ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ย้าก……..
หลังบรรลุขั้นที่เจ็ด เซียวอวี๋ก็กู่ร้องพลางกระชับดาบคาริมดอร์เอาไว้แน่นก่อนจะกระโดดลอยตัวขึ้นสู่กลางอากาศ
“ซาแกรลาส คิดว่าบิดากลัวเจ้าหรือ? วันนี้บิดาจะส่งเจ้าลงนรกเอง” เซียวอวี๋คำรามก่อนจะตวัดดาบฟันเข้าใส่ซาแกรลาสจากกลางอากาศ
ฉัวะ…..
ดาบของเซียวอวี๋ได้กรีดร่างของซาแกรลาสเป็นทางยาว ซาแกรลาสที่แต่เดิมก็มีแผลเกลื่อนกล่นทั่วร่างอยู่แล้ว ตอนนี้ยังรับดาบของเซียวอวี๋เข้าไปอีก บาดแผลของมันก็ย่ำแย่กว่าเดิม
พายุดาบที่เซียวอวี๋ใช้ออกก่อนหน้านั้นแม้จะทิ้งบาดแผลเอาไว้ หากแต่บาดแผลนั้นก็ไม่ลึกเท่าการโจมตีด้วยการฟาดฟันธรรมดาของเซียวอวี๋ในตอนนี้ จะเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของเซียวอวี๋นั้นเพิ่มขึ้นมากเพียงใด
ขั้นที่เจ็ดนั้นแตกต่างกับขั้นที่หกราวกับอยู่คนละโลก
หลังได้รับพลังของขั้นที่เจ็ด เซียวอวี๋ก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ในช่วงก่อนที่เขาจะบรรลุขั้นที่เจ็ดนั้น ค่าสถานะด้านต่างๆของเซียวอวี๋ก็สูงกว่าฮีโร่ทุกคนเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว และหลังจากบรรลุขั้นที่เจ็ด ค่าสถานะของเขาก็พุ่งทะยานไปสู่ระดับใหม่อย่างสิ้นเชิง เป็นความแข็งแกร่งที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ในสนามรบเวลานี้ หากวัดกันบุคคลต่อบุคคล ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะเซียวอวี๋ได้อีกแล้ว กระทั่งอาร์ทัสเอง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอันเดด เขาก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเซียวอวี๋
พละกำลังของเซียวอวี๋ในปัจจุบันนั้นไม่ได้ด้อยกว่ามังกรน้อยเลย กระทั่งยังเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ ในยามที่ความแข็งแกร่งของมนุษย์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด กระทั่งเผ่าพันธุ์อื่นก็ต้องยำเกรง
ย้าก……….
เซียวอวี๋คำรามพลางตวัดดาบฟันใส่ร่างของซาแกรลาสไม่หยุดหย่อน ในตอนนี้ คนทั้งหมดต่างก็มองดูเซียวอวี๋ราวกับพบเห็นเทพแห่งสงคราม
เมื่ออยู่เบื้องหน้าเซียวอวี๋ พวกเขาก็รู้สึกไร้กำลังจะต่อกร
“นี่ก็คือราชาแห่งราชันย์ของทวีปใหญ่?” ชั่วเวลานั้น ทุกคนต่างก็นึกไปถึงคำพยากรณ์ที่บอกเล่าต่อกันมา ในตำนานนั้นระบุเอาไว้ว่า ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทวีปนั้นเป็นอัศวินมังกร ราชาผู้นั้นมีมังกรเป็นพาหนะ ทั่วร่างกายสวมใส่ไว้ด้วยชุดเกราะทองคำอันเจิดจรัส มีดาบเล่มเขื่องเป็นอาวุธคู่กาย เขาจะเข้าฟาดฟันกับเหล่าปีศาจและนำพาผู้คนสู่ชัยชนะ
แม้ว่าเซียวอวี๋จะดูไม่เหมือนอัศวินมังกรสักเท่าใด มังกรที่เขาเลี้ยงไว้ก็ดูประหลาดจนแทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมังกร ชุดเกราะที่เขาสวมใส่ก็ไม่ใช่ชุดเกราะทองคำ และตัวเซียวอวี๋เองก็ไม่มั่นใจว่าจะพาผู้คนไปสู่ชัยชนะได้หรือไม่ แม้กระนั้น ในช่วงเวลานี้ ในใจของคนทั้งหมดต่างก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ ตราบที่ท่านคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ เช่นนั้นท่านก็จะสามารถดึงศักยภาพของตนออกมาได้เกินขีดจำกัดเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ท่านปรารถนา
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเซียวอวี๋ก็คือราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น และสุดท้ายเขาจะสามารถปราบซาแกรลาสลงได้
เมื่อเห็นว่าบัฟต่างๆเริ่มใกล้จะหมดเวลา เซียวอวี๋ก็ใช้ทักษะร่ายบัฟชุดใหม่ลงบนร่างของตัวเอง
หลังจากเพิ่มบัฟแล้วบัฟเล่า ร่างกายของเขาก็อาบย้อมไปด้วยแสงสีทอง ลักษณะภายนอกของเขาในเวลานี้ราวกับเทพสงครามที่สวมใส่ชุดเกราะทองคำไว้ทั่วร่าง
“สวรรค์….เขาก็คือราชาแห่งราชันย์ในคำทำนาย!”
ชั่วขณะนั้นในใจของทุกคนต่างก็ยึดถือเซียวอวี๋เป็นราชันย์ในคำทำนายไปแล้ว
ทอร์ลและอูเธอร์แยกย้ายกันนำกองทัพของพวกเขาเข้าต่อสู้กับปีศาจในพื้นที่อื่นๆ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นหน้าที่ในการมอบบัฟต่างๆจึงตกเป็นของเซียวอวี๋
แสงสว่างสาดส่องลงมาพื้นที่รอบกายของเซียวอวี๋ จากนั้นทุกคนที่อยู่รอบกายของเขาต่างก็อาบไล้ลำแสงสีทองจนดูราวกับเซียวอวี๋กำลังนำกลุ่มนักรบทองคำเข้าสู่สนามรบ
หลายคนต่างก็สาบานขึ้นในใจว่าจดจำภาพที่ได้เห็นนี้ไปชั่วชีวิต
ตั้งแต่ที่เซียวอวี๋บรรลุขั้นที่เจ็ด สีหน้าของซาแกรลาสก็มืดครึ้มลง นั่นก็เพราะพลังที่เซียวอวี๋แสดงออกมานั้นมีมากมายมหาศาล แม้จะเทียบกับตัวมันไม่ได้ กระนั้นเซียวอวี๋ก็มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับมัน
และเมื่อรวมเข้ากับเหล่ายอดฝีมือที่รายล้อมอยู่รอบด้าน ทั้งยังมีเวทต้องห้ามจากสามจ้าวมนตรา หากมันยังปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป ท้ายที่สุดมันก็จะถูกโค่นล้มลง
ถึงตอนนี้ซาแกรลาสก็ตั้งสติ มันพลันกระโดดขึ้นท้องฟ้าโดยทิศทางที่มันพุ่งไปคือที่อยู่ของสามจ้าวมนตรา
มันทราบว่าหากจัดการสามจ้าวมนตราลงได้ เรื่องราวก็จะง่ายขึ้น
สามจ้าวมนตราคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน
เมื่อเห็นการกระทำของซาแกรลาส เซียวอวี๋ย่อมไม่นิ่งเฉยดูดาย เขารีบตะโกนด้วยเสียงอันดัง “สกัดเอาไว้! แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องรั้งมันไว้ให้ได้! ไม่อย่างนั้นพวกเราจบสิ้นแน่”
ได้ยินเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ เหล่ายอดฝีมือต่างก็พุ่งมาอยู่ด้านหน้าของจ้าวมนตราทั้งสามก่อนที่จะพุ่งเข้าสกัดซาแกรลาส
เปรี้ยง อ๊าก…….
เหล่ายอดฝีมือที่พุ่งเข้าไปหวังหยุดยั้งซาแกรลาสต่างก็ถูกซัดจนลอยกระเด็น กระนั้นเป้าหมายที่ต้องการจะสกัดซาแกรลาสเอาไว้ก็สัมฤทธิ์ผลและทำให้ซาแกรลาสตกลงบนพื้นที่ที่ห่างจากสามจ้าวมนตราไป
ซาแกรลาสนั้นมีร่างกายใหญ่โตสูงนับร้อยเมตร การกระโดดเพียงไม่กี่ครั้งของมันก็สามารถเข้าถึงตำแหน่งที่อยู่ของสามจ้าวมนตรา อย่างไรก็ตาม เหล่ายอดฝีมือต่างก็ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อสกัดซาแกรลาสเอาไว้ พวกเขาต่างไม่สนใจความเป็นความตายของตนและใช้ร่างกายต้านทานซาแกรลาสเอาไว้เพื่อซื้อเวลาให้กับจ้าวมนตราทั้งสาม
พวกเขาทราบดีว่าแม้พลังของพวกเขาจะได้ชื่อว่าอยู่แถวหน้าของทวีป กระนั้นกลับช่วยจัดการกับซาแกรลาสได้ไม่มาก ไม่เหมือนกับสามจ้าวมนตรา ทั้งสามคือความหวังของทวีป
และด้วยเหตุผลข้อนี้ พวกเขาจึงทุ่มเทสุดความสามารถในการปกป้องสามจ้าวมนตรา แม้อาจจะต้องสละชีวิตของตนก็ตาม….