บทที่ 6 บทที่ 112 พิสูจน์

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

หากมองในมุมมองของสมาคม ก็จะพบว่าช่วงนี้เด็กใหม่อย่างไท่อินจื่อมักจะออกไปตอนเช้าและกลับเข้ามาตอนเย็นเสมอ หายตัวไปทั้งวัน ลึกลับยิ่งกว่าเจ้าของสมาคมลั่วเสียอีก ราวกับว่าได้เข้าร่วมคาบวิชาบำเพ็ญอันลึกลับอย่างนั้น 

 

แน่นอนว่าเจ้าของสมาคมลั่วมักไม่ถามเรื่องการไปการมาของพนักงาน 

 

ในความเป็นจริงมีเพียงแค่ไท่อินจื่อที่กลับมาเป็นประจำ…ภูตดำหมายเลขสิบแปด ยิ่งไม่ได้กลับมานานแล้ว 

 

แน่นอนว่าเจ้าของสมาคมลั่วไม่ค่อยใส่ใจในจุดนี้สักเท่าไหร่ เกรงว่าระดับความอิสระที่เขามอบให้แก่ทูตภูตดำคงมากกว่าเจ้าของสมาคมคนก่อนหลายเท่า 

 

 “แปลกจริง ไท่อินจื่อ วันนี้นายไม่ได้ออกไปข้างนอกเหรอ” 

 

ลั่วชิวนั่งกินชีสเค้กที่คุณหนูสาวใช้เพิ่งทำเสร็จอยู่ในห้องโถงมองไท่อินจื่อครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ 

 

 “เรื่องนั้น…ข้า…” ไท่อินจื่อกลอกตาไปมาจากนั้นก็รีบพูดว่า “ข้าคิดได้แล้ว ข้าอยากจะอยู่ข้างกายนายท่าน คอยฟังคำสั่งสอนจากท่าน” 

 

ลั่วชิวรับผ้าเช็ดหน้ามาจากโยวเย่ หลังเช็ดริมฝีปากแล้วถึงพูดว่า “ไท่อินจื่อ นายเปลี่ยนเป็นรักเรียนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” 

 

 “ข้า…ข้ากำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อะฮ่าๆ…” ไท่อินจื่อยืดอกพูดว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อาจถอยหลังเข้าคลอง ดังนั้น…ดังนั้นข้าต้องพัฒนาตนเอง!” 

 

 “เช่นนั้นหรอ” ลั่วชิวพยักหน้า ดูคล้ายจะชอบฟังคำพูดเหล่านี้ของไท่อินจื่อมาก แต่ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหน้าและพูดว่า “แต่น่าเสียดาย เพราะอีกครู่เดียวฉันก็จะพาโยวเย่ออกไปข้างนอกสักหน่อย” 

 

ดวงตาของไท่อินจื่อเปล่งประกาย แต่กลับขยับริมฝีปากทำท่าทางเหมือนถูกทำร้ายอย่างหนักมา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก! ขาดไปเพียงแค่วันสองวันไม่เป็นปัญหาอะไร นายท่านมีธุระต้องไปทำ เรื่องนั้นสำคัญกว่า!” 

 

คิดไม่ถึงว่าคุณหนูสาวใช้จะพูดในตอนนี้ว่า “นายท่าน สามารถรออีกเดี๋ยวได้ไหม วันนี้โยวเย่ยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลย” 

 

 “งั้นหรอ…งั้นก็ได้ รออีกเดี๋ยวเถอะ” ลั่วชิวยิ้มพยักหน้าอนุญาต 

 

แต่ทันใดนั้นไท่อินจื่อก็ลุกขึ้นมาและพูดว่า “คุณหนูโยวเย่ เรื่องของนายท่านนั้นเป็นเรื่องสำคัญ พวกเราเป็นคนใช้จะต้องรีบทำ ใช่หรือไม่!” 

 

 “โอ้? ไท่อินจื่อ คำพูดนี้ของนายทำให้ฉันโต้แย้งไม่ได้เลย” คุณหนูสาวใช้หรี่ตาลง “นายคิดจะพูดอะไรงั้นเหรอ” 

 

ไท่อินจื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณหนูโยวเย่สามารถออกไปเป็นเพื่อนกับนายท่านได้ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ท่านจะให้นายท่านรอได้อย่างไร ท่านดูสิ เรื่องทำความสะอาดมอบให้ข้าเป็นอย่างไร ส่วนท่านก็จะได้ออกไปกับนายท่านได้สะดวก” 

 

 “มอบให้นายเหรอ” โยวเย่พูดเบาๆ “ไท่อินจื่อ นายกระตือรือร้นจริงๆ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยวางใจขึ้นมา” 

 

 “ข้าขอใช้หัวเป็นประกัน จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน!” 

 

ไท่อินจื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ข้าจะไม่ทำให้อะไรเสียหาย! และจะไม่เคลื่อนไหวสิ่งของที่นี่โดยพลการ หากเคลื่อนไหวโดยพลการ ข้า…ข้ายินดีเพิ่มระยะเวลาการรับใช้ไปอีกสิบปี” 

 

 “แค่สิบปีเองเหรอ” คุณหนูสาวใช้ยิ้มและพูดว่า “ขี้เหนียวจริงๆ” 

 

 “เช่นนั้นก็…เพิ่มอีกหนึ่งวันเป็นไง” ไท่อินจื่อกลืนน้ำลาย 

 

ลั่วชิวกลับหัวเราะขึ้นมาในตอนนี้และพูดว่า “เอาล่ะ โยวเย่ อย่าแกล้งเขาอีกเลย ยากที่จะเห็นเขาจริงจังขนาดนี้ ฉันชอบมาก ทำตามที่ไท่อินจื่อพูดเถอะ บางครั้งเธอก็ควรปล่อยวางบ้าง” 

 

 “ใช่ๆๆ นายท่านพูดถูก เป็นแบบนี้แหละ คุณหนูโยวเย่ลำบากแล้ว บางครั้งก็ควรปล่อยวางออกไปพักผ่อนบ้าง” ไท่อินจื่อรีบพูดโน้มน้าว 

 

คุณหนูสาวใช้พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ในเมื่อนายท่านก็พูดเช่นนี้…เช่นนั้นก็เอาเถอะ ไท่อินจื่อ นี่เป็นกุญแจห้องเก็บของ นายอย่าทำหายล่ะ กลับมาฉันจะตรวจสอบ” 

 

กุญแจเงินยาวดอกหนึ่งโผล่ออกมากลางอากาศที่ตรงหน้าไท่อินจื่อ เด็กใหม่ผู้นี้ทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอและรีบพูดว่า “แน่นอน! แน่นอน!” 

 

 “เช่นนั้นนายท่านรอสักครู่ โยวเย่ขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” 

 

 “เป็นเกียรติของฉันแล้ว” เจ้าของสมาคมลั่วยิ้มใช้สายตาส่งคุณหนูสาวใช้ขึ้นบันไดไป 

 

… 

 

ไม่นาน คุณหนูสาวใช้ก็มาคล้องแขนเจ้าของสมาคม ทั้งสองคนเคียงคู่กันออกจากประตูไป ไท่อินจื่อ มอบที่นี่ให้นายดูแลแล้ว 

 

ถึงตอนนี้ภูตดำมือใหม่ถึงถอนหายใจได้ 

 

หลังผ่านไปสักพัก ไท่อินจื่อคำนวณเวลาและแน่ใจว่านายท่านจะไม่กลับมาอย่างกะทันหันแล้ว 

 

ไท่อินจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง มองกุญแจเงินโบราณในมือ จากนั้นก็รีบเดินไปที่หน้าประตูห้องเก็บของ มือสั่นเล็กน้อยขณะเปิดประตูและเดินเข้าไป 

 

เขากวาดตามองและเดินไปยังหน้าตู้เก็บของหลังหนึ่งโดยไม่พูดอะไร เปิดประตูกระจกและเอาของที่อยู่ด้านในออกมา เป็นเบสที่เจ้าของสมาคมลั่วใช้เงินหนึ่งพันหยวนซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้ 

 

 “เพื่อนรัก…” ไท่อินจื่อพึมพำ “หากไม่เห็นว่าทุกคนล้วนแต่มีความเชื่อแล้ว…ข้าจะไม่สนใจเจ้าเลย! ถุย!” 

 

… 

 

… 

 

 “ฉันจะลงรถตรงนี้ นายรอฉันแป๊บหนึ่ง” เฉิงอี้หรานพูดกับคนขับรถ 

 

นี่เป็นรถของบริษัทเฟยอวิ๋น เอนเทอร์เทนเมนต์ จำกัด สำหรับคนขับ แน่นอนว่าเพราะเป็นเด็กใหม่คนสำคัญของบริษัทดังนั้นจึงได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ “ได้ครับ คุณเฉิง ผมจะจอดรอคุณตรงที่จอดรถด้านหน้า” 

 

เฉิงอี้หรานไม่พูดมาก รีบเปิดประตูรถออกและเดินเข้าไปในซอยอย่างรวดเร็ว 

 

เขาคุ้นเคยกับเขตนี้ ดังนั้นเพียงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ไม่นานก็ถึงไนต์คลับแห่งนั้นแล้ว เขามองเห็นร้านขายไข่ปลาได้จากที่ไกลๆ และก็มองเห็นเถ้าแก่ร้านอวี๋ต้านเฉียง 

 

เฉิงอี้หรานรีบเดินเข้าไปที่ด้านหลังอวี๋ต้านเฉียงและร้องเรียก 

 

อวี๋ต้านเฉียงรีบวางของในมือ เท้าคีบรองเท้าแตะสีฟ้าเดินมาตรงหน้าเฉิงอี้หราน “ไอ้หยา น้องชาย นายมาเร็วจริงๆ” 

 

 “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย คุณบอกว่าพบคนแล้ว จริงเหรอ” เฉิงอี้หรานพูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง 

 

อวี๋ต้านเฉียงหยักไหล่และพูดว่า “จริงสิ ข้าไม่เคยหลอกใคร โน่น มองเห็นไหม? ตาเฒ่าหัวระเบิดที่นั่งกินบะหมี่ทางนั้น” 

 

เฉิงอี้หรานชะงัก ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เถ้าแก่ คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม ผมมาตั้งไกลเลยนะ คุณอย่าหลอกผม…ผมจำได้ว่าครั้งก่อนคุณบอกว่าเป็นคนหนุ่ม” 

 

 “ถุย…ฉันพูดว่าคนหนุ่มเหรอ” อวี๋ต้านเฉียงชะงักจากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่แน่นอน เป็นตาเฒ่าหัวระเบิดคนนี้แหละ เห็นได้ชัดขนาดนี้ ฉันจะจำผิดได้ไง หากนายไม่เชื่อก็ลองไปถามดูเอง” 

 

เฉิงอี้หรานหมดทางเลือกทำได้เพียงเดินไปหน้าโต๊ะนั้นอย่างลังเล…มองดูตาเฒ่าหัวระเบิดสวมเสื้อลาย กางเกงขาเดฟรวมไปถึงรองเท้าหนังจระเข้ 

 

แต่งตัวบ้าอะไรเนี่ย 

 

แต่เฉิงอี้หรานก็รู้สึกถึงกลิ่นอายความเก่าแก่อันเข้มข้นจากตัวตาเฒ่าคนนี้ “ผู้เฒ่าท่านนี้ ขอถาม…” 

 

ตาเฒ่าหัวระเบิดเงยหน้าขึ้นมา ท่าทางดูรำคาญมาก “ทำอะไร มีเรื่องอะไร ฉันรู้จักนายเหรอ” 

 

เฉิงอี้หรานขมวดคิ้ว…เสียงนี้คุ้นมาก แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน 

 

แต่เขาก็ไม่ซักไซ้ แต่พูดอย่างรวดเร็วว่า “ผมได้ยินเถ้าแก่ร้านขายไข่ปลาพูดว่า ก่อนหน้านี้คุณเคยซื้อเบสมาจากเขาใช่ไหม” 

 

 “เบสเหรอ” ตาเฒ่าหัวระเบิดเกาหัว จากนั้นก็พูดว่า “อ๋อ…นายพูดถึงเบสนั่น ใช่ ไม่ผิด ทำไม นายมีปัญหางั้นเหรอ” 

 

เฉิงอี้หรานดีใจมากรีบนั่งลงและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า เบสตัวนี้สำคัญกับผมมาก คุณช่วยขายให้ผมได้ไหม” 

 

 “นายต้องการซื้อเหรอ” ตาเฒ่าหัวระเบิดขมวดคิ้วพูดว่า “แต่ฉันก็ชอบมาก อีกอย่างฉันก็ใช้เงินซื้อมา ทำไมต้องขายให้นายด้วย” 

 

เฉิงอี้หรานสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผู้เฒ่า เบสตัวนี้สำคัญกับผมมาก และก็สำคัญต่อเพื่อนของผมด้วย คุณคิดราคามาเถอะ ผมจะให้เป็นสองเท่าเลย” 

 

คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่าหัวระเบิดจะตบโต๊ะอย่างรุนแรง สบถว่า “ชิ ปัญหาอยู่ที่เงินงั้นเหรอ ตาไร้แวว ข้า…ข้าดูเหมือนคนที่ทำเพื่อเงินงั้นเหรอ” 

 

 “ขอโทษด้วยๆ ผู้เฒ่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณอย่าเพิ่งโมโหไป” เฉิงอี้หรานรีบพูด “ผม…ผมใจร้อนไปหน่อย เพราะมันสำคัญกับผมมากจริงๆ ดังนั้นผมถึงได้ร้อนใจ” 

 

ตาเฒ่าหัวระเบิดกลับขมวดคิ้วและพูดว่า “สำคัญต่อนายมากจริงๆ งั้นเหรอ” 

 

เฉิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า 

 

ตาเฒ่าหัวระเบิดสบถ “ในเมื่อเป็นของสำคัญแล้วทำไมถึงขายทิ้ง ในเมื่อขายทิ้งแล้วทำไมยังสำคัญอีก” 

 

เฉิงอี้หรานยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน แต่ผู้เฒ่าโปรดเชื่อผม มันสำคัญกับผมและเพื่อนมากจริงๆ ดังนั้น ถ้าทำได้ ขอท่านผู้เฒ่าเอ็นดูด้วย” 

 

ตาเฒ่าหัวระเบิดครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมองเห็นสีหน้าของเฉิงอี้หรานร้อนใจมาก จากนั้นถึงได้พูดช้าๆ ว่า “ขายให้นายก็ได้ แต่นายต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นก่อนว่ามันสำคัญกับนายจริงๆ” 

 

 “พิสูจน์?” เฉิงอี้หรานชะงัก…เขาจะพิสูจน์อย่างไร