หวงฝู่ซวิ่นรู้ว่าตนเองติดกับแล้ว จึงโกรธทั้งหัวเราะขึ้นมา ตะโกนใส่เขาว่า “กลับมานี่ ข้ายังพูดไม่จบ”
หวงฝู่อี้เซวียนกลับเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ตอนที่มีเสียงดังขึ้นมานั้น เขาก็เดินจวนจะออกจากตำหนักไปอยู่แล้ว “ภรรยาของข้ารอข้ากลับไปต้มข้าวต้มให้กินอยู่ มีเรื่องอะไรจะพูดค่อยว่ากันวันหลังเถิด”
เมื่อพูดจบ ก็เดินลับหายไป
“ถุย!”
ตึ่ง ตั้ง
…ในตำหนักก็มีเสียงต่างๆ ดังขึ้นมา มีเสียงของทหารลับร่วงลงมาจากต้นไม้ มีเสียงกะละมังเหล็กร่วงของสาวใช้ที่มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูร่วงลงพื้น แล้วก็มีเสียงเดินชนกำแพงของขันทีที่ไม่ระมัดระวัง คุณพระ พวกเขาไม่ได้ฟังผิด ซื่อจื่อผู้สูงส่งจะกลับไปทำข้าวให้ซื่อจื่อเฟยกิน นี่ นี่พวกเขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม
หวงฝู่ซวิ่นสะแยะยิ้มออกมามากขึ้นกว่าเดิม แล้วลูบก้นของต้นที่เจ็บปวดจากการล้ม แล้วด่ากลับไปว่ “เจ้าบ้านี่ ลงมือก็ไม่รู้จักให้มันเบาๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มมุมปากแล้วเดินออกจากตงกง ขึ้นหลังม้า กลับจวนอ๋องอย่างอารมณ์ดี
พระชายาฉีกับเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งแม่สามีลูกสะใภ้กำลังนั่งอยู่ในห้องของเขา ปรึกษาหารือกับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่อเห็นเขาเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “อี้เซวียน เจ้ากลับมาแล้ว ข้ากับเสด็จแม่กำลังปรึกษากันเรื่องงานแต่งงานอวี้เอ๋อร์น่ะ”
อี้เซวียนเข้าใจเมิ่งเชี่ยนโยวที่สุด ถ้าหากว่าเป็นงานแต่งธรรมดาๆ นางจะไม่ได้มีทีท่ายินดีขนาดนี้ จะต้องคิดหาวิธีจัดการกับหวงฝู่อวี้อย่างแน่นอน แต่ว่าขอแค่ให้นางดีใจ จะทำอย่างไรก็ตามใจนาง เดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วถามว่า “ปรึกษากันได้ว่าอย่างไร”
พระชายาฉีเหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่ทำการเล่นลิ้นกับลูก กระพริบตาของตน แล้วยิ้มให้เขา บอกให้เขาเดาว่า “เซวียนเอ๋อร์ เจ้าทายสิ ข้ากับโยวเอ๋อร์คิดว่าจะไปขอแต่งงานให้อวี้เอ๋อร์อย่างไร”
เห็นท่าทางของพระชายาฉีแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็เดาได้ถึงความจริง จึงแอบสงสารหวงฝู่อวี้ แล้วยิ้มถามว่า “วิธีใดหรือขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วเอากระดาษที่อยู่ตรงหน้าวางไว้ตรงหน้าเขา “เจ้าดูสิ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยิบมาดู “ประกาศหาคู่” สี่ตัวอักษรนี้เข้าตาเขาอย่างแรง แล้วมองไปที่พระชายาฉีด้วยสายตาตกตะลึง แล้วก้มไปอ่านเนื้อหา ได้ความว่า “องค์ชายรองแห่งจวนอ๋องฉีหาคู่ครอง อายุสิบห้าถึงสิบแปดปี หน้าตาสะสวย รู้หนังสือคุยรู้เรื่องก็พอ ไม่มีกำหนดฐานะ ไม่กำหนดว่าจะต้องเย็บปักถักร้อยเป็น ไม่มีกำหนดส่วนสูง คนที่รู้สึกว่าตนเองเหมาะสม สามารถมาสัมภาษณ์กับผู้ดูแลจวนอ๋องฉีได้ ถ้าหากว่าผ่าน จะได้เข้าพบองค์ชายรอง ขอเพียงแค่ทั้งสองคนชอบพอกัน ก็สามารถแต่งงานกันได้”
หวงฝู่อี้เซวียนชะงักไป เงยหน้าขึ้น เบิกตาโพรง มองไปที่พระชายาฉีด้วยสายตาไม่เชื่อ
พระชายาฉีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามด้วยความคาดหวังว่า “เจ้าว่าอย่างไร”
ครั้งแรกของชีวิต ซื่อจื่อผู้ชาญฉลาดก็ตกตะลึงพูดว่า “เสด็จแม่? ท่าน…”
“แม่กับโยวเอ๋อร์ปรึกษากันตั้งแต่เช้า ถึงคิดวิธีที่น่าสนุกแบบนี้ออกมาให้อวี้เอ๋อร์ได้ เจ้าห้ามบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะให้ภรรยาของเจ้าไล่เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้”
หวงฝู่อี้เซวียนทำหน้าไม่ถูก มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวก็มองไปที่เขาด้วยสายตาที่คาดหวัง
เห็นทั้งสองคนใช้สายตาที่คาดหวังมองกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนถึงได้จำใจพยักหน้า
พระชายาฉีดีใจจนลุกยืนขึ้น แล้วแย่งกระดาษในมือของเขามา “ข้าจะสั่งให้ผู้ดูแลเอาไปคัดลอกสักหลายฉบับ แล้วเอาไปแปะให้ทั่ว วันพรุ่ง ไม่สิ บางทีเย็นนี้อาจจะมีหญิงงามมาขอแต่งงานถึงที่แล้วก็ได้”
เห็นทีท่าที่อดรนทนไม่ไหวของนางแล้ว ในที่สุดหวงฝู่อี้เซวียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยปากพูดว่า “เสด็จแม่ หาคู่ครองให้กับอวี้เอ๋อร์ด้วยวิธีการเช่นนี้ไม่ดีหรอก ถ้าเสด็จพ่อรู้เข้าจะทรงกริ้วเอาได้”
พระชายาฉีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดโดยไม่กังวลว่า “ไม่เป็นไร ข้าคิดไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าหากว่าเสด็จพ่อของเจ้าโกรธล่ะก็ ข้าก็จะบอกว่าเป็นความคิดของโยวเอ๋อร์ ข้าก็แค่ร่วมเล่นด้วยเท่านั้น”
พูดจบ ไม่ทันได้รอหวงฝู่อี้เซวียนพูดต่อ ก็พูดอีกว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ อีกประเดี๋ยวข้าจะไปหาท่านอ๋อง”
พูดจบ ก็เอาประกาศหาคู่เดินออกไป พูดไปเดินไป “เจ้าอยู่กับโยวเอ๋อร์ไป ข้าจะไปหาเสด็จพ่อของเจ้า”
เห็นนางเดินออกไปเร็วเยี่ยงสายลม หวงฝู่อี้เซวียนหันหลังกลับ แล้วเดินไปที่ด้านหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ยื่นมือออกมา แล้วเขี่ยไปที่ปลายจมูกของนาง ถาม “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วซบไปที่อกของเขา บอกว่า “แม้ว่าเมื่อวานอวี้เอ๋อร์จะบอกว่าจะตัดสัมพันธ์กับคุณหนูหลิน แต่ว่าข้ามองออก ว่าภายในใจของเขาก็ยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ช่วยเขาเท่านั้นเอง”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง “นี่คือการช่วยงั้นรึ ข้าเห็นเป็นเจ้าหาโอกาสจัดการเขามากกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้าไม่ได้จัดการเขา ข้าจะจัดการตระกูลหลิน”
หวงฝู่อี้เซวียนแปลกใจแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จัดการตระกูลหลิน พวกเขาทำให้เจ้าไม่พอใจงั้นรึ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้า ยื่นมือออกมากอดแขนของเขาเอาไว้ หัวเราะแล้วพูดว่า “ตระกูลหลินผิดต่อเจ้า ก็เหมือนผิดต่อข้า ตอนแรก ที่พวกเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากเกินไป จึงไม่ยอมที่จะถอนหมั้น ทำให้หลินหันเยียนต้องนับลุงของตนเองเป็นพ่อบุญธรรม คิดหวังว่าจะพึ่งจวนแม่ทัพกับจวนอ๋องฉีสองต้นไม้ใหญ่นี้ ครั้งนี้ข้าจะทำให้พวกเขาไม่ได้อะไรเลย ทำให้พวกเขาเสียทั้งลูกสาวเสียทั้งที่พึ่งไปในเวลาเดียวกัน”
หวงฝู่อี้เซวียนสนใจจึงถามว่า “เจ้าจะทำเยี่ยงไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดให้คิด “เรื่องนี้บอกเจ้าไม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่ข้ากับเสด็จแม่ปรึกษากันเป็นเวลานานถึงจะคิดขึ้นได้”
“เมียจ๋า” หวงฝู่อี้เซวียนกอดเขาแน่น แล้วขอร้องนางด้วยท่าทางจริงจัง “เจ้าคิดจะทำอะไร ข้าสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน แต่ว่าเจ้าอย่าพาเสด็จแม่ไปเหลวไหลด้วยเลย นางเป็นแบบนั้น ข้าไม่ชินจริงๆ”
ทุบเขาไปหนึ่งที แล้วบอกว่า “อะไรคือข้าพาเสด็จแม่เหลวไหลกัน เจ้าไม่เห็นตอนที่ข้าพูดเรื่องนี้กับนาง นางดีใจกว่าข้าด้วยซ้ำไป”
อันนี้หวงฝู่อี้เซวียนดูออก แต่ว่าเมื่อคิดถึงภาพความสูงส่งเรียบร้อยของพระชายาฉีแล้ว ที่ทำท่าทางเมื่อสักครู่นี้ หวงฝู่อี้เซวียนก็รู้สึกขนลุกแบบบอกไม่ถูก ในจวนนี้มีเมิ่งเชี่ยนโยวที่รับมือยากคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าหากว่ากระทั่งพระชายาฉียังเปลี่ยนเป็นแบบนี้ล่ะก็ วันหลังจวนอ๋อง…
เมื่อคิดถึงสภาพของจวนอ๋องในตอนหลัง หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกปวดขมับแบบบอกไม่ถูก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดาได้ถึงความคิดของเขา จึงหัวเราะว่า “เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้ากับเสด็จแม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะไม่ก่อความวุ่นวาย แล้วก็จะจัดการจวนอ๋องให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งปวดขมับเข้าไปใหญ่ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งเฮือก กอดเมิ่งเชี่ยนโยวแน่นขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็แอบยิ้ม
ไม่รู้ว่าพระชายาฉีใช้วิธีการอะไรถึงพูดโน้มน้าวท่านอ๋องฉีได้ ธูปไม่ทันหมดครึ่งดอก ก็เดินออกมาจากห้องหนังสือด้วยความดีใจ แล้วเอาประกาศหาคู่ในมือส่งมอบให้กับผู้ดูแล สั่งให้เขาเขียนคัดลอกอย่าให้ตกแม้แต่ตัวอักษรเดียว แล้วเอาไปแปะให้รอบเมือง
ผู้ที่เขียนหนังสือได้ในจวนไม่ไม่น้อย ผู้ดูแลรับมา ก่อนอื่นต้องเปิดดูก่อน พอดูแล้ว ก็ตกใจจนยืนแทบไม่อยู่ อีกนิดเดียวก็จะล้มลงกองกับพื้น “พระชายา นี่…”
“เจ้าจัดการให้เรียบร้อยก็พอ ท่านอ๋องเห็นด้วยแล้ว” พระชายาฉีกล่าว
ผู้ดูแลตกใจถึงขั้นอ้าปากค้าง ตั้งแต่ท่านอ๋องมีพื้นที่เป็นของตนเอง ย้ายออกมาจากพระราชวัง เขาก็อยู่ที่นี่แล้ว หลายปีที่ผ่านมาเขารู้ดีถึงนิสัยใจคอของท่านอ๋องและพระชายาฉีดี นี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่พวกเขาจะทำออกมาได้ รู้ดีว่าถ้าหากประกาศแผ่นนี้แปะออกไปล่ะก็ จะต้องเป็นที่กล่าวขานของประชาชนเป็นแน่ อีกทั้งเขายังกล้ารับรอง ในคำกล่าวขานเหล่านั้น จะต้องไม่มีคำไหนที่พูดดีถึงจวนอ๋องอย่างแน่นอน เหตุใดท่านอ๋องถึงได้ตอบรับพระชายาฉีนะ
พระชายาฉีเห็นเขาชะงักไป แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขาฟัง โบกมือ “รีบเถอะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
เงยหน้ามองไปที่ห้องหนังสือ ไม่ได้ยินถึงเสียงคัดค้านของท่านอ๋อง ผู้ดูแลปาดน้ำเหงื่อที่หน้าผากหลายที แล้วถือประกาศหาคู่ ตอบรับอย่างนอบน้อม แล้วออกไป
หลังจากนั้นพระชายาฉีก็กลับมาที่จวนของตน สั่งให้หลิงหลงช่วยนางเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่สวยงามมาก แล้วนั่งรออยู่ที่ในตำหนักด้วยความดีใจ
ดังนั้น ตอนที่ฟ้ากำลังมืด ในที่ๆ แปะประกาศสำคัญในเมืองหลวงทุกที่ต่างก็มีประกาศหาคู่แปะอยู่ ไม่มีประกาศแปะมานานมากแล้ว ประชาชนจึงรีบไปมุมดูด้วยความสงสัย หลังจากได้ยินผู้ทีรู้หนังสืออ่านประกาศให้ฟังแล้วนั้น ก็เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที
“ประกาศนี้ไม่ได้เป็นของปลอมแน่นะ องค์ชายรองของจวนอ๋องฉีข้าเคยเจอ ลักษณะท่าทางเป็นคนฉลาดมีความสามารถ จะบอกว่าไม่มีภรรยาเป็นไปไม่ได้แน่นอน เหตุใดถึงได้ประกาศหาคู่ล่ะ”
“ใช่สิๆ ข้าเห็นคนที่มาแปะประกาศก็ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่มีคนทำเรื่องก่อกวนแน่นะ”
“ข้ามองว่าจะเป็นเรื่องจริง พวกเจ้าไม่เห็นหรือคนที่มาแปะประกาศพวกนั้นเป็นคนของจวนอ๋องทั้งนั้น อีกอย่าง นี่เป็นที่แปะประกาศสำคัญของราชสำนัก มีประกาศที่ไหนจะมากล้าแปะประกาศเช่นนี้ แล้วยังบอกอีกว่าจะหาคู่ให้กับองค์ชายรอง”
“คำพูดของคนผู้นี้ ผู้คนต่างสับสน เกิดเสียงเล่าลือกันขึ้นมา”
“เห็นทีจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ องค์ชายรองแห่งจวนอ๋องจะหาคู่งั้นรึ”
“แน่นอนสิ เจ้าไม่ได้ยินหรือ ไม่นับฐานะ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ”
……
ผู้คนต่างพูดถึงเรื่องนี้ไม่หยุด บ้านไหนมีลูกสาว ก็เกิดความคิด หันหลังรีบกลับบ้านไป นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ต้องรีบกลับบ้านไปบอกแม่บอกเมียให้รับรู้ ให้พวกเขารีบทำเสื้อผ้าที่สวยๆ ให้ลูกสาวใส่ ให้ลูกสาวได้ไปที่จวนอ๋องเพื่อเข้าพบ ถ้าหากรู้ว่า ถ้าหากว่าโดนองค์ชายรองเลือกขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นตระกูลของตนก็จะเป็นญาติเกี่ยวดองกับจวนอ๋องได้
เมื่อเขาวิ่งกลับไป คนข้างหลังก็เห็นเช่นนั้นจึงวิ่งกลับบ้านไปเช่นกัน คนที่ดูประกาศแล้วก็หายไปเลยครึ่งหนึ่ง เหลือก็แต่ผู้ที่บ้านไม่มีลูกสาว มองพวกเขาด้วยสายตาที่อิจฉา
ดังนั้น หวงฝู่อวี้ที่วุ่นวายมาทั้งวันกำลังนั่งรถม้ากลับ ยังไม่ทันกลับถึงประตู ก็ได้ยินเสียงผู้คนมากมาย เปิดม่านรถออกก็เห็นผู้คนต่อแถวยาวเป็นมังกร จึงตกใจเป็นอย่างมาก กระโดดลงจากรถม้าโดยทันที แล้วเดินเข้าไปที่ด้านในจวน เห็นผู้ดูแลยืนอยู่ตรงหน้าประตู จึงถาม “ในจวนมีเรื่องอันใดกัน”
ผู้ดูแลไม่ได้ตอบรับ ผู้หญิงที่กำลังต่อแถวต่างก็ส่งเสียงออกมากันมิวาย
ทำให้หวงฝู่อวี้ขมวดคิ้ว
ผู้ดูแลมองเขาด้วยความสงสาร “องค์ องค์ชายรอง…”
“นี่มันเรื่องอันใดกันแน่” หวงฝู่อวี้ถาม
กลืนน้ำลายหนึ่งอึก ผู้ดูแลก็ชี้ไปที่กำแพงของจวนอ๋อง
หวงฝู่อวี้มองไป ประกาศหาคู่ก็กระแทกเข้าตาเขาทันที ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว อ่านเนื้อหาครบถ้วน ก็โกรธจนหน้าดำ แล้วหยิบประกาศมาฉีกทิ้ง สีหน้าเคร่งเครียดเดินเข้าไปที่ด้านในจวน เดินมาที่จวนของหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความโกรธ
ฟ้าก็มืดแล้ว ในจวนจุดโคมไฟกันแล้ว ที่ม่านหน้าต่างสะท้อนให้เห็นเงาหวงฝู่อี้เซวียนกำลังกอดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่
เมื่อเห็นเงาเช่นนี้ หวงฝู่อวี้จึงไม่กล้าแล้ว สูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธลง แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่ ข้าเข้าไปได้หรือไม่”
เงาของทั้งสองคนแยกออกจากกัน มีเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับมา “เข้ามาสิ”
หวงฝู่อวี้เดินเข้าไปที่ด้านใน เจตนาเดินลงน้ำหนักที่เท้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเห็นดังนั้น จึงไม่ได้พูดอะไร รอให้เขาพูดก่อน
เอาประกาศหาคู่ที่อยู่ในมือออกมา แล้วถามว่า “ซ้อใหญ่ นี่คือความคิดท่านใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นความคิดของข้า”
“ข้าทำอะไรให้ซ้อใหญ่ไม่พอใจงั้นรึ” ในน้ำเสียงมีความโกรธ
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าอีกครั้ง “เจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ”
ความโกรธได้หายไป แล้วเกิดอาการชะงัก จึงถามว่า “เมื่อใดกัน”
“ตอนที่ไปบ้านของข้าเพื่อลอบฆ่าข้า”
หวงฝู่อวี้รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย เปิดปากบอกว่า “ตอนนั้นข้ายังเด็กอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราว อีกอย่าง พี่ใหญ่ก็เคยลงโทษข้าแล้ว ข้าก็ขอโทษท่านไปแล้ว ท่านกัดไม่ปล่อยแบบนี้ไม่ได้สิ”
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เปลี่ยนแปลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ได้พูดกับเจ้าไว้หรอกหรือ ข้าเป็นคนที่ชอบการรอจังหวะแก้แค้นเป็นที่สุด ตอนนี้อยู่แต่ในจวนทุกวัน น่าเบื่อจะตาย เลยนึกขึ้นได้น่ะ”
หวงฝู่อวี้ทำตัวไม่ถูก จึงขอร้อง “ซ้อใหญ่ ซ้อใหญ่ขอรับ ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่าถือโทษโกรธข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ “ครั้งนี้ปล่อยเจ้าไปได้ แล้วเรื่องที่เจ้าพาคุณหนูหลินไปหาเรื่องข้าที่ร้าน ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร”