ตอนที่ 767 ข่าวร้าย

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 767 ข่าวร้าย

ในวันนี้เยียนเหลียงเจ๋อมิมีใจจดจ่ออยู่กับการประชุมราชวงศ์ยามเช้าเลยสักนิด ดังนั้นการประชุมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

บัดนี้เขากำลังนั่งดื่มชาอยู่กับเปียนมู่หยูที่ห้องทรงพระอักษร และรอฟังข่าวคราวจากธนาคารปาต๋าด้วยหัวใจที่เต้นรัว

“ข้ามีความคิดว่าควรร่วมมือกับท่าป๋าเฟิงเพื่อต่อกรกับฟู่เสี่ยวกวน คนผู้นี้…จะปล่อยให้กลับไปยังราชวงศ์อู๋มิได้เป็นอันขาด ! ”

เปียนมู่หยูเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เขาอยู่ในราชวงศ์หยูยังมิถึง 3 ปีเลยด้วยซ้ำ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ได้อย่างใหญ่หลวง หากปล่อยให้เขากลับไปครองบัลลังก์ในราชวงศ์อู๋ที่เดิมทีก็รุ่งเรืองอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของเขาจะต้องรุ่งโรจน์มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน…”

เปียนมู่หยูรินน้ำชาให้เยียนเหลียงเจ๋อแล้วเอ่ยด้วยความกังวลว่า “แคว้นอี๋ของเราเป็นเพื่อนบ้านกับราชวงศ์อู๋มาช้านาน แต่ฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้มีความทะเยอทะยานจะเป็นหมาป่าเดียวดายพ่ะย่ะค่ะ ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก เนื่องจากตนมีประสบการณ์ด้านความทะเยอทะยานของฟู่เสี่ยวกวนมาอย่างลึกซึ้ง

คนผู้นั้นได้กลืนกินว่อเฟิงหยวนของแคว้นอี๋เพื่อราชวงศ์หยูไปแล้ว หากกลายเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ขึ้นมาจริง ๆ… ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เขาจะกลืนกินหกรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของข้าไปด้วย

ช่วงเวลาที่คนผู้นั้นทำงานให้กับราชวงศ์หยูนับแล้วก็เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งปีกว่า ๆ แต่ก็สามารถทำให้ราชวงศ์หยูที่พังยับเยินและกำลังสั่นคลอนลุกขึ้นมายืนใหม่ได้อีกครา อีกทั้งยังเปล่งประกายเต็มไปด้วยพลังชีวิต… หากคนผู้นั้นได้กุมอำนาจทั้งราชวงศ์อู๋ก็ย่อมทำให้ราชวงศ์อู๋เปลี่ยนไปจนน่ากลัวเป็นแน่ !

เมื่อคิดได้ดังนั้น เยียนเหลียงเจ๋อจึงตัดสินใจได้แล้วว่า

“วันนี้ หลังจากขายหุ้นในมือไปแล้ว ข้าจะรีบมอบราชโองการหนึ่งฉบับให้แก่แม่ทัพใหญ่เฟิง…”

เขายกถ้วยชาขึ้นมาเป่า “ทางใต้ของแคว้นฮวงกำลังก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ข้าจะช่วยท่าป๋าเฟิงอีกแรง ! ”

“นอกจากนี้ ชาวยุทธที่มาจากราชวงศ์หยูซึ่งกำลังซ่อนตัวจากการควบคุมของวังหลวง พวกนั้นเกลียดฟู่เสี่ยวกวนเข้ากระดูกดำและข้าได้รวบรวมเข้าเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 6,000 คนโดยมีเทพหงจงแห่งยุทภพทางเหนือเป็นผู้ควบคุม

ชาวฮวงกำลังบุกลงทางใต้และมีความเป็นไปได้ที่ฟู่เสี่ยวกวนจะมาเยือนสนามรบด้วยตนเอง ข้าได้ส่งหน่วยสอดแนมไปที่ว่อเฟิงเต้าและด่านภูเขาเยี่ยนแล้ว… คาดว่าเขาจะปรากฏตัวที่ด่านภูเขาเยี่ยน ! ”

สีหน้าของเยียนเหลียงเจ๋อแข็งกระด้าง สายตาเย็นเยียบ ขบกรามแน่นแล้วเอ่ยว่า “ขอเพียงเขากล้าปรากฏตัวที่ด่านภูเขาเยี่ยน องครักษ์ส่วนพระองค์ของข้า ย่อมทำให้เขาไร้หนทางกลับออกไปได้อย่างแน่นอน ! ”

เปียนมู่หยูเมื่อได้ยินดังนั้นก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที !

สวรรค์โปรดอวยพรให้พวกเราด้วยเถิด ช่วยทำให้ฟู่เสี่ยวกวนไปที่ด่านภูเขาเยี่ยนด้วยเถิด !

หากเจ้าตกตายไปเสีย ใต้หล้านี้คงจะสวยงามมากยิ่งขึ้น ข้า…จะได้นอนหลับสนิทเสียที !

ทันใดนั้นเองขันทีน้อยผู้หนึ่งก็กระวนกระวายวิ่งเข้ามา

“ฝ่าบาท… ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…”

เยียนเหลียงเจ๋อเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มกว้างราวกับดอกไม้ผลิบาน “ธนาคารปาต๋ามีข่าวดีแล้วเยี่ยงนั้นหรือ! ข้า… ข้ามีเงินแล้ว ! ”

ขันทีน้อยผู้นั้นปรี่เข้ามาในห้องทรงพระอักษร คุกเข่าลงเบื้องหน้าของเยียนเหลียงเจ๋อดังตึง ใบหน้าแดงก่ำอีกทั้งยังมีเม็ดเหงื่อส่องประกายแวววับบนหน้าผาก

“ตื่นตระหนกอันใดกัน ? ปกติข้าสั่งสอนพวกเจ้าว่าเยี่ยงไร ? เวลาพบเจอปัญหาอันใดต้องเยือกเย็นเข้าไว้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีก็ต้องสงบนิ่งเอาไว้… เจ้าเอ่ยมาเถิด”

ขันทีน้อยเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็กลืนน้ำลายหนึ่งอึก สองมือถือกระดาษหนึ่งแผ่นและมันกำลังสั่นระริก “ทูลฝ่าบาท… รายงานด่วนจากชายแดนพ่ะย่ะค่ะ ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อขมวดคิ้ว รายงานด่วนจากชายแดนเยี่ยงนั้นหรือ ?

หรือเพราะมิได้เบี้ยหวัดและเสบียงมานานกว่าสามเดือน กองทัพชายแดนจึงจะก่อกบฏขึ้นมาเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขารับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

เขาถลึงกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ “อันใดกัน… ? ”

“นี่ นี่ คือเรื่องจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ขันทีน้อยทรุดหมอบลงไปกับพื้น “ทูลฝ่าบาท นี่คือจดหมายนกพิราบระยะทางไกล 2,000 ลี้จากซานยิงจี๋พ่ะย่ะค่ะ ! ”

เปียนมู่หยูขมวดคิ้วมุ่น หัวใจพลันสั่นสะท้าน ซานยิงจี๋…ทหารของราชวงศ์อู๋บุกเข้ามาเยี่ยงนั้นหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนยังอยู่ที่ราชวงศ์หยูมิใช่หรือ ชาวอู๋จะเคลื่อนทัพมาทำสงครามกับแคว้นอี๋ได้เยี่ยงไรกัน ?

ดวงตาของเยียนเหลียงเจ๋อเบิกกว้าง ขบเม้มริมฝีปากแน่นและเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องทรงพระอักษรราวกับมดเดินบนกระทะร้อน ‘เช้าตรู่วันที่สิบหกเดือนหนึ่ง กองทัพใหญ่ของราชวงศ์อู๋ได้ข้ามเขาฉีหวินและบุกโจมตีซานยิงจี๋

กองทัพชายแดน 100,000 นายที่ซานยิงจี๋ล้วนตกตายในสนามรบทั้งสิ้น ส่วนทัพใหญ่ของราชวงศ์อู๋ยังมิหยุดเดินทัพ พวกเขาตรงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเป้าหมายคือเขตชื่อซี !

ทหารชาวอู๋เคลื่อนพลเร็วมากยิ่งนัก กำลังรบก็สูงและไม่สามารถยกทหารทั่วไปมาเปรียบเทียบได้ พวกนั้นค่อนข้างมีส่วนคล้ายคลึงกับทหารดาบเทวะของราชวงศ์หยูแต่จำนวนมากกว่าทหารดาบเทวะเป็นเท่าตัว จากที่กระหม่อมได้คาดการณ์เอาไว้พวกเขามีอย่างน้อยหกหมื่นกว่านาย

ชายแดนล่มสลายแล้ว ฝ่าบาทได้โปรดส่งทหารออกไปโดยเร็วเพื่อปกปักด่านต้ายู่ป้อมปราการหลักทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ’

กองทัพ 100,000 นายสิ้นท่าทั้งอย่างนี้เลยหรือ ? !

เห็นได้ชัดว่ารายงานฉบับนี้เร่งด่วนมากยิ่งนัก และเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นี้มิได้ใช้เวลานานเลย ก็สามารถทำให้กองทัพชายแดน 100,000 นายของเขาตกตายไปจนแล้ว !

ราชวงศ์อู๋จะมีทหารดาบเทวะ 60,000 นายได้เยี่ยงไรกัน ?

เห็นกันอยู่ว่าฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่ว่อเฟิงเต้า แล้วเขาจะเอาเวลาใดไปฝึกกองทัพแบบนี้ที่ราชวงศ์อู๋กันเล่า ?

สมญานามของทหารดาบเทวะ มิว่าเยียนเหลียงเจ๋อหรือเปียนมู่หยูต่างก็ทราบเป็นอย่างดี

คาดมิถึงว่ากองทัพเช่นนี้จะจู่โจมแคว้นอี๋ ความหมายที่แปลได้จากรายงานนี้ก็มิใช่การก่อความวุ่นวายเล็ก ๆ เลย… พวกเขากำลังตรงไปทางตะวันตกเฉียงใต้…

เยียนเหลียงเจ๋อสาวเท้าไปยืนอยู่ด้านหน้าแผนที่และกวาดสายตามอง

หกรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ ปัจจุบันกินพื้นที่ในผืนปฐพีของแคว้นอี๋ไปถึงสามในสิบส่วน แม้ว่าภูมิประเทศส่วนมากจะเป็นเนินเขา แต่นอกจากว่อเฟิงหยวนแล้ว เขตติ้งเจียงก็เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่อีกหนึ่งแห่ง แน่นอนว่ามันคือแหล่งเสบียงที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของแคว้นอี๋ !

เป้าหมายที่แท้จริงของราชวงศ์อู๋คืออันใดกันแน่ ?

พวกเขามีเพียงหกหมื่นนาย ย่อมไร้หนทางยึดกำแพงเมืองสำคัญของทั้งหกเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ไว้ได้ และยิ่งมิมีทางยึดด่านต้ายู่ไปได้อย่างแน่นอน…

ดังนั้นพวกเขาเข้ามาเพื่อก่อความวุ่นวายเยี่ยงนั้นหรือ ?

ข้าเคยวางอุบายใส่ฟู่เสี่ยวกวนไว้ที่ว่อเฟิงเต้า อีกทั้งยังล้มเหลวไปแล้ว หรือเจ้าชั่วฟู่เสี่ยวกวนต้องการระบายความแค้นนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?

เปียนมู่หยูเดินมาด้านข้างแผนที่นี้เช่นกัน ฝ่ายเยียนเหลียงเจ๋อส่งจดหมายในมือให้เขา “เจ้าอ่านแล้วลองเอ่ยตามความคิดของเจ้าออกมา”

ทันทีที่เปียนมู่หยูได้อ่านก็พลันตื่นตระตกขึ้นมาทันใด… จู่โจมซานยิงจี๋ในเช้าตรู่วันที่สิบหกเดือนหนึ่งโดยไร้การหยุดพักและตรงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ทันที… วันนี้เพิ่งจะเป็นวันที่สิบเจ็ดเดือนหนึ่ง เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ตามระเบียบของทหารฉุกเฉิน ต่อให้นกพิราบสื่อสารตัวนี้มิหยุดพักเลยตลอดทาง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาบินถึง 8 ชั่วยาม

แสดงว่าทหารชาวอู๋สามารถยึดครองซานยิงจี๋โดยใช้เวลามากที่สุดคือ 4 ชั่วยาม

แต่นั่นคือกองกำลังชายแดน 100,000 นายที่คอยป้องกันอยู่ !

หมายความว่ากำลังรบของกองทัพราชวงศ์อู๋นี้ เกรงว่าจะใกล้เคียงกับทหารดาบเทวะ

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าต้องรีบมีราชโองการให้ทหารในหกรัฐตรึงข้าศึกเอาไว้ แล้วส่งทหารเกราะหนักไปเฝ้าที่ด่านต้ายู่ พวกเราจะให้ข้าศึกเข้ามามิได้เป็นอันขาด…”

เปียนมู่หยูยังมิทันได้เอ่ยจบ ก็มีขันทีน้อยอีกหนึ่งรายเร่งรุดเข้ามา

“ฝ่าบาท… ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ… ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อหันไปมองพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกกัน ?

ทันทีที่ขันทีน้อยเข้ามาในห้องทรงพระอักษรก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที “ทูลฝ่าบาท…เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

หัวใจของเยียนเหลียงเจ๋อเหมือนจะหลุดขึ้นมาถึงลำคอ เขาปรี่เข้าไปแล้วคว้าร่างของขันทีน้อยขึ้นมา จากนั้นก็ตรัสอย่างโหดเหี้ยมว่า “เอ่ยมา ข้าศึกโจมตีไปถึงที่ใดแล้ว ? ”

ขันทีน้อยตื่นตกใจ จึงรีบทูลว่า “โอ๊ย ! ทูลฝ่าบาท มิมีข้าศึกแต่เป็น เป็น เป็นเหตุจลาจลที่ธนาคารปาต๋าพ่ะย่ะค่ะ ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อคลายมือออก ปล่อยขันทีน้อยล้มลงไปกับพื้นดังตุบ “เหตุจลาจลเยี่ยงนั้นหรือ ? หมายความว่าผู้ซื้อมีมากจนเกินไป จึงบังเกิดความวุ่นวายขึ้นมาใช่หรือไม่ ? ”

“ทูลฝ่าบาท… มิใช่พ่ะย่ะค่ะ….” ขันทีน้อยใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว

“แล้วเป็นเรื่องใดกันเล่า ? ”

“ทูลฝ่าบาท… หุ้น มิมีผู้ใดยอมซื้อหุ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ มีแต่จะขายท่าเดียว ตอนนี้ราคาหุ้นจึงลดลงเหลือ 1 อีแปะต่อ 1 หุ้น แต่ก็ยังมิมีผู้ใดคิดซื้อเลยพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ทันใดนั้นเยียนเหลียงเจ๋อก็รู้สึกว่าดวงตามืดบอดไปชั่วขณะ ราวกับพลังกายถูกสูบออกไปจนหมดสิ้นในชั่วพริบตา