มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 645
เขาดูอ่อนโยนและสง่างาม แต่กลับมีออร่าที่ดุดันแผ่กระจายโดยรอบ เขายิ้มแล้วหันมองหลัวซิว แววตาคู่นี้ดูเหมือนปราณกระบี่ของจริง ที่แทงทะลุเข้ามาในจิตใจ

“จากที่ข้ารู้มา ตอนนี้เจ้าอายุยี่สิบเอ็ดปี ด้วยอายุเช่นนี้ แม้จะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่ ก็คงมีเพียงไม่กี่คน ที่พอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้”

หวูหยุนยิ้มเล็กน้อย “พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเจ้ายังเป็นผู้มีพรสวรรค์ ที่ผู้อาวุโสหวูชิวเสนอให้เข้าร่วมการประลองเองอีกด้วย หากเจ้าเข้ามาอยู่ในตระกูลยุทธ์ของเราได้ และใช้ทรัพยากรที่เข้าใจเป็นอย่างดีทั้งหมดของตระกูลยุทธ์ในการฝึกตน ความสำเร็จในอนาคตของเจ้า จะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน”

หลัวซิวประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หวูหยุนผู้นี้จะพยายามชักชวนเขาเข้าตระกูลยุทธ์ ในขณะที่อยู่บนเวทีประลอง

จะว่าไปแล้ว การถูกชักชวนโดยตระกูลยุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับนิรันดร์ สำหรับคนหนุ่มสาวทุกคนที่อยู่ในโลกแสงดาว นับได้ว่าเป็นเกียรติสูงสุด

ยกตัวอย่างเช่นซางหลัน ซึ่งเดิมทีมีพรสวรรค์ที่สูงมากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาเข้าร่วมตระกูลยุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์ ยังอยู่เพียงแค่ในสำนักธรรมดา ๆ ระดับสองหรือสาม ก็คงเป็นการยากที่เขาจะประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ นี่คือความแตกต่างของมรดกและทรัพยากร

ตระกูลยุทธ์ที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับนิรันดร์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการครอบครองทรัพยากรที่ไม่รู้จบ ที่สำคัญที่สุดก็คือการมีวรยุทธ์ระดับสูงสุด ประสบการณ์การฝึกตนของผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงการมีผู้แข็งแกร่งในโลกยุทธ์คอยให้คำชี้แนะด้วยตนเอง

เรียกได้ว่าบนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะปฏิเสธคำชักชวนของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่กลับมีเพียงหลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น

“ในฐานะที่เป็นอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลยุทธ์ การได้รับการเชิญด้วยจากท่านด้วยตนเอง ทำให้ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นกลับส่ายหน้า “แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจเข้าร่วมกองกำลังอื่นได้ เพราะข้าคือเจ้าสำนักไท่เสวียน”

“จะเลือกอย่างไรขึ้นอยู่กับเจ้า” หวูหยุนพูดเบา ๆ

ด้วยฐานะของเขา การเอ่ยปากชักชวนอีกฝ่ายด้วยตนเอง ถือเป็นการให้เกียรติอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะตระกูลยุทธ์เองก็ไม่เคยขาดแคลนคนที่อยู่ในระดับพรสวรรค์มาก่อน ในเมื่อีกฝ่ายไม่ยินดี เขาย่อมจะไม่พูดต่อ

ทันทีที่พูดจบ หวูหยุนก็หายตัวไปจากที่เดิม

“หายตัว ?”

หลัวซิวรู้สึกตกใจ ปกติแล้วมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนในการหายตัว เพื่อจัดการกับคนอื่น แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้จะมีคนใช้วิธีการเดียวกันจัดการกับตนเอง

การตระหนักรู้และเข้าใจพลังแห่งโซน หลัวซิวถือว่ายังอยู่ในระดับปฐมภูมิเท่านั้น ส่วนหวูหยุนนั้นอยู่ในระดับผนึกรวมอาณาจักรแล้ว ซึ่งมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

ดังนั้นหลัวซิวรู้ดีว่า การต่อสู้กับหวูหยุน วิชาล่องหนไม่เสวียนนั้นไร้ประโยชน์

“รับฝ่ามือของข้า !”

หวูหยุนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหลัวซิว เขาตะโกนออกมาเบาๆ แล้วยกฝ่ามือขึ้นโจมตี ความผันผวนของพลังแห่งโซนระหว่างฝ่ามือนั้นรุนแรงมาก รอยแยกในอากาศค่อย ๆ แพร่ขยายใหญ่ขึ้น และเข้ามาใกล้ตัวของหลัวซิวในทันที

นี่คือพลังและความอยู่ยงคงกระพันของการแหวกอากาศ อย่างน้อยด้วยแดนร่างยุทธ์ร่างเนื้อของหลัวซิวในตอนนี้ ไม่มีทางต้านทานได้ แน่นอน ทันทีที่ถูกโจมตี ร่างกายก็จะถูกฉีกออกเป็นสองส่วนในทันที

บรรลุมังกรเขียว !

เสียงร้องของมังกรดังขึ้น หลัวซิวเพิ่มความเร็ว และหลบหลีกออกบริเวณที่อากาศถูกฉีกขาด

ดูเหมือนหวูหยุนจะคาดเดาเอาไว้แล้วว่า หลัวซิวจะสามารถหลบหลีกได้ จึงยกมือขึ้นสะบัดตามที่ตั้งใจไว้ และหลังแห่งโซนที่มองไม่เห็น ก็โจมตีเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

ฉึบ !

ในช่วงวิกฤติ หลัวซิวหลบหลีกจุดสำคัญ แต่เอวด้านซ้ายก็ยังคงถูกโจมตี ร่างยุทธ์แดนมกุฎขั้นกลางถูกแทงทะลุในทันที มีเลือดไหลรินออกมา

“ช่างเป็นพลังโซนที่แข็งแกร่งจริง ๆ” หลัวซิวตาเบิกโพลง การหายตัวระยะสั้น เป็นเพียงแค่วิธีการระดับปฐมภูมิที่สุดของพลังแห่งโซน มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่ฝึกพลังแห่งโซนจนลึกซึ้งอย่างหวูหยุนเท่านั้น ที่จะสามารถสำแดงความสามารถในการโจมตีที่น่ากลัวยิ่งขึ้นของพลังแห่งโซนออกมาได้