การพัฒนาอารยธรรมวรยุทธ์บนโลกผืนสมุทรคล้ายกับโลกแปดพิภพในหลายๆ ด้าน
ในด้านค่ายกล สิ่งที่โลกผืนสมุทรพัฒนาก็คือการพยายามให้ค่ายกลตั้งอยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสม ไม่ใช่ค่ายกลรบที่ใช้พลังของตัวเองเป็นพื้นฐาน
ที่อยู่ของขุมกำลังใหญ่ล้วนถูกเสริมให้แข็งแกร่งขึ้นผ่านเวลาช้านาน
ความได้เปรียบทางด้านชัยภูมิของสำนัก ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ล้วนแต่แข็งแกร่งทั้งสิ้น
หากใช้วังผลึกวารีเป็นตัวอย่าง ครั้งนี้มีข่าวบอกว่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งพรรคมารเคลื่อนไหวพร้อมกัน ดังนั้นจึงมีแรงกดดันมหาศาล
ถ้ามีเพียงสองคน ราชาวังผลึกวารีหลินซื่อไม่แน่ว่าจะสู้หนึ่งต่อสองได้ แต่อย่างน้อยย่อมประคับประคองได้สักระยะหนึ่ง
ขุมกำลังที่ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องสำนัก ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ หรือหกพรรคมาร ย่อมมีอานุภาพอ่อนแอหลายส่วน แต่ก็มิได้บดขยี้ได้ง่ายเหมือนดินเหนียว
เมื่อมียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมคอยควบคุมค่ายกลของสำนัก หากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์บุกมาคนเดียว ก็ยากจะยึดความได้เปรียบได้
เหมือนเหนียนเชินที่มีนิ้วมังกรทั้งเก้าอยู่ในมือ อีกทั้งยังยึดคครองความได้เปรียบทางด้านชัยภูมิของสำนักมังกรโลหิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี
ดังนั้นเขาจึงต้องการล่อให้ผู้คนมาต่อสู้ยังสถานที่ใกล้ใจกลาง เช่นบริเวณใกล้ๆ ทะเลตาข่ายดาว
มีไม่กี่คนที่สังเกตว่า ต่อให้ไม่มีเรื่องระหว่างสือจวิน เฉินอิ๋ง และเหนียนเว่ย เยี่ยนจ้าวเกอก็คิดจะจัดการสำนักมังกรโลหิตอยู่ดี
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอทราบว่า สวีเฟยและสือจวินต้องอยู่ที่เขาหงส์วิเศษบนโลกผืนสมุทรกับอิ๋งอวี่เจินอีกสักพักเพราะน้ำพุทะเลเผาไหม้ ในใจเขาก็เกิดความคิดมากมาย
สำนักมังกรโลหิต สำนักตาข่ายปีศาจ ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาหงส์วิเศษ รวมถึงเกาะจิตประสาน และสำนักปราชญ์ปีศาจซึ่งเป็นคู่แค้นในการมาโลกผืนสมุทรครั้งนี้ของเขา
ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายที่เยี่ยนจ้าวเกอคิดจัดการ เขาต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับสือจวินและสวีเฟย
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อำนาจสามเสาหลักมั่นคงเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมารหรือฝ่ายธรรมะ ล้วนเป็นเช่นนี้
ถ้าหากไม่ว่าฝ่ายมารและฝ่ายธรรมมะต่างขาดไปมุมหนึ่ง กลายเป็นสภาวะพยัคฆ์สองตัวเผชิญหน้า เช่นนั้นก็จะเกิดการต่อสู้มากมายได้ง่าย
เมื่อไร้การต่อสู้ระหว่างสำนักมังโลหิต วังผลึกวารี และบึงหมื่นกระบี่ จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาของเขาหงส์วิเศษมากขึ้น
ถ้าฝ่ายมารไม่มีสำนักปราชญ์ปีศาจคอยทำตัวเป็นชาวประมงได้กำไรรออยู่ด้านข้าง สถานการณ์ระหว่างสำนักสังหารมังกรและเกาะวิญญาณหลอนก็จะดุเดือดมากขึ้นด้วย
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งมาถึงเขาหงส์วิเศษ ในใจของเขาครุ่นคิดกลยุทธ์มาโดยตลอด ถึงอย่างไรการเล่นกับไฟก็อาจจะทำให้ไฟไหม้ตัวเองได้
ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องสือจวินลักพาคนขึ้น
หลังจากที่หาสือจวินเจอ และยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้รับอันตรายใด ความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอก็ทำงานทันที ชายหนุ่มพบว่าเพียงสัปหงกก็มีคนส่งหมอนให้[1]แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมรับไว้ด้วยความยินดี
เฉินซื่อเฉิงมองปลอกนิ้วมังกรที่เยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นจากในนั้น ในใจรู้สึกเย็นวาบไม่ได้ “ท่านชิงปลอกนิ้วมังกรไปสองปลอก จากนั้นเหนียนเชินแย่งชิงปลอกนิ้วนี้กลับมา เป็นท่านจงใจทิ้งไว้”
ชายหนุ่มยิ้มขึ้น “ใต้หล้าล้วนรู้จักเต่าทองธารแสงอันเป็นของวิเศษของสำนักมังกรโลหิต ข้าย่อมเคยได้ยินมาเช่นกัน”
“ท่านไม่ลงมือ ข้าย่อมส่งเหนียนเชินไปตายได้เอง แต่ข้าให้โอกาสท่านมากมายเพียงนี้ ข้าว่าท่านน่าจะมีความมั่นใจ เป็นอย่างที่ท่านพูด เฉินอิ๋งธิดาของท่านสร้างโอกาสด้วยตัวเอง ส่วนท่านก็ถนัดการคว้าโอกาสเป็นอย่างยิ่ง”
เฉินซื่อเฉิงยิ้มอย่างขื่นข่ม ถึงแม้ว่าคิดจะอาศัยดาบฆ่าคน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเหี้ยมหาญถึงเพียงนี้ ถึงแม้ชายหนุ่มถูกศัตรูรุมโจมตี แต่ก็ยังเกือบฆ่าเหนียนเชินตายคาที่ได้
ดาบที่ยืมมาคมกริบเป็นพิเศษ ทำให้เฉินซื่อเฉิงทำตามปรารถนาได้อย่างสบายๆ เพียงแต่ต่อมาจึงค่อยพบว่า สถานะของ ‘ดาบ’ และ ‘คนใช้’ กลับตาลปัตรกันมาแต่แรกแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “พอเหนียนเชินหนีไป ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าก็กวาดมองรอบๆ หลังจากเห็นว่าไม่มีร่องรอยของท่านในกลุ่มคนที่ชมดูการต่อสู้ ข้าก็รู้ว่ามีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ข้าจึงไม่ต้องสังหารเหนียนเชินด้วยตัวเอง”
ไกลออกไป มีกลิ่นอายของพลันอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้น ทุกคนเงยหน้าไปมอง เห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเดินมาด้านนี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน
ด้านข้างยังมีจอมยุทธ์จากสำนักใหญ่จำนวนหนึ่ง เมื่อมาถึงใกล้ๆ ก็แจ้งว่า ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจับตัวพวกเฉินอิ๋ง จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตมาแล้ว
หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในปลอกนิ้วมังกรพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเสียงหนึ่ง หลังจากอธิบายสถานการณ์ให้คนในสำนักฟัง ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นไก่ไม้
ยามนี้ฝูงชนมองเฉินอิ๋งและมองสือจวินอีกครั้ง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน
เฉินอิ๋งเม้มปาก พลางมองบิดาของตน อีกทั้งมองสือจวินและเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ตอนนี้เป็นไปตามคำพูดของท่าน แม่นางเฉินฉลาดเฉลียวทีเดียว ใส่ร้ายศิษย์หลานของข้า กลับยังทำท่าลังเลสงสัย คล้ายกับได้รับแรงกดดันมากมาย จิตใจเหมือนกระวนกระวาย”
“นี่คือปมมีชีวิต ถ้าหากจำเป็น ก็สามารถกลับคำได้ทุกเวลา แน่นอนว่าหากก่อนหน้านี้เหนียนเชินถูกบิดาเจ้าหรือถูกเจ้าสังหาร น้ำสกปรกเช่นนี้ก็สามารถสาดใส่ตัวของหลานเจ้าสำนักได้”
“ถึงแม้ว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงโดยรวมของสำนักมังกรโลหิต แต่ถ้าหากไม่มีวิธีอื่นเอานิ้วมังกรทั้งเก้ากลับมาได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ วิธีนี้ก็นับว่าส่งผลกระทบด้านลบอยู่บ้าง ทว่าก็ได้แต่ต้องทำ”
ชายหนุ่มแค่นเสียงเยาะเย้ย “ข้าไม่รู้ว่าในใจเจ้าลังเลจริงๆ หรือไม่ แต่ข้าไม่สนใจจะฝากความหวังไว้บนจริยธรรมของคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงเลือกเผยปลอกนิ้วมังกรที่แย่งชิงมาได้ต่อหน้าเจ้าและจวินเอ๋อร์”
“และเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง”
เฉินอิ๋งเม้มปากไม่พูด เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวต่อ “ต้องชมเจ้า เจ้าเองไม่ได้ทำผิดพลาดใดจริงๆ ข้าเองก็เกือบถูกเจ้าหลอกเข้า ที่ความแตกเป็นเพราะโชคร้ายเสียส่วนใหญ่”
“แต่ว่าถ้าเสแสร้งต่อไปก็ไม่จำเป็น ขอบคุณบิดาเจ้าและเหนียนเชิน เจ้าเป็นคนอย่างไรทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนทราบแล้ว”
เขามองเฉินซื่อเฉิง “จะว่าไป ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น คนจำนวนไม่น้อยต้องขอบคุณพวกท่านทั้งสอง อย่างเช่นเจ้าสำนักสังหารมังกรจ้าวจ้ง และปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิง ยังมีพวกผู้ปกครองเกาะวิญญาณหลอนหลิวซั่ว”
ทุกคนตกตะลึงอยู่ได้สติกลับมา สีหน้ากลับเป็นเคร่งขรึมเหลือประมาณอีกครั้ง
หลังจากทุกคนในเขาหงส์วิเศษที่ร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอได้รับข่าวแล้ว ต่างมีสีหน้าตึงเครียด
ในการต่อสู้ที่มีสำนักมังกรโลหิตและเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศูนย์กลาง บางทีอาจจะเป็นความยุ่งเหยิงภายในระหว่างสำนักฝ่ายธรรมะด้วยกันเอง ทำให้บึงหมื่นกระบี่และวังผลึกวารีเคลื่อนไหวพร้อมกัน ฝ่ายมารจึงได้ฉวยโอกาส
ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิงที่มีความขัดแย้งกับเยี่ยนจ้าวเกอมิได้จัดการความแค้นส่วนต่อ แต่เลือกวิธีที่ตนได้ประโยชน์มากกว่า โดยร่วมมือกับสำนักสังหารมังกรและเกาะวิญญาณหลอนทำลายขุมกำลังฝ่ายธรรมะ
คนของวังผลึกวารีมีสีหน้าซับซ้อน แต่ก็มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างกังวลด้วยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “มิต้องห่วง ขอแค่เจ้าสำนักเหยียนแห่งบึงหมื่นกระบี่ไม่ถูกฝ่ายมารซุ่มโจมตีในระหว่างที่ช่วยเหลือ รวมตัวกับราชาหลินของสำนักพวกท่านได้ จะควบคุมสถานการณ์ใหญ่ไว้ได้แน่”
ถึงแม้ทุกคนจะไม่อาจสงบจิตใจ แต่ก็กล่าวอะไรไม่ได้
ครั้งนี้ยากจะสะกดเพลิงโทสะที่มีต่อเฉินซื่อเฉิงและเฉินอิ๋งได้อีก
มีคนในสำนักมังกรโลหิตคนหนึ่งคำรามขึ้น “ศิษย์พี่เฉิน เป็นเพราะอะไรท่านถึงได้ก่อความวุ่นวายขึ้นภายใน”
เฉินซื่อเฉิงแค่นเสียงคำหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มโศกเศร้า “เรื่องมาถึงตอนนี้…”
พูดยังไม่ทันจบ ด้านหน้าของเขาพลันมืดลง เห็นฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งลงมา!
“เรื่องมาถึงตอนนี้ ความจริงกระจ่างแล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บพวกท่านไว้อีก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าคร้านสนใจว่าพวกท่านสองพ่อลูกฆ่าเหนียนเชินเพราะอะไร แต่ทำร้ายศิษย์หลานข้า ยังคิดจะหลอกใช้ข้าอีก คิดว่าพวกเราพูดง่ายๆ กันไม่กี่คำจะจบเรื่องได้หรือ?”
ครั้นฝ่ามือพุ่งลง เฉินซื่อเฉิงสิ้นชีวิตคาที่!
……………………………………….
[1] เพียงสัปหงกก็มีคนส่งหมอนให้ สุภาษิตจีน หมายถึง ทุกอย่างเป็นไปดั่งหวัง