ตอนที่ 682 มาสาย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 682

มาสาย

“เศษไม้นี่อีกแล้ว”จิ้งหลิงคลายร่างของตนออกพลางมองกรงรากไม้ดำที่เซี่ยจินเย่สร้างขึ้นมาปกป้องตนเองเอาไว้ก่อนที่นางจะรัดเซี่ยจินเย่เต็มแรงพอดี แต่ถึงจะรอดมาได้เซี่ยจินเย่ก็ได้ทราบแล้วว่าจิ้งหลิงพยายามสังหารตนเองจริงๆเพราะแรงของนางถึงขนาดทำรากไม้ดำบางส่วนหักเลยทีเดียว หากไม่มีกรงรากไม้ดำมาขวางเอาไว้สิ่งที่หักคงเป็นกระดูกของเซี่ยจินเย่แน่ๆ

วูบ…

ทันทีที่เห็นกรงรากไม้ดำ จิ้งหลิงก็ละลายตัวเองกลายเป็นของเหลวเพื่อแทรกเข้าไปในกรงเหมือนที่ทำคราวที่แล้ว แต่ครั้งนี้เซี่ยจินเย่ไม่รอให้จิ้งหลิงเข้ามา นางรีบคลายกรงรากไม้ดำออกก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาบิดาของตนที่อยู่ด้านหลัง

“เจ้า…..”จิ้งหลิงเห็นเซี่ยจินเย่หันไปหายอดดวงใจของตนก็รีบคืนร่างพญาอสรพิษตรงเข้าไปหมายจะกัดขาของเซี่ยจินเย่เอาไว้ แต่ระหว่างทางเซี่ยจินเย่ก็เรียกรากไม้ดำออกมาขวางทางเอาไว้ทำให้จิ้งหลิงต้องเปลี่ยนสภาพตนเองเป็นของเหลวเพื่อตามเซี่ยจินเย่มาให้ทัน

“อย่ามายุ่งกับลูกสาวข้า”หวังโจวชูกัดฟันแน่นก่อนจะรวบรวมพลังเอาไว้ที่แขนขวา

ฟุบ!!

ฝ่ามือของหวังโจวชูกระแทกออกไปด้านหน้าก่อนจะสร้างกระสุนอากาศรูปร่างแปลกประหลาดออกมายิงใส่ร่างของจิ้งหลิงที่กำลังรวมกลับเป็นร่างงูอย่างจัง แม้จะสร้างความเสียหายให้จิ้งหลิงได้ไม่มาก แต่เพราะร่างของนางยังเป็นของเหลวอยู่กระสุนลมจึงเป่าร่างของนางเป็นรูขนาดใหญ่เลยทีเดียว

“ท่าน…..”แม้รูบนร่างจะไม่ได้มีผลอะไรกับร่างที่เป็นของเหลว แต่การโดนหวังโจวชูโจมตีนั้นทำให้จิตใจของจิ้งหลิงเสียหายหนักกว่ามาก

“ท่านพี่โจมตีข้า……”จิ้งหลิงนิ่งไปพลางจ้องมองหวังโจวชูด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ สำหรับนางแล้วหวังโจวชูเป็นสามีที่รักนางปานดวงใจ ไม่มีทางที่สามีของนางจะทำร้ายนางเด็ดขาด

“เป็นไปไม่ได้”จิ้งหลิงแผ่พลังอสูรออกมามากกว่าเดิม แถมคราวนี้ยังปล่อยไอพิษออกไปรอบๆอีกต่างหาก ยามนี้สวนดอกไม้ที่ประดับอยู่รอบๆกลับเหี่ยวเฉาลงทันทีเพราะไอพิษที่จิ้งหลิงปล่อยออกมา

“ท่านพ่อ หนีกันเถอะเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ว่าพลางมองบนร่างของหวังโจวชูดูเหมือนตอนนอนจิ้งหลิงจะไม่ได้ให้ลูกน้องของนางมัดร่างของหวังโจวชูเอาไว้ ยามนี้บนร่างของหวังโจวชูเลยไม่มีงูแม้แต่ตัวเดียว หากหนีไปตอนนี้ละก็ต้องรอดแน่ๆ

“เป็นเพราะนังนั่น”จิ้งหลิงเห็นเซี่ยจินเย่เข้าไปหาคนรักของนางแล้วยังจับมือถือแขนกันอีกก็เกิดอาการคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมาทันที

“เจ้า ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ เจ้าต้องมายั่วสามีข้าแน่ๆไม่อย่างนั้นสามีข้าจะโจมตีข้าได้อย่างไร”จิ้งหลิงเห็นทั้งสองรีบออกตัววิ่งหนีก็เลื้อยตามไปอย่างรวดเร็ว ที่นี่คือถิ่นของนางไม่ว่าจะหนีไปไหนนางก็ตามไปได้ทั้งนั้น

“เจ้าต้องวางแผนมาแล้วแน่ๆ ไม่สิเจ้าต้องใช้ยาเสน่ห์แน่ๆไม่อย่างนั้นสามีข้าคงไม่มีทางมองไปที่คนอื่นนอกจากข้าหรอก”จิ้งหลิงมั่วเรื่องราวเป็นตุเป็นตะขณะเลื้อยตามเซี่ยจินเย่และหวังโจวชูมาติดๆ

“ถ้าฆ่าเจ้าซะ สามีข้าต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมแน่ๆ”จิ้งหลิงว่าพลางพุ่งตัวอ้อมไปด้านซ้ายของเซี่ยจินเย่ก่อนจะวกกลับมาล้อมเซี่ยจินเย่กับหวังโจวชูเอาไว้ เพียงพริบตาเดียวทั้งสองก็อยู่ตรงกลางร่างของจิ้งหลิงจนได้

“ข้าจะกลืนเจ้าให้หมดทั้งตัวเลย”จิ้งหลิงว่าพลางอ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวพิษของนางได้อย่างชัดเจน นางค่อยๆโน้มหัวไปด้านหลังก่อนจะฉกเข้าหาเซี่ยจินเย่ทันที

แผละ!!

ก่อนที่จิ้งหลิงจะฉกเข้ามาเซี่ยจินเย่ก็ใช้พลังที่เหลือสร้างรากไม้ดำออกมาป้องกันตนเองอีกรอบ แต่คราวนี้จิ้งหลิงกลับรู้ทันแล้วเปลี่ยนร่างตนเองเป็นของเหลวตั้งแต่ตอนฉกเข้ามาแล้ว

ฉึก!

“กรีดด……”จิ้งหลิงในร่างของเหลวทะลุผ่านช่องว่างของรากไม้ดำเข้ามาได้ก่อนจะใช้ของเหลวที่ผ่านมาได้สร้างร่างอสรพิษขนาดเท่างูเหลือมขึ้นมาตรงเข้าไปกัดเซี่ยจินเย่บริเวณไหล่ทันที หากเซี่ยจินเย่ไม่มีความสามารถป้องกันพิษผ่านทางสายเลือดตระกูลหวังนางคงตายไปตั้งแต่ตรงนี้แล้ว

ฟุบ!!

จิ้งหลิงที่รอดผ่านรากไม้ดำมาได้มีขนาดเล็กเกินไปไม่สามารถกลืนเซี่ยจินเย่อย่างที่จิ้งหลิงต้องการได้ทำให้จิ้งหลิงเลือกที่จะเหวี่ยงเซี่ยจินเย่ขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะหลอมตัวเองขึ้นมาเป็นร่างขนาดใหญ่อีกครั้งเพื่อจะอ้าปากรองรับเซี่ยจินเย่ที่กำลังจะตกลงมาลงท้องไปให้หมดในพริบตาเดียว

เปรี้ยง!!

หวังโจวชูพยายามซัดฝ่ามือของมันใส่ร่างจิ้งหลิง แต่น่าเสียดายที่ฝ่ามือของหวังโจวชูทำได้แค่สร้างรูโหว่ตรงร่างที่ยังเป็นของเหลวของจิ้งหลิงเท่านั้น

“……….”ทางฝั่งเซี่ยจินเย่ที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้ามองปากกว้างๆของจิ้งหลิงด้วยดวงตาหวาดกลัว หากโดนนางกลืนเข้าไปต้องตายแน่ๆ แถมพลังของเซี่ยจินเย่ที่เรียกใช้รากไม้ดำหลายต่อหลายครั้งยังหมดแล้วด้วย…..

“อาจารย์…..”เซี่ยจินเย่มองภาพตรงหน้าทั้งน้ำตาก่อนจะเผลอเรียกอาจารย์ของตนเองออกมาเบาๆ หากอาจารย์อยู่ตรงนี้จะต้องปกป้องนางได้แน่ๆ

ตุบ….

อยู่ๆเซี่ยจินเย่ก็ตกลงบนอ้อมแขนของใครบางคนแทนที่จะร่วงลงไปในปากของจิ้งหลิงเสียอย่างนั้น

ฟุบ!!!

ร่างของจิ้งหลิงที่กำลังพุ่งขึ้นมาหมายจะกลืนเซี่ยจินเย่ลงคอนั้นพุ่งเฉียดร่างของจางจินไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แม้แต่จางจินหากโดนอสูรงูนางนี้โจมตีเข้าก็คงบาดเจ็บหนักเป็นแน่

“อาจารย์…”เซี่ยจินเย่มองใบหน้าของหลินเฟยที่เข้ามารับตนเองเอาไว้อย่างพอดิบพอดีด้วยท่าทางอึ้งๆ

“ข้ามาช้าไปหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางมองเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้จะรับร่างของนางเอาไว้ทัน แต่ที่ไหล่ของเซี่ยจินเย่ก็มีรอยกัดรอยใหญ่ที่มีเลือดไหลออกมาเป็นทาง จะบอกว่ามาทันก็คงไม่ได้

“อาจารย์…”เซี่ยจินเย่เห็นหลินเฟยเข้ากลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่พลังของหลินเฟยก็ไม่แน่ว่าจะล้มจิ้งหลิงได้หรือไม่ แต่ยามนี้เซี่ยจินเย่พึ่งผ่านพ้นเส้นตายมาได้อย่างฉิวเฉียดไม่มีอะไรทำให้รู้สึกดีใจไปกว่านี้อีกแล้ว กว่าจะรู้ตัวนางก็ตรงเข้าไปกอดอาจารย์ของตนเองเอาไว้แน่น แถมยังร้องไห้เหมือนเด็กๆอีกตางห่าก

“อาจารย์ ข้า…นึกว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว”เซี่ยจินเย่ว่าพลางกอดร่างของหลินเฟยเอาไว้สุดแรง ทำเอาหลินเฟยต้องเอามือมาลูบหลังของนางเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบโยน

“ตอนแรกข้านึกว่าเจ้าเรียบร้อยที่สุดในกลุ่มศิษย์เอกเสียอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะไปหาเรื่องอสูรระดับนั้น”หลินเฟยหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะมองไปยังร่างของจิ้งหลิงที่กำลังหันมาทางตนเอง อสูรที่โดนพลังดึงดูดเหล่าอสูรทำให้คลุ้มคลั่งไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ พอได้ทราบข่าวที่เซี่ยจินเย่ส่งให้ว่าจิ้งหลิงน่าจะเป็นอสูร หลินเฟยก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอสูรแบบนี้แน่ๆ แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นระดับบรรพกาลขั้นที่ 5

“เพราะข้ามาช้าแท้เจ้าถึงบาดเจ็บขนาดนี้”หลินเฟยมองไปที่ไหล่ของเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีรู้สึกผิด แม้จะไม่ทำให้ถึงตายแต่เห็นศิษย์ของตนบาดเจ็บขนาดนี้มีหรือหลินเฟยจะไม่สะทกสะท้านได้ หากเป็นไปได้หลินเฟยก็อยากจะฉีกจิ้งหลิงเป็นชิ้นๆเสียตรงนี้ แต่ระดับของจิ้งหลิงสูงเกินไป แม้แต่หลินเฟยก็คงทำได้แค่สู้อย่างยืดเยื้อเท่านั้น

“แต่ข้าก็ไม่ได้มาสายอย่างเสียเปล่าหรอกนะ”หลินเฟยว่าพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ความจริงจิ้งหลิงสมควรโจมตีหลินเฟยกลับมานานมากแล้ว สาเหตุที่นางไม่กล้าโจมตีเข้ามานั่นเพราะบนท้องฟ้าเหนือร่างของหลินเฟยนั้นมีชายผู้หนึ่งกำลังปล่อยพลังอสูรออกมากดดันจิ้งหลิงอยู่

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”หลินเฟยว่าพลางปลอบเซี่ยจินเย่ที่กำลังตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของมันอย่างใจเย็น ต่อให้จิ้งหลิงแข็งแกร่งกว่านี้หลินเฟยก็เชื่อว่าการที่ตนเองเสียเวลาไปตามหาท่านน้านั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

“ไม่ ข้าไม่ยอม…..”จิ้งหลิงพยายามต่อต้านพลังอสูรของไป๋จูล่งก่อนจะแยกเขี้ยวขึ้นไปหาไป๋จูล่งอย่างอาฆาต

เปรี้ยง!!

ทวนของไป๋จูล่งที่อาบไปด้วยสายฟ้าพุ่งเปรี้ยงลงมาบนหัวของจิ้งหลิงพอดี ทวนของจูล่งนั้นกระแทกหัวของจิ้งหลิงลงไปกับพื้นก่อนจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเล่นงานร่างที่ของจิ้งหลิงไปทั่ว ต่อให้นางเปลี่ยนตัวเองเป็นของเหลวก็ไม่มีทางหลบการโจมตีครั้งนี้ของไป๋จูล่งไปได้

ตูม….

โดนโจมตีเพียงครั้งเดียวจิ้งหลิงก็ถึงกับร่วงลงไปนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น ทำเอาหวังโจวชูที่โดนนางจับตัวมานับสิบปีมองภาพตรงหน้าตาค้าง จิ้งหลิงที่ต่อให้เรียกท่านปู่มังกรเขียวมารช่วยหรือระดมคนทั้งอาณาจักรซานมาจัดการก็คงไม่ได้ผลตนนั้น นอนหมดสภาพเกือบตายด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ

“เซี่ยจินเย่ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว”หลินเฟยเห็นจิ้งหลิงหมดสภาพไปแล้วก็บอกให้เซี่ยจินเย่ปล่อยตนเองเสีย มันจะได้รักษาบาดแผลของเซี่ยจินเย่ให้หายโดยเร็ว

“ขออีกนิดนึงนะเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางกอดร่างของหลินเฟยต่อไม่ยอมปล่อย แถมพอโดนขอแบบนี้หลินเฟยก็ทำอะไรไม่ปล่อยให้นางกอดต่อไปอีกพักใหญ่จนกว่านางจะพอใจ

“ดูสิ หน้าเจ้ามีแต่น้ำตาเต็มไปหมด ข้านี่ช่างเป็นอาจารย์ที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”หลินเฟยว่าพลางเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้เซี่ยจินเย่หลังจากนางยอมปล่อยหลินตนเองแล้ว

“ไม่ใช่สักหน่อย ท่านเป็นอาจารย์ที่ดีมากต่างหากเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ

“ถ้าข้าเป็นอาจารย์ที่ดีคงไม่ปล่อยให้เจ้าบาดเจ็บหรอก แล้วคงไม่ทำให้เจ้าระแวงจนไม่กล้าบอกความลับเรื่องพลังดึงดูดเหล่าอสูรด้วย”หลินเฟยถอนหายใจออกมาช้าๆด้วยท่าทีผิดหวังกับตนเอง ช่วงนี้เหมือนมันทำผิดพลาดหลายอย่างเลย

“อาจารย์ที่ปกป้องศิษย์จากอสูรระดับนั้นโดยมีแค่รอดกัดข้าคิดว่ามีไม่กี่คนหรอกเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบออกมาเบาๆ หากเป็นคนอื่นคงโดนฆ่าไปด้วยกันเสียด้วยซ้ำ

“แล้วที่ข้าไม่ยอมบอกความลับกับท่านไม่ใช่เพราะข้าไม่ไว้ใจท่านเสียหน่อย”เซี่ยจินเย่ตอบพลางหลบสายตาไปทางอื่น

“ที่ข้าไม่บอกเรื่องพลังดึงดูดเหล่าอสูรกับท่าน….เพราะไม่อยากให้ท่านมองข้าเป็นญาติต่างหาก”เซี่ยจินเย่ตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ บอกแบบนี้อาจารย์จะเข้าใจหรือเปล่านะ…

“แต่คนจัดการจิ้งหลิงน่ะมันข้านะ ตรงนั้นข้าควรได้ความดีความชอบสิ”หลินเฟยยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป อยู่ๆไป๋จูล่งก็มาจากไหนไม่ทราบขัดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำเอาทั้งเซี่ยจินเย่ ทั้งหลินเฟยสะดุ้งโหยงรีบเปลี่ยนท่าทีกันแทบไม่ทัน

“เซี่ยจินเย่ ท่านพ่อของเจ้ามองมาทางนี้พักใหญ่แล้วนะ เจ้าจะไม่ลงไปหาท่านจริงๆหรือ”จูล่งถามออกมาเบาๆพลางชี้ลงไปหาหวังโจวชู เพราะจางจินกับตงฟางบินอยู่สูงมาก หวังโจวชูเลยขึ้นมาด้วยไม่ได้ จะให้บุตรสาวลงมารับ นางก็เอาแต่กอดคนบนนั้นนิ่งไม่ลงมาเสียที สุดท้ายเลยได้แต่ชะเง้อมองด้วยท่าทีงงๆเท่านั้น