ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 543 ความตายของมังกรโลหิต

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เหยียนกังมีกระบี่ล่องลอยอยู่ในมือ ประกายกระบี่ที่กระจายออกมาทอดตัวยาวไร้สิ้นสุดเหมือนกับแหฟ้าตาข่ายดิน

เขารู้ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอรวดเร็วมากเกินไป หากคิดจะไปจริงๆ ตนคงไล่ตามไม่ทัน

ถึงแม้เต่าทองธารแสงจะรักษาชีวิตของเหนียนเชินและส่งเขาหนีไปได้ แต่ก็ส่งไปได้ไม่ไกลเท่าไร ขณะเดียวกันเหนียนเชินได้รับบาดเจ็บหนัก ด้วยความเร็วของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก คงจะไล่ตามทันได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นในตอนนี้เหยียนกังจึงใช้สภาวะกระบี่เพื่อขัดขวางการไล่ตามของเยี่ยนจ้าเกอ ให้เวลาเหนียนเชินหลบหนี

ครั้นช่วงชิงเวลามาได้พอประมาณแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาต้องถอยหนีบ้าง

ถึงแม้ว่าเกาะจิตประสานจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบึงหมื่นกระบี่ แต่บึงหมื่นกระบี่ก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อมาถึงในตอนนี้ หลังจากเห็นพลังของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เหยียนกังยิ่งไม่คิดจะเสี่ยงชีวิตกับชายหนุ่มอีก

เมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพวกเหนียนเชิน แม้แต่คนของเกาะจิตประสานในตอนนี้ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากโดยสิ้นเชิง

หากไม่มีการโจมตีจากยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์สักสองคนหรือมากกว่า ย่อมทำอะไรเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้

ฝูงชนที่มุงดูอยู่ห่างๆ ต่างสติหลุดอยู่ชั่วขณะ

เหนียนเชินที่มีนิ้วมังกรทั้งเก้าซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือเป็นคนนำกลุ่มยอดฝีมือรุมโจมตี ยังมีเหยียนกังที่มีกระบี่ล่องลอยกดดันอยู่ด้านข้าง

แม้จอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์คนอื่นบนโลกผืนสมุทรมาก็ต้องรับมือด้วยความระมัดระวัง

การถอยหนีโดยปลอดภัยบางทีอาจจะทำได้ แต่ว่าการรั้งอยู่ที่เดิม เล่นงานคู่ต่อสู้จนแตกพ่าย ที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี เรื่องนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตระหนก

เห็นเหนียนเชินหนีไป เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่รีบร้อน หอกกระดูกในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแหวกประกายกระบี่ของกระบี่ล่องลอย สายตากวาดมองคนที่อยู่รอบๆ เล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากชัดเจนกว่าเดิม

เหยียนกังเห็นท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ ในใจรู้สึกสงสัย

ในตอนนั้นเอง เกิดความสับสนในกลุ่มคนที่อยู่ดูอยู่ห่างออกไป พวกเขาต่างรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา

จอมยุทธ์บึงหมื่นกระบี่ทนไม่ไหว เข้าใกล้สนามรบที่น่ากลัว ตะโกนว่า “ท่านเจ้าสำนัก พรรคมารรวมตัว ฝ่ายธรรมะอยู่ในอันตราย”

เหยียนกังตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”

จอมยุทธ์บึงหมื่นกระบี่สงบจิตใจ กล่าวว่า “เจ้าสำนักสังหารมังกร ‘ฟันเจ็ดทะเล’ จ้าวจ้ง ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิง ยังมีตลับวิญญาณหลอน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเกาะวิญญาณหลอน ทำลายสำนักมังกรโลหิต จากนั้นก็ฉวยโอกาสโจมตีวังผลึกวารีที่ทะเลตะวันออก ราชาหลินแห่งวังผลึกวารีมุ่งมายังทะเลตาข่ายดาว พอได้รับข่าวก็วกกลับไป”

ถึงแม้บึงหมื่นกระบี่จะไม่เจอหายนะ แต่จิตใจของเหยียนกังก็อดตึงเครียดขึ้นมามิได้

หลินซื่อคุ้มครองวังผลึกวารี ยึดครองความได้เปรียบด้านสถานที่ บางทีอาจจะฝืนสู้หนึ่งต่อสองได้

แต่หากต้องเผชิญหน้ากับสำนักสังหารมังกร สำนักปราชญ์ปีศาจ และเกาะวิญญาณหลอนพร้อมกัน กลับเกินกำลังเกินไป

สำนักมังกรโลหิตสูญเสียครั้งใหญ่ วังผลึกวารีประสบคราเคราะห์ บึงหมื่นกระบี่ของเขาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ

เหยียนกังมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกด้วยความโกรธแค้น

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพึมพำ “สำนักสังหารมังกรกับเกาะวิญญาณหลอนลงมือ ต่างก็อยู่ในการคาดการณ์ ลิ่นเชียนเฉิงกลับขวัญกล้าจริงๆ วันนี้เป็นวันที่ลงท้ายด้วยเลขแปด วันมะรืนจะถึงช่วงเวลาอ่อนแอของตัวเอง อย่าว่าแต่ฝ่ายธรรมะเลย สำนักสังหารมังกรกับเกาะวิญญาณหลอนสามารถจับเขาแล้วสังหารทิ้งได้ทุกเวลา”

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเหยียนกัง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็กล่าวอย่างเรียบเฉย “พวกลิ่นเชียนเฉิงไม่มาหาข้าที่นี่ นับเป็นการเลือกที่ชาญฉลาด ข้าเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้องยังสะบัดก้นจากไปได้ แต่สำนักของพวกท่านหนีพระไม่อาจหนีวัด[1]”

“เหนียนเชินคิดว่าคนอย่างเฝิงจิ่งเซิงแห่งสำนักตาข่ายปีศาจ กับก่วนหลีแห่งเกาะจิตประสานมาหาเรื่องข้าเป็นเรื่องปกติ แต่คิดฝากความหวังไว้บนตัวพวกลิ่นเชียนเฉิง คิดว่าลิ่นเชียนเฉิงโง่เหมือนเขาหรืออย่างไร?”

เหยียนกังถอนใจ เก็บประกายกระบี่ มุ่งไปยังที่ไกล

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ขัดขวาง

การต่อสู้ในที่สุดก็ปิดฉากลง

คนที่ชมการต่อสู้อยู่รอบๆ ในตอนนี้ต่างรู้สึกหวาดหวั่น บางคนรีบกลับสำนักตัวเอง บางคนมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าซับซ้อน

จอมยุทธ์วังผลึกวารีส่วนใหญ่กลับทะเลตะวันออกของตน เหลือคนไม่กี่คนไว้จับตดูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพร้อมกับคนในสำนักคืนวิญญาณ ไม่อาจเอ่ยอะไร แต่ยังกล่าวว่า “เชิญท่านเยี่ยนร่วมทางช่วยสนับสนุนฝ่ายธรรมะด้วย”

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของพรรคมารยกทัพออกโรงพร้อมกัน มาตรว่าเหยียนกังแห่งบึงหมื่นกระบี่จะช่วยเหลือ สงครามของวังผลึกวารีก็ยังคงอยู่ในสถานะห้าสิบห้าสิบ ฝ่ายธรรมะอาจจะเสียเปรียบด้วยซ้ำ

เหนียนเชินได้รับบาดเจ็บสาหัส ขุมกำลังของฝ่ายธรรมะเสียหาย พวกลิ่นเชียนเฉิงสามารถเปลี่ยนสนามรบ ผละจากวังผลึกวารีได้ตามใจชอบ หลินซื่อกับเหยียนกังจะเสียเปรียบกว่าเดิม

คนจากสำนักอื่นขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอ บางคนรู้สึกไม่พอใจ คิดว่าชายหนุ่มทำให้ฝ่ายธรรมะเสียเปรียบ แต่ในตอนนี้ไม่กล้ากล่าวอะไร

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเงยหน้าครุ่นคิดเหมือนรอบๆ ไม่มีคน พลันยิ้มขึ้น “ขอแค่เหยียนกังไปทันเวลา วังผลึกวารีคงไม่เป็นไร”

“คนอย่างลิ่นเชียนเฉิงชอบใช้การลงทุนที่น้อยที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ที่มากที่สุด มีนิสัยอยากได้มากกว่าที่มี”

คนอื่นได้ยินดังนั้นพลันงงงัน

“ส่วนทางเหนียนเชิน เหอะๆ ต่อจากนี้ถึงเวลาสนุกแล้ว” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยิ้มขึ้นด้วยท่าทางสบายอารมณ์

ไกลออกไป แสงสีทองสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น จากนั้นก็หายไป

เงาร่างหนึ่งหล่นลงมาจากข้างบน ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด ผมสีเงินบนศีรษะยุ่งเหยิง สภาพดูไม่สู้ดีนัก

เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมังกรโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ ถูกจัดเป็นอันดับสามในจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกแห่งโลกผืนสมุทร เหนียนเชิน

ตอนนี้เขาเหมือนกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ ไอติดต่อกัน กระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าเต่าทองธารแสงจะรักษาชีวิตเขาไว้ได้ แต่เขาก็เกือบตายไปแล้ว

เหนียนเชินมองปลอกนิ้วมังกรที่อุตส่าห์แย่งชิงกลับมาได้อย่างยากลำบาก อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

หนึ่งได้หนึ่งเสีย อาวุธศักดิ์สิทธิ์นิ้วมังกรทั้งเก้าของตนยังเหลืออีกแปดนิ้ว ส่วนเขาเหลือเพียงแค่เจ็ดนิ้ว

เสียนิ้วไปนิ้วหนึ่งมิใช่เรื่องน่ากังวล และไม่ใช่ว่าจะใช้นิ้วมังกรทั้งเก้าไม่ได้อีก แต่คิดจะหลอมรวมปลอกนิ้วมังกรที่แย่งกลับมาอีกครั้ง เขาไม่อาจทำได้ในระยะเวลาอันสั้น

‘เยี่ยนจ้าวเกอ! สือจวิน!’ เหนียนเชินรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองกำลังมีเลือดไหลซิบ

บัดนี้มีคนเข้ามาใกล้ เหนียนเชินจึงรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา แต่เมื่อเห็นผู้มาเยือนชัดเจนแล้วก็โล่งใจ

“อาจารย์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินซื่อเฉิงมาถึงข้างกายเหนียนเชิน

เหนียนเชินโบกมือ “โจรน้อยร้ายกาจ ข้าไม่เหลือพลังต่อสู้แล้ว พวกเรากลับสำนักกันก่อน แล้วค่อยๆ ปรึกษา…”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ใบหน้าของเหนียนเชินพลันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “เจ้า…”

เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง มองอกของตัวเองในทันที ตรงนั้นมีมือของคนข้างหนึ่ง นิ้วทั้งห้าแทงทะลุหัวใจของเขาเหมือนกับคมมีด

เฉินซื่อเฉิงมองเหนียนเชินอย่างสงบ “ท่านอาจารย์ ท่านไปดีเถอะ”

“เจ้าศิษย์เนรคุณ!” เหนียนเชินเดือดดาล ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีนิ้วมังกรทั้งเก้าอยู่กับตัว จึงคิดสังหารเฉินซื่อเฉิง

แต่ร่างของเฉินซื่อเฉิงปรากฏแสงสีเลือดโชติช่วงครอบคลุมคนทั้งสอง นิ้วมังกรทั้งเก้าพลันชะงัก ไม่ฟังคำสั่งของเหนียนเชิน

“ศิลามังกรโลหิต?!” เหนียนเชินงงงันเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มด้วยความโกรธแค้น “ประเสริฐนัก เจ้าเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”

เฉินซื่อเฉิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะกล้าลงมือได้อย่างไร?”

เหนียนเชินพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือ? ด้านนอกมีศัตรู ยังก่อความขัดแย้งภายใน เจ้ากลับคิดจะทำลายรากฐานนับพันปีของสำนักมังกรโลหิต! ถึงตอนนั้นเจ้าคิดว่าตัวเองจะมีจุดจบที่ดีหรือ?”

“ไม่มีศัตรูจากด้านนอก แล้วข้าจะสังหารท่านอย่างไร?” เฉินซื่อเฉิงเอ่ยเรียบๆ “ท่านสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว

“สำหรับสำนัก สิ่งที่ไม่อาจเสียไปคือนิ้วมังกรทั้งเก้า ขอแค่นิ้วมังกรทั้งเก้ายังอยู่ ต่อให้ไม่มีท่านหรือข้า ความจริงไม่ได้มีข้อแตกต่างมากนัก”

น้ำเสียงของเฉินซื่อเฉิงกลายเป็นเย็นชา “ท่านเสียปลอกนิ้วมังกรปลอกหนึ่งไป จึงเป็นคนที่มีโทษหนักที่สุดของสำนัก”

เหนียนเชินกระอักเลือดคำหนึ่ง “เพราะเหตุใด…เป็นเพราะคำล้อเลียนเจ้าสำนักสูงสุดของผู้อื่นหรือ?”

เฉินซื่อเฉิงส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้สิบกว่าปี ก่อนที่ข้าจะรับตำแหน่งเจ้าสำนัก ข้าก็เฝ้าคอยวันนี้มาโดยตลอด”

“ข้าบอกตัวเองว่าสำนักสำคัญกว่า ถ้าหากท่านเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่ข้าจะหาโอกาสเจอ เช่นนั้นเพื่อสำนัก ข้าจะละวางความแค้น แต่น่าเสียดายที่ท่านช้ากว่าข้า”

……………………………………….

[1] หนีพระไม่อาจหนีวัด หมายถึง ไม่อาจหนีจากความรับผิดชอบได้