกรึ?”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เมินเฉยต่อจินเลี่ยฮั่วและเริ่มปรุงยา ทุกคนต่างก็ตะลึงงันเช่นกัน “ยังเหลือเวลาอีกตั้งมาก นางจะสามารถปรุงยาได้สำเร็จหรือไม่?”
“เลี่ยฮั่วปรุงยาเสร็จนางเพิ่งจะเริ่มปรุงยา ไม่ใช่ว่าเพื่อจะขโมยวิชาหรอกหรือ!”
“……”
เลี่ยฮั่วมอบเม็ดยาให้กับหัวหน้านักปรุงยา หัวหน้านักปรุงยาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ยาเฟิงหลิงที่สาวน้อยเลี่ยฮั่วปรุงออกมาได้นั้นคุณภาพไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเจ้าจะพยายามอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา”
เมื่อได้รับคำชมเชยจากหัวหน้านักปรุงยา จินเลี่ยฮั่วก็เต็มไปด้วยความภูมิใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ นางกล่าวขึ้นว่า “หัวหน้านักปรุงยาบอกว่าข้าปรุงยาได้ดีมาก แม้ว่าเจ้าจะปรุงยาเฟิงหลิงออกมาได้แต่เจ้าก็ไม่สามารถเทียบกับข้าได้อยู่ดี ข้าว่าเจ้าควรยอมแพ้แต่โดยเร็ว”
แต่มู่เฉียนซีกลับทำราวกับว่าไม่ได้ยิน นางยังคงปรุงยาต่อไปโดยไม่สะทกสะท้าน นี่จึงทําให้จินเลี่ยฮั่วโกรธมาก
ไม่นานยาเม็ดของมู่เฉียนซีก็ปรุงออกมาได้สำเร็จแล้ว
นางส่งยาให้กับหัวหน้านักปรุงยาและกล่าวว่า “โปรดตรวจสอบ!”
หัวหน้านักปรุงยาดูเม็ดยาของมู่เฉียนซีเสร็จก็ตะลึงงัน จินเลี่ยฮั่วเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี “ปรมาจารย์…”
หัวหน้านักปรุงยาเป็นคนที่ยุติธรรมคนหนึ่งในตระกูลจิน แม้ว่าเขาจะชอบชนรุ่นหลังอย่างจินเลี่ยฮั่ว แต่เขาก็จะไม่เข้าข้างนาง
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนปรุงยาเฟิงหลิงออกมาได้สำเร็จ แต่สาวน้อยผู้นี้ปรุงยาออกมามีคุณภาพสูงกว่าเจ้า เจ้าไม่เชื่อก็ลองดูเอาเองได้”
“อะไรกัน? สาวน้อยผู้นั้นชนะแล้ว!”
“จินเลี่ยฮั่วพ่ายแพ้แล้ว!”
“……”
ผลการตัดสินของหัวหน้านักปรุงยาทําให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ
ผู้นำตระกูลจินกล่าวว่า “ทุกคน การเดิมพันย่อมต้องรู้แพ้รู้ชนะ! สองรายชื่อสำหรับการคัดเลือกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาก็ต้องให้พวกเขาสองคนไป คิดว่าทุกคนคงจะไม่คัดค้าน!”
ผู้นำตระกูลมีผู้ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขาแสดงออกมา พวกเขาย่อมสามารถคว้าสองรายชื่อนี้ไปได้อย่างไม่เป็นปัญหา
ฝ่ายของผู้นำตระกูลนั้นไม่มีปัญหา แต่คนอื่นๆกลับไม่ต้องการให้ผู้นำตระกูลจินรักษาตำแหน่งผู้นำตระกูลไว้
“ท่านผู้นำตระกูล ทั้งสองคนนี้ไร้ที่มาที่ไป ไม่น่าเชื่อถือ!”
“ถ้าหากพวกเขาล่วงเกินหุบเขาเทวดาเข้า เช่นนั้นก็คงจะลำบากแล้ว”
“ใช่แล้ว…”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนป่าเถื่อนไร้เหตุผลเช่นนี้ จินซ่านซ่านก็คงต้องออกหน้าแล้ว
เขาพุ่งออกไปและกล่าวว่า “อะไรคือคนไร้ที่มา! นี่คือพี่ชายของข้าและนี่ก็คือพี่สาวของข้า!”
มุมปากของจวินโม่ซีกระตุกเล็กน้อย ทําไมพี่สาวถึงได้ชี้นิ้วมาที่เขา? เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!
“ขอเพียงแค่พวกเขาต้องการ ข้าก็สามารถมอบสิทธิ์ผู้สืบทอดมรดกให้กับพวกเขาได้ แล้วพวกเจ้าจะทำอะไรได้? ใครให้พวกเจ้ามาชี้นิ้วสั่งนั่นพูดนี่ อยากที่จะชี้นิ้วสั่งนั่นสั่งนี่ ตอนนี้ข้าจะให้….”
จินซ่านซ่านที่ก่อเรื่องวุ่นวายทําให้ผู้คนยากที่จะยอมรับได้ “นายน้อย อย่า…”
“นี่เป็นมรดกตระกูลจินของพวกเรา เจ้าจะไปให้คนตระกูลอื่นได้อย่างไรกัน!” “ท่านผู้นําตระกูล ท่านรีบเกลี้ยกล่อมนายน้อยเร็วเข้า!” ผู้นําตระกูลจินกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ทุกคนยังมีการคัดค้านเกี่ยวกับสองรายชื่อนี้หรือไม่? พวกเขาเป็นคนที่ซ่านเอ๋อร์ไว้ใจ และข้าก็เชื่อในวิสัยทัศน์ของเขา ต่อไปพวกเขาทั้งสองคนจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจินของข้า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาพูดนินทาว่าร้ายได้ เข้าใจไหม?”
ภายใต้การสืบทอดอำนาจของจินซ่านซ่านผู้ไร้เหตุผล ต่อให้มีความเห็นไม่ตรงกันพวกเขาก็ไม่กล้าพูด!
อย่างไรเสีย ไม่มีเรื่องอะไรที่จินซ่านซ่านไม่สามารถทำได้ พวกเขาไม่สามารถบีบบังคับผู้อื่นให้จนมุมได้แล้ว
เรื่องราวจึงได้ถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อยไปเช่นนี้
จินซ่านซ่านยิ้มแล้วกล่าวกับมู่เฉียนซี “หัวหน้า! เป็นเช่นไร? น้องจินออกโรงก็จัดการได้จบสิ้นในทันที!”
มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “ทำได้ดีมาก!”
จวินโม่ซีกล่าว “เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะกินมื้อใหญ่กันใช่หรือไม่!”
จินซ่านซ่านหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว “ข้าเลี้ยงเอง”
จวินโม่ซีไม่เกรงใจจินซ่านซ่านแม้แต่น้อย แม้ว่าจินซ่านซ่านจะร่ำรวย แต่เขาก็มีความกลัวอยู่บ้าง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้านักปรุงยาที่กินจุ
“หัวหน้ามู่ ท่านแน่ใจนะว่าหอหมอปีศาจของพวกเรา จะไม่ถูกเจ้านี่กินจนยากจน!”
มู่เฉียนซีโบกมือแล้วกล่าวว่า “ดังนั้น! ทุกคนต้องหาเงินให้ได้มากๆ จะได้ไม่ถูกเขากินจนยากจน”
จวินโม่ซีโกรธขึ้นมาแล้ว “กินจนยากจน ด้วยความเร็วในการหาเงินของหอหมอปีศาจ ต่อให้ข้ากินหนึ่งวันเท่าจำนวนที่กินได้หนึ่งพันวัน ก็กินไม่หมดหรอก!”
กินดีดื่มดีและเมื่อกลับไปที่ตระกูลจิน คนรับใช้ของตระกูลจินก็เข้ามาและกล่าวว่า “คุณชายมู่ คุณหนูเฟิง ท่านผู้นำตระกูลให้มาเชิญพวกท่านไป!”