พื้นใสจนเห็นคลื่นทะเลซัดขึ้นลง

พวกลู่ฝานเดินอยู่บนถนนอัญมณี รู้สึกเหมือนเดินบนสวรรค์ มองลงมายังโลกมนุษย์

ทั้งห้าคนเดินลึกลงไปในทะเลกว้าง ลู่ฝานถามสิ่งที่ตัวเองอยากถามมาตั้งนาน

“พวกนายรู้ไหมว่าเมืองหลวงใหญ่แค่ไหนกันแน่”

พวกหยวนเลี่ยมองหน้ากัน หลังจากนั้นหยวนเลี่ยพูดว่า “พูดตามตรง พวกเราก็ไม่รู้ว่าเมืองหลวงใหญ่ขนาดไหน แต่ที่บ้านเกิดเรามีเพลงพื้นบ้าน ที่เคยบรรยายเอาไว้ท่อนหนึ่ง”

พูดพลาง หยวนเลี่ยกระแอมแล้วพูดว่า “อรุณสีชาดขึ้นทางตะวันออก อรุณสีชาดส่องเมืองหลวง หนึ่งเมืองเหมือนหนึ่งเขตใหญ่ สถานที่ต่างกัน ธรรมชาติก็ต่างกัน ในเมืองมีสี่ฤดู ตะวันออกสดใสตะวันตกมีหิมะ เมืองใหญ่โตมโหฬาร อู่อานที่งดงามของฉัน!”

ลู่ฝานพูดพึมพำว่า “หนึ่งเมืองเหมือนหนึ่งเขตใหญ่ สถานที่ต่างกันธรรมชาติก็ต่างกัน ประโยคนี้”

มิน่าล่ะแค่คูเมืองก็ขนาดเหมือนหนึ่งเขตแล้ว!

การคาดเดานี้ ทำให้ลู่ฝานเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา

มองกำแพงเมืองขนาดมหึมาเหมือนเทือกเขา นี่เหมือนไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

ลู่ฝานสูดหายใจลึก ร่างกายกลายเป็นสายลม พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาอยากเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเมืองใหญ่แห่งนี้จนทนไม่ไหวแล้ว

ลู่ฝานเร่งความเร็ว อย่างน้อยพวกหยวนเลี่ยก็ตามทัน

ทั้งห้าคนทะยานไปบนถนนสวรรค์ สายน้ำด้านล่างก็ไหลแรงขึ้นด้วย

คลื่นลูกใหญ่ซัดถนนอัญมณีไม่หยุด แต่เหมือนรอบถนนอัญมณีมีอักษรยันต์คุ้มครองอยู่ สายน้ำที่เข้าใกล้ถนนอัญมณีหนึ่งนิ้ว จะโดนกำแพงที่มองไม่เห็นกันเอาไว้

ลู่ฝานวิ่งอย่างรวดเร็ว จากความเร็วของเขาในตอนนี้ เหมือนสายลมวูบหนึ่งจริงๆ

สิบสามยังดีหน่อย เพราะเป็นนักบู๊แดนปราณชีวิต เขาจึงตามทัน

แต่พวกหยวนเลี่ย หลังจากวิ่งอยู่พักหนึ่ง ก็ตามไม่ทันแล้ว

หอบหายใจอย่างรุนแรง พวกหยวนเลี่ยชะงักฝีเท้าลง

“ไม่ไหวแล้ว พี่ลู่ฝานวิ่งเร็วเกินไป เราตามไม่ทันแล้ว!”

ทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

พวกเขากัดฟัน ไม่ยอมโดนลู่ฝานทิ้งอยู่ข้างหลังแบบนี้ จึงวิ่งอย่างสุดชีวิตอีกครั้ง

ขณะกำลังวิ่ง จู่ๆ ทุกคนเห็นในทะเลไกลๆ มีทางสวรรค์ทางอื่นอีกด้วย

อีกทั้งบนทางสวรรค์เหล่านี้ เห็นกลุ่มคนอยู่รางๆ

ยิ่งพวกเขาวิ่งไปด้านในเรื่อยๆ ยิ่งเห็นทางสวรรค์เยอะขึ้น ผู้คนก็ยิ่งเยอะขึ้นด้วย

ชนชาติแปลกต่างๆ นานา ยักษ์ตัวสูงใหญ่ สัตว์อสูรคำราม เจอได้เรื่อยๆ อีกทั้งจุดหมายปลายทางของคนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับพวกเขา

ปลายทางที่เป็นจุดรวมตัวของทางสวรรค์เหล่านี้ ต้องเป็นจุดเดียวกันแน่นอน

ทันใดนั้น พวกหยวนเลี่ยเห็นเงาของลู่ฝานแล้ว

ตอนนี้ลู่ฝานยืนอยู่บนถนนสวรรค์ กำลังเงยหน้ามองอะไรบางอย่าง เงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน

“ลู่ฝาน เราตามนายทันสักที!”

หยวนเลี่ยพูดเสียงหอบ

หลังจากนั้นทั้งสามคนมองตามสายตาของลู่ฝาน เห็นภายในเมฆหมอกที่อยู่ไกลๆ มีรูปปั้นขนาดใหญ่ปรากฏออกมา

สูงเป็นอย่างมาก ถึงมีทะเลกว้างใหญ่กั้นอยู่ พวกเขาก็ยังสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นนี้ได้

นั่นเป็นชายสวมชุดเกราะทั้งตัว ชักกระบี่ขึ้นไปบนฟ้า แววตาของเขาเด็ดเดี่ยว ท่าทางของเขาดูยิ่งใหญ่ เกราะของเขามีรอยแผลเต็มไปหมด กระบี่ของเขากว้างและใหญ่มาก ราวกับบานประตู อีกทั้งบนกระบี่ของเขา มีตัวอักษรขนาดใหญ่สองตัว

“อู่อาน!”

เห็นรูปปั้นนี้ หยวนเลี่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า “นี่เป็นรูปปั้นของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งประเทศอู่อาน รูปปั้นของจักรพรรดิอู่!”

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ฉันรู้!”

ลู่ฝานพูดเช่นนี้ สายตาของเขาเอาแต่จ้องไปที่กระบี่เล่มนั้น

เหมือนกระบี่หนักไร้คมมาก!

ขณะนั้นกระบี่หนักไร้คมส่องแสงบางๆ ออกมา