ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 36 บรรลุขั้นอลวน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 36 บรรลุขั้นอลวน Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้สัมผัสรับรู้หัวหอกที่ลอยคว้างอยู่ในกำไลเก็บวัตถุนั้น ยามนี้รสชาติภายในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ซับซ้อนนัก

แม้เขาจะกลับชาติมาจุติในดินแดนจิตโลกา แต่ภายในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงผูกพันกับภรรยาและลูกๆในอากาศอันสับสนอลหม่าน ในหัวใจของเขา อากาศอันสับสนอลหม่านจึงจะเป็นรากเหง้าของเขา! เขาพยายามหาวิธียกระดับพลังให้ได้โดยเร็วที่สุด  ไม่ว่าจะเป็นการหล่อหลอมให้ตนกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทาน หรือการคารวะเข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เพื่อที่จะได้รับคัมภีร์ล้ำค่าจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนทำไปเพื่อสั่งสมรากฐานของตนเอง เพื่อจะได้มีหวังสำเร็จเป็นเทพจักรวาลมากขึ้น

เพราะว่า…

มีแต่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลเท่านั้น ตนจึงจะสามารถกลับไปยังจักรวาลบ้านเกิดได้

ตามแผนการของตงป๋อเสวี่ยอิง ในภายหน้าจะศึกษา ‘ศาสตร์ร่างแยก’ และย่อมส่งร่างแยกบางส่วนกลับไปยังบ้านเกิด ร่างแยกที่หลงเหลืออยู่ก็เสาะหาโอกาสยกระดับพลังอยู่ใน ‘ดินแดนจิตโลกา’ ต่อไป เพื่อให้ตนแข็งแกร่งขึ้น เพื่อจะได้รับมือฝูงมารผลาญทำลายได้ง่าย เขาถึงขั้นหวังว่าจะสามารถสังหารจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นได้ ไปจนกระทั่งหาวิธีรับมือกับหายนะอย่างการทำลายล้างครั้งใหญ่ของอากาศอันสับสนอลหม่านได้

ส่วน ‘ดินแดนจิตโลกา’ เดิมทีเขาคิดว่าที่นี่เป็นเพียงสถานที่ซึ่งจะทำให้เขามีโอกาสแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น  ตัวเขาดูแลตระกูลอิงซานเล็กน้อย ดูแลพวกมารดาและพี่สาวให้ดีๆ ก็ใช้ได้แล้ว

แต่ในยามนี้…

“แม่เฒ่าอิงซาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ

แม่เฒ่าอิงซานเป็นอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งอันดับต้นๆ ของรัฐเมฆทักษิณา นางเป็นสิ่งมีชีวิตระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ความสามารถเทียบกับเทพจักรวาลได้เลยทีเดียว! ดังนั้นจึงกล้าต่อสู้ห้ำหั่นกับตระกูลเฉี่ยนอีแห่งรัฐโบราณจันทร์โรจน์ บวกกับการที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาคุ้มครองแขนขาที่สำคัญเป็นอย่างดี ตระกูลเฉี่ยนอีจึงยิ่งทำอะไรแม่เฒ่าอิงซานไม่ได้เข้าไปใหญ่

“ถึงระดับแม่เฒ่าแล้ว เกรงว่าคงจะไม่เคยคิดว่าในภายหน้าข้าจะช่วยนางได้อย่างไรกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ

เพราะถึงอย่างไรเมื่อพิจารณาจากความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตน เกรงว่าคนภายนอกคงคิดเพียงว่าตนสามารถสำเร็จเป็นอ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งขั้นอลวนชั้นที่เก้าก็เก่งกาจมากแล้ว

ส่วนขั้นอลวนชั้นที่สิบน่ะหรือ

ยากเกินไปแล้ว

มีเพียงตนเองเท่านั้นที่เข้าใจว่าตนมีโอกาสมากที่จะสำเร็จเป็นขั้นอลวนชั้นที่สิบ แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็แค่ทัดเทียมกับแม่เฒ่าอิงซานเท่านั้น ส่วนจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลน่ะหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีมากว่า เรื่องนี้ในดินแดนจิตโลกาก็ไม่ง่ายเอามากๆ ประวัติศาสตร์ของดินแดนจิตโลกายาวนานกว่าอากาศอันสับสนอลหม่านมากมาย แต่ทั้งหมดก็มีเทพจักรวาลเพียงหยิบมือหนึ่งเท่านั้น

ครอบครัวสกุลฝาน ฝานเทียนฉ่งก็นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทาน ได้รับการบ่มเพาะอย่างสุดกำลังจากสกุลฝาน ก็เป็นเพียงขั้นอลวนชั้นที่สิบเท่านั้น

“ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะสามารถช่วยเหลือนางได้ เพียงเพราะข้าเป็นลูกหลานตระกูลอิงซานอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเบาๆ

ความเข้าอกเข้าใจทางสายโลหิต

ความรักใคร่ที่มอบให้ชนรุ่นหลังทั้งตระกูล

ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่โดยไม่หวังผลตอบแทนของแม่เฒ่าอิงซาน เป็นความรักใคร่ลูกหลานรุ่นหลัง เป็นความปรารถนาที่จะให้ชนรุ่นหลังได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

“ข้าย่อมไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำเบาๆ ความรู้สึกนี้ทำได้เพียงจดจำเอาไว้ที่ส่วนลึกของหัวใจเท่านั้น

******

หลังงานเลี้ยงฉลองผ่านไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กลับไปยังจวนของตน

อิงซานเลี่ยฮู่และหรงซิงหลันต่างก็ปีติยินดี เบิกบานใจเป็นอย่างมาก

“ท่านพ่อท่านแม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “วันนี้ข้าเตรียมตัวจะเก็บตัวแล้ว ข้าได้รับคัมภีร์มาจากสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มากมาย ข้าจะสงบจิตสงบใจศึกษาให้ดีๆ น่ะขอรับ การเก็บตัวครั้งนี้อาจจะนานมาก”

“พวกเราเข้าใจ” อิงซานเลี่ยฮู่พยักหน้า

ตนนั้นกำลังจะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวเชียวนะ

“อื้ม” หรงซิงหลันก็พยักหน้ารัว บัดนี้บุตรชายของตนบุกฝ่าชั้นที่หกของวังปฐมเทพได้แล้ว ตามกฎหมายของรัฐเมฆทักษิณา หากบุกฝ่าชั้นที่เจ็ดของวังปฐมเทพได้ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นโหวแล้ว!

“จื่อไป๋ ผู้อาวุโสเถียน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางองครักษ์ด้านข้างแล้วกำชับว่า “หากไม่มีเรื่องใหญ่ที่สำคัญอันใด ก็สกัดเอาไว้ให้หมด อย่าให้มารบกวนข้าล่ะ”

“จอรับ”

มารรับใช้จื่อไป๋และเถียนอี้จือต่างก็รับคำ

“อื้ม”

จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินมุ่งหน้าไปทางเจดีย์เทพอากาศ

บรรดาองครักษ์และบ่าวรับใช้เหล่านี้มองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวเดินเข้าไปในประตูเจดีย์เทพอากาศเพียงลำพัง พวกเขาก็พากันทอดถอนใจ เกรงว่าตอนที่คุณชายออกมานั้น ก็คงจะถึงเวลาได้รับแต่งตั้งเป็นโหวแล้วกระมัง ช่างน่ากลัวเสียจริง…การแต่งตั้งเป็นโหว สำหรับคุณชายช่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หรือว่าจะเหมือนกับในตำนานจริงๆ คุณชายของตนมีหวังที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องอย่างนั้นหรือ

……

ภายในเจดีย์เทพอากาศ

ศิลาก้อนใหญ่ลอยคว้าง ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่

“ดูหอกยาวเล่มนี้สิ” เขาพลิกมือคราหนึ่งด้วยความตื่นเต้นอยู่บ้าง แล้วหยิบหอกยาวเล่มนั้นออกมาก่อน เขากำหนดจิตคราหนึ่ง ระหว่างด้ามหอกและหัวหอกก็ค่อยๆ เริ่มหมุนคว้าง ค่ายกลมากมายที่สกัดกั้นอยู่ภายในเริ่มถูกกระตุ้นขึ้นมา ด้ามหอกและหัวหอกแบกออกจากกันอย่างรวดเร็ว

พลิกมือคราหนึ่งก็นำหัวหอกสีม่วงเข้มซึ่งแผ่กลิ่นอายคลุ้งคาวเลือดอันชั่วร้ายขึ้นมา หัวหอกนี้ดูน่าซื้อก็จริง แต่อันที่จริงแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย

ในสายตาของเขา ด้ามหอกสีเทาอันเรียบง่ายนี้ ล้ำค่ากว่าหัวหอกสีม่วงเข้มตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

“ฟิ้ว”

เขาพลิกมือคราหนึ่ง แล้วหยิบหัวหอกที่แม่เฒ่าอิงซานมอบให้ตนในครั้งนี้ออกมา

“ได้มาไม่ง่ายเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูหัวหอกที่ธรรมดาสามัญมากเช่นกัน ระลอกอากาศอันบิดเบี้ยวสายแล้วสายเล่าที่ปลายหอกดึงดูดเข้ามาจึงจะสามารถพิสูจน์ความไม่ธรรมดาของมันได้

“หากมิใช่เพราะแม่เฒ่า ข้าจะหาแก้วผลึกจักรวาลหลายร้อยล้านก้อนก็มิใช่เรื่องง่ายเลย” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำหนดจิตคราหนึ่ง

วิ้ง

หัวหอกอันธรรมดาสามัญนี้เริ่มค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับด้ามหอกอันธรรมดาสามัญ อักขระลับตรงบริเวณที่เชื่อมต่อกันถูกกระตุ้นขึ้นมา วิ้ง ทั้งสองส่วนเริ่มหลอมรวมกัน เมื่ออักขระลับของทั้งหอกยาวสว่างวาบขึ้นมา อากาศรอบด้านก็สั่นสะเทือนขึ้นมา และยังมีเสียงหอกดังก้องขึ้นไปทั่วทั้งเจดีย์เทพอากาศแห่งนี้ หอกเทพซึ่งเคยติดตามนายท่านฉื้ออวิ๋นไปทั่วดินแดนจิตโลกาหวนคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

“ในเมื่อเป็นอาวุธของท่านบรรพชนนายท่านฉื้ออวิ๋น ก็เรียกว่าหอกเทพเมฆาแดงก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ

จากนั้นสติรับรู้ของเขาก็เริ่มแทรกซึมเข้าไป ตรวจสอบทั่วทั้งหอกยาว

ตู้มมมม…

บันไดน้ำวนดำมืดอันใหญ่โตหมุนคว้างและแทรกซึมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง บันไดน้ำวนอันพิสดารและซับซ้อนนี้สามารถแบ่งออกเป็นบันไดได้สามแห่ง บันไดทั้งสามแห่งนี้รวมตัวกันเป็นจุดเดียวในท้ายที่สุด

ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยรับรู้ด้ามหอกและหัวหอกแยกกัน อักขระลับที่สมบูรณ์ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น บัดนี้เมื่อได้เห็น ‘สภาพทั้งหมด’ ก็พบการผสานกันของอักขระลับที่ด้ามหอกและหัวหอก มันช่างเป็นธรรมชาติและ ครบสมบูรณ์กว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว “ฮ่าฮ่า บรรลุเสียก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็กำหนดจิตคราหนึ่ง

ตู้ม!

สายเลือดอากาศภายในกายพลันถูกกระตุ้นขึ้นมาในทันใด เขาบรรลุจากขั้นรวมเป็นหนึ่งเข้าสู่ขั้นอลวนทันที ทันใดนั้นน้ำวนพลังฟ้าดินก็ก่อตัวขึ้นข้างบนราวกับคูหาดำมืด พลังฟ้าดินจำนวนนับไม่ถ้วนในคูหาดำมืดโหมซัดเข้ามา ก่อนจะรวมตัวกันเข้ามาภายในกายตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างต่อเนื่อง! ทำให้ร่างกายเริ่มพัฒนาและวิวัฒนาการไป สายเลือดภายในกายก็เข้มข้นและแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ นับแต่นี้ไปสายเลือดของเขาก็จะเป็นสายเลือดอากาศระดับขั้นอลวนแล้ว แม้แต่สายเลือดอากาศระดับเทพจักรวาลก็ยังถูกเสริมและสมบูรณ์ขึ้นมากด้วยเหตุนี้ แต่นี่ก็เป็นการกำหนดแน่นอนแล้วว่า เส้นทางการบำเพ็ญจะสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้

เทพจักรวาล ตามระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์นั้นสามารถควบคุมกฎเกณฑ์จักรวาลอันสมบูรณ์ได้!

เทพจักรวาลแต่ละคนนั้น ถึงแม้จะมีเส้นทางที่เหมือนกัน ผลสำเร็จก็แตกต่างกัน

ดังเช่นจักรพรรดิเก้าเมฆาและบรรพชนห้วงอากาศก็ล้วนแต่เป็นเส้นทางอากาศทั้งสิ้น ก็ยังแตกต่างกันมากมายนัก อย่าง ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ หรือ ‘นายท่านฉื้ออวิ๋น’ ก็ล้วนเป็นเส้นทางอากาศ แต่พวกเขาทั้งสี่…แต่ละคนล้วนไม่เหมือนกัน

ดังนั้นเส้นทางของผู้อื่น จึงทำได้เพียงซึมซับผลึกปัญญาของคนยุคก่อน ก้าวสุดท้ายนั้น ตนก็ยังต้องเป็นผู้ก้าวไปเองอยู่ดี

กฎเกณฑ์จักรวาล

สามารถไม่รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์สูงสุดได้แล้ว กฎเกณฑ์จักรวาลอันสมบูรณ์แบบ สรรพสิ่งทั้งปวงล้วนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นกฎเกณฑ์จักรวาลที่ตนรับรู้ ไม่ว่าจะในอากาศอันสับสนอลหม่านหรือดินแดนจิตโลกาก็ล้วนใช้ด้วยกันได้ทั้งสิ้น

ไม่เหมือนกับระดับต่ำๆ อย่างเขตลวงโลกเทียมหรือการรับรู้อากาศของตน เมื่อมาถึงโลกกำเนิดที่แตกต่างออกไป ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง จึงต้องเริ่มบำเพ็ญใหม่ตั้งแต่ต้น

ยิ่งระดับต่ำเท่าไหร่…ก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์สูงสุดมากขึ้นเท่านั้น

กฎเกณฑ์ของเทพจักรวาล นั้นสามารถแยกออกมานอกกฎเกณฑ์สูงสุดได้

ส่วนระดับอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็ปรารถนาสูงส่งกว่านั้นแล้ว

“ตู้มมม…”

ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงบรรลุ ภายใต้การหล่อเลี้ยง วิญญาณก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น เขาก้มลงมองหอกยาวในมือเล่มนั้น

แม้จะบรรลุเป็นขั้นอลวนแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเปิดเผยออกไปมาก่อนเลย!

ตามแผนการของเขา การเก็บตัวของเขาในครั้งนี้จะยาวนานมาก รอจนถึงตอนที่ตนออกจากการเก็บตัว ก็จะบอกกับคนภายนอกว่าตนบำเพ็ญเป็นร้อยล้านปีจึงสำเร็จเป็นขั้นอลวน อย่างน้อยก็ยังนับว่าอยู่ในขอบเขตของผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานตามปกติได้แล้ว! ส่วน ‘การสำเร็จเป็นขั้นอลวนในห้าล้านปี’ นั้น ถึงอย่างไรก็เยี่ยมยยอดเกินไปแล้ว

หากตนไม่ออกไป ก็มิมีผู้ใดล่วงรู้อยู่ดี!

บรรลุเสียก่อน เพื่อให้วิญญาณแข็งแกร่ง วิญญาณระดับขั้นอลวนนั้นบำเพ็ญได้รวดเร็วกว่าวิญญาณของขั้นรวมเป็นหนึ่งมากมายยิ่งนัก

“รอให้ข้าออกจากการเก็บตัวเสียก่อน ก็จะสำแดงพลังได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอย่างเช่นทุกวันนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ

…………………………………