ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 544 เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ไม่อาจล่วงเกิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“…ความแค้น? มันคือ…อะไรกันแน่?” เหนียนเชินมองเฉินซื่อเฉิงอย่างไม่อยากเชื่อ

สีหน้าของเฉินซื่อเฉิงกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “เยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นอาจจะตามมาได้ตลอดเวลา คนอื่นในสำนักเราก็อาจจะมาถึงด้วยเช่นกัน”

“ศิษย์ไม่อาจให้ท่านตายโดยกระจ่างได้ ศิษย์ไม่มีความคิดจะเล่าความแค้นในหลายปีมานี้กับท่าน ขอแค่ส่งท่านจากไปดีๆ ได้ ศิษย์ก็พอใจแล้ว”

ขณะที่พูด ห้านิ้วของเฉินซื่อเฉิงก็กลายเป็นกรงเล็บ ปักลึกลงในไปในเลือดเนื้อตรงกลางอก ญาณจริงแท้อันแข็งแกร่งทำลายอวัยวะภานในและพลังชีวิตของเหนียนเชินอย่างต่อเนื่อง

เหนียนเซินครางหนักๆ ก่อนจะกระอักเลือกออกมาอีกคำ ผมขาวที่เปล่งแสงสีเงินตอนนี้ดับลงกลายเป็นสีเทา

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมังกรโลหิตในอดีต ใบหน้ายามนี้ปกคลุมด้วยบั้นปลายความตายชั้นหนึ่ง

บางทีอาจเป็นเพราะแรงเฮือกสุดท้าย ในขณะที่ร่างกายยิ่งมายิ่งอ่อนแอ เหนียนเชินกลับรู้สึกว่าความคิดของตนว่องไวเป็นพิเศษ

ชั่วพริบตาก่อนตาย จิตใจของเขาเปิดกว้าง ความคิดพลันกระจ่าง

ปัญหาส่วนหนึ่งที่ไม่เคยสังเกตก่อนหน้านี้ ปรากฏขึ้นในห้วงสมองทั้งหมด

“ทั้งหมด…ทั้งหมดคือหลุมพรางมาตั้งแต่ต้น!” เหนียนเชินมองเฉินซื่อเฉิงด้วยความโมโห “บุตรสาวของเจ้ายังบริสุทธิ์ เดรัจฉานแซ่สือไม่เคยพบนางมาก่อน”

“แม้แต่คนในสำนักก็ยังคิดว่าเหว่ยเอ๋รอ์ที่ชอบเด็ดดอมบุปผาประสงค์ร้ายต่อบุตรสาวของเจ้า แต่ถูกสือจวินผู้นั้นขัดขวาง จึงใส่ร้ายเด็กน้อยนั่น เพียงแต่ทุกคนต่างยืนยันว่าเป็นการกระทำของสือจวินเพราะชื่อเสียงของข้ากับสำนัก เพราะช่วงชิงการสนับสนุนจากสำนักอื่น”

เหนียนเชินพูดอย่างยากเย็น “แต่คนที่เป็นเหยี่ยเหยี่ยอย่างข้าทราบดีว่า เหว่ยเอ๋อร์รักบุตรสาวของเจ้าอย่างแท้จริง นอกจากสาเหตุพิเศษแล้ว เขาไม่มีทางฝืนใจนางเด็ดขาด!”

“เดรัจฉานแซ่สือมิได้ขืนใจ เหว่ยเอ๋อร์เองก็ไม่ทำเหมือนกัน เช่นนั้นปัญหาอยู่ที่ใด?”

เหนียนเชินถลึงตา “หากเป็นในยามปกติ ข้าอาจคิดว่าเหว่ยเอ๋อร์หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ แต่ว่าตอนนี้เป็นเจ้า ยังมีนางแพศยาที่เจ้าให้กำเนิด! ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเจ้า!”

เฉินซื่อเฉิงมองเหนียนเชินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายชมเชยคล้ายถอนใจ “ควรบอกว่าข้าไม่ได้เห็นชอบแผนการของอิ๋งเอ๋อร์ตั้งแต่แรก เพราะว่าอันตรายเกินไป”

“หากไม่สำเร็จ สุดท้ายท่านอาจารย์อาจจะรู้ตัว อย่างน้อยก็อาจจะรู้สึกสงสัย”

“แต่มิอาจไม่ยอมรับว่า สำหรับข้าแล้ว ได้แต่เฝ้าคอยโอกาส หากรอท่านกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ผลลัพธ์ที่ข้ารอมาทั้งชีวิตอาจจะหายไป”

“เมื่อโอกาสมาถึง ข้ามั่นใจว่าจะทำได้ แต่อิ๋งเอ๋อร์เป็นคนสร้างโอกาส ข้ายังสู้บุตรสาวไม่ได้”

หลังจากความกระจ่างช่วงสั้นๆ ห้วงสมองของเหนียนเชินก็ยิ่งมายิ่งพร่าเลือน ชีวิตละทิ้งเขาไปไกลแล้ว

เขาพยายามมองเฉินซื่อเฉิง “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นจะเสี่ยงชีวิตช่วยสือจวินจากสำนักเรา…”

เสียงยังไม่ทันขาด เฉินซื่อเฉิงเพิ่มแรงที่มือมากขึ้น ทำลายชีวิตของเหนียนเชินโดยสิ้นเชิง

เหนียนเชินเบิกตาโพลง ในดวงตาไม่มีประกายชีวิตอีกแล้ว

เฉินซื่อเฉิงมองเหนียนเชิน ความรู้สึกมากมายจากการสังหารอาจารย์ด้วยมือตัวเอง และความรู้สึกที่สิ่งที่เฝ้าฝันมานานสำเร็จผสมผสานกัน ทำให้เขาเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ

แต่เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชักฝ่ามือออกมาจากในอกของเหนียนเชิน จากนั้นก็กวักมือไปทางนิ้วมังกรทั้งเก้า

เฉินซื่อเฉิงทางหนึ่งเตรียมทำลายศพกลบเกลื่อนร่องรอย ทางหนึ่งมองดูนิ้วมังกรทั้งเก้าอันเป็นของวิเศษคุ้มครองสำนัก

ขณะมองดูนิ้วมังกรทั้งเก้าแปดปลอก เฉินซื่อเฉิงที่มีใบหน้าสงบเมื่อครู่ก็ปรากฏความเจ็บปวด

เป็นตามที่เขากล่าว สำนักมังกรโลหิตไม่ต้องมีเหนียนเชิน และไม่ต้องมีเฉินซื่อเฉิง ทว่ามิอาจสูญเสียนิ้วมังกรทั้งเก้าได้

‘อิ๋งเอ๋อร์เฉลียวฉลาด ตอนนี้เหนียนเชินตายแล้ว การปูทางเมื่อครู่นี้อาจจะมีประโยชน์ แต่สุดท้ายแล้วควรจะใช้ได้หรือไม่? ทำลายบารมีของสำนักไปแล้ว ปลอกนิ้วมังกรปลอกนั้นจำเป็นต้องทวงกลับมา’ เฉินซื่อเฉิงถอนใจ ‘ตามหาเยี่ยนจ้าวเกอนั่นคงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้เด็กน้อยแซ่สือนั่น’

เฉินซื่อเฉิงกวักมือ มีเพียงปลอกนิ้วมังกรเจ็ดปลอกที่ลอยมาหาเขา อีกปลอกหนึ่งกลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

“หือ?” เฉินซื่อเฉินใจเต้นรัว

ในปลอกนิ้วมังกรปลอกมีเสียงดังมา “ข้าเองก็รู้สึกสงสัย ว่าท่านกับบุตรสาวติดต่อกันในทะเลตาข่ายดาวอย่างไร ทุกอย่างอาศัยการนัดหมายหรือ”

เฉินซื่อเฉิงตกใจ เห็นมีลำแสงสายหนึ่งลอยออกมาจากในปลอกนิ้วมังกรปลอกนั้น

ด้านในลำแสง เสาหินขนาดมหึมาต้นหนึ่งค้ำคานเดี่ยวไว้คานหนึ่ง พวกมันรวมตัวกัน ดูไปน่าประหลาดยิ่งนัก

ภายใต้เสาหินยืนไว้ด้วยคนกลุ่มหนึ่ง คนที่อยู่ด้านหน้าก็คือเยี่ยนจ้าวเกอ!

ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอก็คือสวีเฟย สือจวิน กับจอมยุทธ์จากเขาหงส์วิเศษ

สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมก็คือ ในกลุ่มคนยังมีคนจากวังผลึกวารี บึงหมื่นกระบี่ และสำนักคืนวิญญาณอยู่ด้วย

คนจากสำนักอื่นมีไม่มากเท่าไร เพียงสำนักละสองคน แต่ดูจากใบหน้าตกใจระคนรังเกียจของพวกเขาแล้ว หัวใจของเฉินซื่อเฉิงก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

เขามีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว คิดเก็บปลอกนิ้วมังกรเจ็ดปลอกนั้นอย่างเร่งรีบ

ในเวลาอันสั้นไม่อาจหลอมรวมได้ ไม่อาจใช้ต่อสู้กับพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ แต่อย่างน้อยก็ปกป้องให้เขาหนีได้

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอเพียงปรบมือเบาๆ เสาระเบียงวังเทพกับคานวังเทพก็รวมตัวกัน แสงสว่างหลากสีสันพุ่งลงล่าง หยุดปลอกนิ้วมังกรแปดปลอกที่อยู่ที่นั่นไว้

เฉินซื่อเฉิงสีหน้ากลายเป็นเขียวคล้ำ แต่เขาเคยเห็นภาพที่เยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับเจ้าสำนักตาข่ายปีศาจเฝิงจิ่งเซิง มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมมาก่อน ทราบว่าต่อให้ไม่มีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ด้วย ตนที่เสียนิ้วมังกรทั้งเก้าไปไม่อาจหนีได้

เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองสือจวิน เห็นดวงตาของเด็กน้อยปรากฏความงุนงงเล็กน้อย

“จวินเอ๋อร์เอ๋ย ข้ายังจำได้ว่าตอนที่ข้าเพิ่งเจอพวกเจ้า ปฏิกิริยาของเจ้าคือยินดี ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ตอนเจ้าแนะนำให้ข้ารู้จักกับแม่นางเฉินอิ๋งนั่นก็พูดว่า นางน่าจะเคยได้ยินชื่อของข้ามาก่อน”

“ตอนนั้นข้าคิดว่า พวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินข่าวของข้ามาแล้ว แต่เฉินอิ๋งรู้ได้อย่างไรยังไม่ต้องพูดถึง ในตอนที่ข้าอาละวาดบนโลกผืนสมุทร เจ้าสมควรอยู่ในทะเลตาข่ายดาว มิอาจรับรู้ข่าวสารจากเขาหงส์วิเศษได้ถึงจะถูก”

สือจวินตอบ “ข้ามิได้รับข่าวสารจากเขาหงส์วิเศษจริงๆ เพียงแต่ได้พบคนกลุ่มหนึ่งในทะเลตาข่ายดาวโดยบังเอิญ พวกเขาเข้ามาในทะเลตาข่ายดาวช้ากว่าข้า ข้าได้ยินคำสนทนาของพวกเขา จึงทราบว่าอาจารย์อาท่าน…ท่านมายังโลกใบนี้แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของสือจวินก็เคร่งขรึง กล่าวเสียแหบพร่า “ในตอนนั้น แม่นางเฉินกับคนของสำนักมังกรโลหิตก็อยู่ใกล้ๆ เช่นกัน”

“ในตอนนั้นมีคนจากบึงหมื่นกระบี่และเกาะจิตประสานอยู่ด้วย ข้ารีบตามหาโอสถให้ท่านแม่ ไม่คิดจะมีเรื่องกับพวกเขา ดังนั้นจึงมิได้เปิดเผยตัว และไม่ได้ป่าวประกาศความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับอาจารย์อาท่าน แต่ในตอนนี้สีหน้าของข้าเกิดความเปลี่ยนแปลง แม่นางเฉินคงเห็นลับลมคมใน”

พอได้ยินว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎตัวบนโลกผืนสมุทร หลอมรวมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก แสดงอานุภาพ สังหารฟางข่าน เล่นงานลิ่นเชียนเฉิง สือจวินย่อมทั้งตกใจทั้งยินดี ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ใช่แล้ว นางไม่ทราบว่าเจ้าเป็นศิษย์หลานของข้า แต่ก็ดูออกว่าพวกเรารู้จักกัน และมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา”

เขาตบบ่าของสือจวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่โทษเจ้า อีกฝ่ายแสดงละครได้ยอดเยี่ยม”

ชายหนุ่มหันไปมองเฉินซื่อเฉิง “บุตรสาวของท่านอายุยังน้อยแต่มีความสามารถ ว่ากันตามตรง ตอนอยู่ต่อหน้าข้า นางมิได้เผยร่องรอยใดๆ บางทีอาจจะทราบถึงความสัมพันธ์ของข้าและจวินเอ๋อร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำอะไร เพียงพิสูจน์ความสงสัยก่อนหน้าของข้าเท่านั้น

“ข้าพบปัญหาก่อนที่จะพบกับพวกจวินเอ๋อร์ จะว่าไป เป็นพวกท่านสองคนโชคร้าย” ขณะที่พูด ในตาซ้ายก็สาดประกายแสงออกมาสายหนึ่ง ประกอบกันเป็นเงาแสงกลางอากาศ

ทุกคนเงยหน้าไปมอง เป็นภาพที่สือจวินอยู่ในวังด้านในโพรงหินก้นทะเลกับเฉินอิ๋งหลังจากสังหารเหนียนเหว่ย

ตอนที่ทุกคนเห็นสือจวินหมุนตัวไปตรวจสอบลวดลายอาคมบนคานวังเทพ แล้วเฉินอิ๋งที่อยู่ด้านหลังเขาผุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า หัวใจอดรู้สึกเย็นวาบขึ้นมามิได้

นั่นมีใช่รอยยิ้มเป็นห่วงหรือชั่วร้าย เพียงแฝงความมั่นใจ มีแผนเป็นมั่นเหมาะ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความคิด

เฉินซื่อเฉิงเห็นภาพนี้ก็ถอนใจเฮือกใหญ่ “ในเมื่อท่านรู้แต่แรก แล้วเหตุใด…”

“เหตุใดจึงยอมถูกพวกท่านหลอกใช้ให้ต่อสู้กับเหนียนเชินหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเรียบเฉย “เพราะว่าข้าคิดจะกำจัดเหนียนเชินอยู่แล้ว ข้าไม่ได้คิดจะจัดการเหนียนเชินคนเดียวเท่านั้น ยังคิดจะกำจัดคนที่มีความแค้นก่อนหน้าไปด้วย”

“อย่างเช่นสำนักตาข่ายปีศาจ และเกาะจิตประสาน”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “การสังหารพวกเขาที่ด้านนอกง่ายกว่าการให้ข้าไปเตะประตูสำนักมากนัก”

เฉินซื่อเฉิงอึ้ง มองรอยยิ้มของเยี่ยนจ้าวเกอโดยไร้ความผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย เพียงรู้สึกว่ามีความเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก

มิใช่พวกเขาอาศัยดาบของเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าคน แต่เยี่ยนจ้าวเกอใช้พวกเขาต่างหอก!

คนที่อยู่รอบๆ พลันรู้สึกว่ามีความเย็นเยียบสายหนึ่งพุ่งจากฝ่าเท้ามาถึงศีรษะ ‘คนผู้นี้ มิอาจล่วงเกิน!’