ไป่หลี่ชิงโร่วรอเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ตลอดเวลาหลายวันในโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของนครล่าฝัน นางเชื่อว่าด้วยการกล่าวทิ้งท้ายเรื่องสำคัญไว้กับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือในครานั้น ทั้งสองจะต้องมาหาตนที่โรงเตี๊ยมด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากรอนานถึงห้าวันติดต่อกันก็ยังไม่มีแม้แต่เงาของคนทั้งสองโผล่มาให้เห็น ราวกับว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่สนใจเบาะแสเรื่องที่นางจงใจทิ้งท้ายไว้ก่อนจากมาจึงไม่ลงมือทำสิ่งใด
ณ วันที่หกของการเฝ้ารอ ในที่สุดไป่หลี่ชิงโร่วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและตัดสินใจกลับไปที่จวนจ้าวนครล่าฝันอีกครั้ง
แต่ทว่า ทันที่มาถึงจวนจ้าวนคร ไป่หลี่ชิงโร่วก็ได้รับข่าวว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เดินทางออกจากนครล่าฝันไปตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแล้ว และไม่อาจทราบได้ว่าจุดหมายปลายทางของทั้งสองคือที่ใด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป่หลี่ก็มั่นใจได้ทันทีว่าทั้งสองเข้าใจความหมายของวาจาที่ตนทิ้งท้ายไว้ เพียงแต่การกระทำของคนทั้งสองช่างเหนือความคาดหมายของนางไปอย่างสิ้นเชิง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่คิดที่จะมาหานางด้วยซ้ำ
ขณะกำหมัดแน่น ไป่หลี่ชิงโร่วก็กล่าวกับตนเองด้วยวาจาขมขื่น “ฉินอวี้โม่ ข้าไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ รอดูก่อนเถอะว่าข้าจะทำอย่างไรต่อไป !”
นางไม่ลังเลและมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลไป่หลี่ทันที ไป่หลี่ชิงโร่วมั่นใจเต็มร้อยว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะต้องหาทางไปที่งานรวมพลของสี่ตระกูลลับประจำปีนี้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น นางจะลงมือจู่โจมอีกครั้งเพื่อแสดงให้ฉินอวี้โม่ได้ประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วตนเก่งกาจเพียงใด
เวลานี้ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนทางเหนือ นอกจากพวกนางทั้งสองก็ยังมีสหายร่วมทางอีกหลายคนซึ่งก็คือเยว่ชิงเฉิงและสหายคนอื่น ๆ
“อวี้โม่ เจ้าคิดว่าไป่หลี่ชิงโร่วนั่นจะทำหน้าอย่างไรเมื่อทราบว่าเจ้าและโม่ฉือออกจากนครล่าฝันมาแล้ว ?”
เยว่ชิงเฉิงจับแขนฉินอวี้โม่และกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
นางหัวเราะเบา ๆ ขณะนึกถึงสีหน้าท่าทางของไป่หลี่ชิงโร่วเมื่อทราบข่าวว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมิได้อยู่ที่นครล่าฝันอีกต่อไป
“หึ นางมิใช่สตรีที่รับมือได้ง่ายเลย ข้าสัมผัสได้ถึงความรักใคร่ที่นางมีต่อโม่ฉือ นางไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ แน่”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยิ้มบาง ๆ สตรีอย่างไป่หลี่ชิงโร่วแห่งตระกูลไป่หลี่เป็นสตรีที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและมารยา หากเปรียบเทียบกับคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาทั้งหมดของฉินอวี้โม่ คนเหล่านั้นก็ถือว่าธรรมดายิ่งนัก
“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดก็มีสตรีที่ทำให้เจ้ารู้สึกกดดันขึ้นมาได้”
เป็นไปได้ยากยิ่งนักที่จะได้เห็นฉินอวี้โม่ปฏิบัติต่อคู่ต่อสู้เช่นนี้และนั่นทำให้เยว่ชิงเฉิงอดหัวเราะไม่ได้ คนอื่น ๆ ที่ผ่านมาแม้หมายปองหานโม่ฉือล้วนมิอาจเทียบชั้นหรือต้านทานฉินอวี้โม่ได้เลยสักนิด เวลานี้เมื่อได้พบกับคู่ต่อสู้ที่คู่ควร นางจึงตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
“โอ้ ไม่มีทางเสียหรอก หากนางคิดจะสู้กับข้าในเรื่องอื่น บางทีนางก็อาจจะพอมีโอกาส ทว่าหากคิดจะสู้กับข้าเรื่องโม่ฉือละก็ นางไม่มีทางสมหวังอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่ม แม้ไป่หลี่ชิงโร่วจะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ไม่ง่าย ทว่านั่นก็ขึ้นอยู่กับหัวข้อของการแข่งขัน หากทั้งสองแข่งขันกันเพื่อครอบครองหัวใจของหานโม่ฉือ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแข่งขันให้เสียเวลา เพราะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไป่หลี่ผู้นั้นแพ้ตั้งแต่การแข่งขันยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินวาจามั่นใจของฉินอวี้โม่ เยว่ชิงเฉิงก็ถึงกับกลอกตาอย่างจนปัญญา แม้นางจะทราบอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือนั้นแนบแน่นมั่นคงอย่างยิ่ง ทว่าสหายของตนก็ไม่น่าจะแสดงสีหน้าท่าทางมั่นใจถึงเพียงนี้ ถึงอย่างไรแล้วแม่นางไป่หลี่ชิงโร่วผู้นั้นก็เป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง หากนางได้ยินวาจามั่นใจเช่นนี้ของฉินอวี้โม่ นางคงจะไม่พอใจเป็นแน่
เดิมทีหลังจากที่ฉินอวี้โม่คาดเดาแผนการของไป่หลี่ชิงโร่วในวันนั้น นางก็ตัดสินใจในทันทีโดยเริ่มจากการส่งคนไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อสืบเบาะแสและพบว่าไป่หลี่ชิงโร่วกำลังรออยู่ที่นั่นจริง
เมื่อทราบเช่นนั้น ฉินอวี้โม่จึงตัดสินใจเดินทางออกจากนครล่าฝันพร้อมหานโม่ฉืออย่างรวดเร็วและปล่อยให้คุณหนูตระกูลไป่หลี่เสียเวลารอคอยด้วยความหวังอยู่ที่โรงเตี๊ยมต่อไป
ในเวลานี้ ทั้งสองวางแผนที่จะเดินทางไปที่ดินแดนทางเหนือเป็นอันดับแรกและจะไปพบกับเสี่ยวโร่วที่จวนตระกูลเหมย จากนั้นก็จะไปที่อาณาเขตของตระกูลหานซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานรวมพลสี่ตระกูลลับและเตรียมหาทางช่วยบิดามารดาของหานโม่ฉือ
เนื่องจากพัฒนาการของเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ติดอยู่ในสภาวะชะงักงันแล้ว คนเหล่านั้นจึงติดตามมากับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือโดยกล่าวว่าต้องการไปเยือนดินแดนทางเหนือสักครั้ง แน่นอนว่าทั้งสองไม่ปฏิเสธและทุกคนออกเดินทางมาด้วยกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนทางเหนือ
หากรวมฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ คณะเดินทางในตอนนี้ก็มีรวมทั้งหมดแปดคน
เยว่ชิงเฉิง โอวหยางชิงเฟิง หลินจิ้งหง เถียนเข่อเอ๋อร์ ฉีอวี้และเจียงหลิวเยว่ล้วนเดินทางมากับนาง แม้ยังมีอีกหลายคนที่ต้องการเดินทางมาด้วยกันในครานี้ ทว่าพวกเขาก็ถูกอธิการมู่อวิ๋นส่งไปจัดการเรื่องอื่น ๆ จึงไม่มีเวลาสำหรับการท่องดินแดนและจำต้องรอพบกันในอนาคต
สำหรับเถียนเข่อเอ๋อร์ สถานการณ์ของนางน่าสนใจมากทีเดียว ดูเหมือนว่านางจะสนใจหลินจิ้งหงเป็นพิเศษและพยายามเอาอกเอาใจเขาตลอดการเดินทาง ทันทีที่ทราบว่าเขาจะเดินทางไปที่ดินแดนทางเหนือ นางก็ติดตามมาด้วยและให้เหตุผลว่าต้องการไปที่พรมแดนเหนือเพื่อเปิดสาขาใหม่ของตระกูลเถียน
หลินจิ้งหงเป็นสหายคนสนิทของหานโม่ฉือตั้งแต่ในดินแดนหวนหลิงและเป็นสหายคนแรกที่ฉินอวี้โม่ได้พบ ฉินอวี้โม่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าหลินจิ้งหงแอบมีความรู้สึกพิเศษให้กับตน ทว่าหานโม่ฉือทราบทุกอย่างเป็นอย่างดี
เพราะเหตุนั้น เมื่อเห็นว่าเถียนเข่อเอ๋อร์มีท่าทีเหมือนมีใจให้กับหลินจิ้งหง หานโม่ฉือจึงใช้แผนการเจ้าเล่ห์โดยคอยยุยงอยู่เบื้องหลังเพื่อให้เถียนเข่อเอ๋อร์พยายามเอาอกเอาใจหลินจิ้งหง เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีเวลามาสนใจโม่เอ๋อร์ของตนอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เถียนเข่อเอ๋อร์ก็เป็นคนร่าเริงและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ อีกทั้งนางก็เป็นสตรีที่เรียกได้ว่าคู่ควรกับหลินจิ้งหง หากหลินจิ้งหงได้ตกลงปลงใจกับนาง หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็จะยินดีกับทั้งสองไม่น้อยเลย
“พี่จิ้งหง ท่านกระหายน้ำรึไม่ ?”
“พี่จิ้งหง ท่านหิวรึไม่ ?”
“พี่จิ้งหง ท่านรำคาญเข่อเอ๋อร์รึไม่ ?”
…..
ตลอดการเดินทาง ทุกคนได้ยินเพียงประโยคเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจนชินหู
ในตอนแรกหลินจิ้งหงแทบจะหมดความอดทนกับสตรีที่น่ารำคาญผู้นี้และเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขาไม่ดีนัก ทว่าเถียนเข่อเอ๋อร์ก็เป็นดั่งแมลงสาบที่ตีไม่ตายซึ่งไม่สะทกสะท้านต่อทัศนคติท่าทางของหลินจิ้งหงแม้แต่น้อย แม้เขากล่าวตัดพ้อว่าเขาไม่ได้ชอบนาง ใบหน้าของนางก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มกว้างและมีเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างมีความสุขขณะพยายามเอาใจเขาไม่หยุดหย่อน
ในขณะที่เวลาผ่านไป หลินจิ้งหงก็ค่อย ๆ คุ้นชินกับการกระทำของเถียนเข่อเอ๋อร์และทัศนคติความรู้สึกที่เขามีต่อนางก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ แน่นอนว่าเถียนเข่อเอ๋อร์ย่อมมีความสุขยิ่งนัก นางหันไปขยิบตาให้กับหานโม่ฉือผู้ยุยงหลักก่อนหันไปกวนใจ ‘พี่จิ้งหง’ ของนางต่อไป
“เจ้ามอบความคิดอะไรให้กับนางรึ ?”
เมื่อเห็นเถียนเข่อเอ๋อร์ขยิบตาให้กับหานโม่ฉืออย่างมีนัยยะ ฉินอวี้โม่ก็ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าการที่เถียนเข่อเอ๋อร์ตามตื๊อตามรังควานอย่างไม่ยอมแพ้เช่นนี้แท้จริงแล้วเป็นความคิดของหานโม่ฉือ
“ข้าเพียงบอกนางว่าหลินจิ้งหงชอบให้คนอื่นตามตื๊อตามรังควาน ยิ่งเขาแสดงท่าทีหงุดหงิดเพียงใดก็หมายความว่าเขาชอบใจมากเท่านั้น”
หานโม่ฉือยิ้มกริ่มทว่ากล่าววาจาเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เขาไม่ต้องการเห็นบุรุษคนอื่นมีใจให้ภรรยาของตน ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสหายผู้นี้ของตนจะได้พบกับความสุขที่แท้จริงเสียที
“พวกเขาก็ดูเข้ากันได้ดีนะ”
ฉินอวี้โม่ชำเลืองมองเถียนเข่อเอ๋อผู้ซึ่งเกาะติดหลินจิ้งหงไม่ห่างและกล่าวอย่างจริงใจ ความมีชีวิตชีวาของเถียนเข่อเอ๋อร์เรียกได้ว่าเหลือล้นจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนรอบตัวนางรู้สึกดีขึ้นมาได้ คุณหนูตระกูลเถียนผู้นี้เปรียบดั่งดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างนำพาความสดใสมาสู่ทุกคน
“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ตอนนี้เจ้าหนูทั้งสองก็อยู่ที่นครล่าฝัน เราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้ว หากเรามีลูกเพิ่มอีกสักคนสองคนก็คงจะดีไม่น้อย”
หานโม่ฉือโอบร่างบางของฉินอวี้โม่เข้ามาใกล้และกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินวาจาของหานโม่ฉือ ไม่ว่าฉินอวี้โม่จะเป็นคนแกร่งกล้าและมั่นใจเพียงใด นางก็ไม่สามารถห้ามพวงแก้มที่แดงระเรื่อได้เลย บุรุษผู้นี้เจ้าเล่ห์แสบซนมากขึ้นเรื่อย ๆ
นครล่าฝันอยู่ไกลจากดินแดนทางเหนือพอสมควรและคณะเดินทางต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนเพื่อไปถึงเมืองฉางอาน
ดินแดนทางเหนือในเวลานี้เจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของฉินเฟิงและชื่อเสียงที่ฉินอวี้โม่สร้างไว้ก็ดึงดูดจอมยุทธ์มากหน้าหลายตาให้มาเข้าร่วมกับขุมกำลัง เพราะเหตุนั้น ดินแดนทางเหนือจึงรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็ทรงพลังมากพอที่จะทัดเทียมกับขุมกำลังอันดับต้น ๆ อย่างนิกายหงส์มังกรได้แล้ว ดินแดนทางเหนือถือเป็นขุมกำลังที่ไม่ควรประมาทอย่างแท้จริง
เมื่อฉินอวี้โม่กลับมา ทุกคนก็ล้วนยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้พบกับหานโม่ฉือ เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาต่างก็กระตือรือร้นทำความรู้จักกัน
ถึงอย่างไร ซวงเสวี่ยและทุกคนที่นี่ก็ล้วนซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อฉินอวี้โม่จากใจจริง
“ศิษย์พี่ ข้าวานให้คนสืบข่าวเกี่ยวกับชนเผ่ามายาและเชื่อว่าน่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมในไม่ช้า ไม่ต้องกังวล คนผู้นั้นจะต้องเก็บบิดาบุญธรรมของท่านไว้เพื่อใช้ข่มขู่เรา ชีวิตของเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแน่”
ภายในห้องหนังสือ ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงสนทนากันถึงเรื่องต่าง ๆ หากมิใช่เพราะความช่วยเหลือของฉินเฟิง ดินแดนทางเหนือก็คงจะไม่รุ่งเรืองและได้รับการจัดการดูแลอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ ซึ่งนี่ก็ทำให้นางวางใจได้มาก
“ข้ารู้…อย่างไรก็ตาม ข้าตั้งใจจะไปที่ชนเผ่ามายาด้วยตัวเอง”
ฉินเฟิงพยักศีรษะและกล่าวการตัดสินใจของตน เวลานี้ดินแดนทางเหนือมั่นคงอย่างมากแล้ว เนื่องจากมีซวงเสวี่ยและฮั่วชิงซานปกครองดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่นี่จึงไม่มีสิ่งใดให้น่าเป็นห่วงอีก
เขาเป็นกังวลเรื่องบิดาบุญธรรมของตนเป็นอย่างมากและต้องการมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยตัวเอง นอกเหนือจากบิดาบุญธรรมแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถปล่อยมือจากสตรีอีกคนที่ครอบครองพื้นที่ในหัวใจของเขาได้ เขาต้องหาทางลักลอบเข้าไปที่ชนเผ่ามายาให้ได้เสียก่อนและค่อยสืบข่าวที่ต้องการหลังจากนั้น
“ตกลง แต่ท่านต้องระวังตัวให้มาก อย่าให้ถูกจับได้เด็ดขาด”
ฉินอวี้โม่ไม่คัดค้านการตัดสินใจของเขาแต่อย่างใด ฉินเฟิงเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเองและหัวแข็งพอสมควร มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนใจในสิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว ในเมื่อเขาต้องการไปที่นั่น ฉินอวี้โม่จึงไม่พยายามโน้มน้าวใจหรือขัดขวางแต่อย่างใด
“หากท่านได้เรื่องอย่างไรก็ใช้สิ่งนี้เพื่อติดต่อข้า ข้าจะได้รับข่าวในทันที”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับฉินเฟิงอีกครั้งพร้อมกับยื่นอุปกรณ์สื่อสารให้กับฉินเฟิง หากมิใช่เพราะมีเรื่องวุ่นวายมากมายที่ยังไม่อาจแก้ไขและนางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของชนเผ่ามายามากนัก รวมถึงความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นที่แกร่งกล้าเกินไป นางก็คงตัดสินใจไปที่นั่นเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงจะออกไปสืบข่าวเพื่อยืนยันความจริงเท่านั้น ข้าจะกลับมาในไม่ช้า”
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าวเพื่อให้ฉินอวี้โม่สบายใจ เขามิใช่คนหุนหันพลันแล่นที่จะทำสิ่งใดลงไปอย่างไม่ยั้งคิด เวลานี้เขาเพียงเป็นกังวลและต้องการสืบหาเบาะแสเท่านั้น
“ท่านจะไปเมื่อใด ศิษย์พี่ ?”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและเอ่ยถามฉินเฟิง
เมื่อได้ทราบว่าฉินเฟิงวางแผนที่จะออกเดินทางในอีกสามวัน แม้ประหลาดใจเล็กน้อย ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดที่จะขัดขวางเขาแต่อย่างใด นางเพียงช่วยหลอมอุปกรณ์คุ้มครองบางชิ้นให้กับเขาเท่านั้น
เยว่ชิงเฉิงก็มอบปืนพกของตนให้กับฉินเฟิงด้วยความยินดีเพื่อให้เขานำไปใช้ปกป้องตัวเอง
แน่นอนว่าฉินเฟิงขอบคุณทุกคนจากใจจริงและอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ กับซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ อย่างคร่าว ๆ ก่อนมุ่งหน้าไปยังชนเผ่ามายา
แม้ฉินอวี้โม่จะเป็นห่วงและเป็นกังวล นางก็ทำได้เพียงเอาใจช่วยศิษย์พี่ของตน นางหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ในดินแดนจะได้รับการสะสางโดยเร็วเพื่อที่นางจะช่วยฉินเฟิงในเรื่องนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคำนวณวันเวลาที่ผ่านมา ซิวก็อยู่ในสภาวะเก็บตัวเป็นเวลานานแล้วและน่าจะได้เวลาออกมาเสียที การเผชิญทัณฑ์สายฟ้าของมันน่าจะใกล้มาถึงแล้ว หลังจากที่ซิวปรากฏตัวออกมา เรื่องของเผ่าอสูรก็จะได้รับการไตร่ตรองและจัดการให้เสร็จสิ้น
หลังจากอยู่ในดินแดนทางเหนือนานครึ่งเดือน ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็กล่าวร่ำลาทุกคนก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปในทิศทางของจวนตระกูลเหมย
.