ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ตูม ตูม ตูม………..
ในที่สุด ประกายแสงสามสายก็พุ่งออกจากร่างของจ้าวมนตราทั้งสาม ก่อนจะตรงเข้าหาซาแกรลาส ร่างของซาแกรลาสไถลถอยหลังไปไกล สภาพของมันในเวลานี้นับว่าทรุดโทรมอย่างถึงที่สุด มันเริ่มส่ายโงนเงนก่อนที่สุดท้ายจะล้มคว่ำลงกับพื้น มองจากภายนอกก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซาแกรลาสนั้นบาดเจ็บอย่างสาหัส
เมื่อได้เห็นฉากนี้ นิโคลัสก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เขาถือว่าบรรลุหน้าที่ในการคุ้มครองสามจ้าวมนตราจนร่ายเวทต้องห้ามจนสำเร็จแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเอง รยางค์เส้นหนึ่งก็เสียบทะลวงผ่านหน้าอกของเขา
นิโคลัสเบิกตากว้าง ก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงพื้นราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย
‘จบแล้วสินะ’
นิโคลัสยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่ความมืดจะเข้ากลืนกินสติสัมปชัญญะของเขา
สงครามได้ดำเนินมาถึงช่วงที่ดุเดือดที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นช่วงเวลาสุดท้ายของนิโคลัส
เซียวอวี๋ที่ต่อสู้อยู่ จู่ๆในใจของเขาก็พลันรู้สึกหนักหน่วงราวสูญเสียสิ่งใดไป เขาหันไปมองที่การต่อสู้รอบตัว หากแต่ก็พบเห็นเพียงเหล่าฮีโร่ที่กำลังฟาดฟันกับฝูงปีศาจที่ถาโถมเข้าใส่ เมื่อไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ เขาจึงหันกลับไปพยายามฝ่าเข้าถึงตัวซาแกรลาส
นิโคลัส ผู้ซึ่งเป็นความหวังที่จะนำพาตระกูลขึ้นสู่จุดสูงสุดของทวีปกลับจากไปอย่างไร้ตัวตน สุดท้ายแล้ว โชคชะตาของเขาก็เป็นได้เพียงดาวประดับฟ้า หาใช่ดวงตะวันที่ส่องแสงตลอดไปไม่
หลังจากใช้เวทต้องห้ามออกไป เส้นผมบนศีรษะของทั้งสามก็เปลี่ยนเป็นขาวโพลน ทั้งยังดูแก่ชราลงไปมากจนแทบไม่หลงเหลือกลิ่นอายแห่งชีวิต
“มู่เสวี่ย….” ธีโอดอร์เปล่งเสียงที่แหบแห้งออกมา
มู่เสวี่ยที่ได้ยินก็รีบใช้เทเลพอตมาที่ข้างกายของธีโอดอร์ทันที
“มู่เสวี่ย….จง….จงรับ…สิ่งนี้….นี่เป็น…..สิ่งที่สามารถ…..ฆ่า…ซาแกรลาส จงใช้…ให้ดี….พวกข้าดีใจ….ที่มีเจ้า….เป็นศิษย์….ทวีปในภายหน้า…..ต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว……”
ธีโอดอร์ระบายลมหายใจพลางยิ้มออกมา เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่ายุคที่มีหลินมู่เสวี่ยอยู่จะต้องดีกว่ายุคของเขา หลินมู่เสวี่ยจะต้องทำหน้าที่ได้ดีเป็นแน่…..
“ท่านอาจารย์……” ใบหน้าของหลินมู่เสวี่ยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“อย่าร้อง…..เจ้าคือผู้พิทักษ์….เจ้าจะต้องปกป้องผู้คน…..ดังนั้นจงเข้มแข็ง….เด็กเอย……..” เฟอร์กูสันที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันเบา
หลินมู่เสวี่ยพยักหน้ารับทั้งน้ำตาพลางรับสิ่งของที่ธีโอดอร์ส่งให้
สิ่งที่ธีโอดอร์มอบต่อหลินมู่เสวี่ยก็คือดวงตาแปลกประหลาดดวงหนึ่ง ซึ่งมันก็คือดวงตาของคฑูน
นี่เป็นดวงตาของคฑูนที่ครั้งหนึ่งเซียวอวี๋ต้องการครอบครอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ยอมให้จ้าวมนตราทั้งสามเก็บเอาไว้ สิ่งนี้นับว่ากักเก็บไว้ซึ่งพลังอันมหาศาลของคฑูน
คฑูนนั้นเป็นเทพผู้ทรงพลังจากยุคบรรพกาล พลังทั้งหมดทั้งมวลของมันล้วนถูกเก็บเอาไว้ที่ดวงตา หลังจากถูกหลอมกลั่นจนกลายเป็นอาวุธเวท อานุภาพของมันยังทรงพลังยิ่งกว่าการใช้เวทต้องห้ามเสียอีก
สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับตัวตนเช่นซาแกรลาส
และตอนนี้ มันก็กำลังจะถูกนำมาใช้เพื่อปิดฉากซาแกรลาสที่เจ็บสาหัส
“ฆ่ามัน!” เซียวอวี๋คำรามพลางนำเหล่านักรบบุกเข้าหาซาแกรลาส แต่แม้ว่าซาแกรลาสจะบาดเจ็บอย่างหนัก ทางด้านของเหล่าฮีโร่เองก็มีสภาพแทบไม่แตกต่างกัน ล้วนแต่บาดเจ็บกันถ้วนหน้า
ถึงตอนนี้ก็เหลือผู้ที่ยังต่อสู้ได้จริงๆอยู่ไม่มาก กระทั่งเซียวอวี๋เองก็มีสภาพราวกับขอทาน การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งล้วนสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็เห็นดวงตาขนาดใหญ่ดวงหนึ่งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาดวงนั้นมีกลิ่นอายอันลึกลับสุดหยั่ง ผู้ที่จ้องมองมันล้วนแต่รู้สึกราวกับถูกมองทะลุปรุโปร่งไปถึงวิญญาณ
“นั่นมัน…..” เมื่อได้มอง เซียวอวี๋ก็จดจำออกในทันที นั่นคือดวงตาของคฑูน นี่เป็นว่าจ้าวมนตราทั้งสามหลอมสามารถมันให้กลายเป็นอาวุธเวทได้จริงๆ
หากจะมีตัวตนใดที่เซียวอวี๋คิดว่าเทียบเคียงกับซาแกรลาสได้ แน่นอนว่าเขาย่อมตอบว่าคฑูน ความแข็งแกร่งของคฑูนนั้นจัดอยู่ในระนาบเดียวกับซาแกรลาส แม้อาจจะอ่อนด้อยกว่าอยุ่บ้างก็ตาม
แม้กระนั้น มันก็เพียงพอจะจัดการซาแกรลาสแล้ว
เมื่อได้เห็นดวงตาของคฑูน ซาแกรลาสก็ตกตะลึง นั่นก็เพราะว่ามันเองก็รู้จักเจ้าของดวงตาดวงนี้ ทั้งยังทราบดีถึงอำนาจที่คฑูนครอบครอง
“เจ้า…คฑูน!……”
ซาแกรลาสต้องการจะหลบหลีก ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว หลินมู่เสวี่ยได้เค้นพลังเวททั้งหมดเพื่อใช้ออกในเวลานี้เอง พลังเวทสูงเทียมฟ้าที่ปรากฏในเวลานี้ยังสูงล้ำกว่าของจ้าวมนตราทั้งสามรวมกันเสียอีก
แสงทำลายล้างจากดวงตาของคฑูนพุ่งเข้าใส่ร่างของซาแกรลาส ขณะที่ใบหน้าของซาแกรลาสปรากฏเค้าความหวาดกลัวขึ้นเป็นครั้งแรก
ลำแสงทำลายล้างสายนี้มีพลังพอที่จะทำลายตัวมัน
ตูม……………..
แสงสว่างสาดกระจายออกรอบทิศราวกับทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาว
ซาแกรลาสเดิมทีก็บาดเจ็บจนแทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว และเมื่อรับลำแสงทำลายล้างสายนี้เข้าไป ร่างกายของมันก็ถูกทำลายลงในทันที
ไม่!!!………
ซาแกรลาสกรีดร้อง จากนั้นรอยแยกมิติขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นและดูดเอาวิญญาณของซาแกรลาสเข้าไปก่อนที่รอยแยกจะปิดตัวลง
ฟุ่บ……
เมื่อวิญญาณของซาแกรลาสถุกดูดออกไปนอกห้วงมิติ สงครามก็เป็นอันจบลง ร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณของมันแหลกสลายกลายเป็นฝุ่น
เซียวอวี๋ทิ้งตัวลงคุกเข่าพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า เขารู้สึกราวกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง หลังจากเงียบสงัดอยู่นาน เสียงโห่ร้องก็ระเบิดขึ้นทั่วสนามรบก่อนที่มนุษย์จะวิ่งโถมเข้าจัดการฝูงปีศาจที่หมดสิ้นขวัญกำลังใจ……….