อันที่จริงอันจี๋อวี่อยากจะได้กุนซือที่ร้ายกาจสักคน ถ้าจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นพรวนแบบนี้ได้ เขาก็ยินดีจ่ายให้ได้ทั้งหมดเท่าที่มีเลย
ตอนนี้ใช้คำว่า ‘ยุ่งเหยิงปั่นป่วน’ มาบรรยายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ก็น่าจะได้ เขายังหาคนมาร่วมมือไม่ได้ ดูท่าว่าตอนนี้เพราะปัญหาพวกนี้ ต่อให้เป็นพวกที่เคยคิดอยากจะร่วมมือกับบริษัทเขาอย่างมากก็คงไม่เหลือแล้ว
ดูเหมือนเรื่องราวดำเนินมาจนถึงปากทาง พูดให้ชัดเจนก็คือเข้าสู่ทางตันที่ถูกปิดกั้นไว้อย่างแน่นหนา ไม่เห็นอนาคตของบริษัทว่าจะไปทางไหนได้
การที่ต้องเจอกับปัญหาพวกนี้นั้น อันจี๋อวี่โกรธมาก เขาโยนความผิดทั้งหมดไปที่ฮั่วเทียนอวี่ ถ้าหากเขาไม่ได้มาบริษัทตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมาจนมุมแบบนี้
เมื่อครู่เขามัวแต่สนใจว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาพวกนี้ ไม่ได้นึกถึงว่าเจ้าตัวต้นเหตุนั่นยังอยู่ ไม่ได้รับการลงโทษ
พอนึกได้เขาลงมือทันที อันจี๋อวี่ขมวดคิ้ว รีบโทรออกสายหนึ่ง “คุณรีบหาคนมารอที่หน้าประตูผมสักหลายคนนะ” น้ำเสียงเขาแน่วแน่มาก ต้องการให้ลูกน้องเขารีบไปจัดหากำลังคนมา เขาจะได้ไปทำเรื่องหนึ่ง
ตอนนี้เกิดเรื่องราวหนักหนาสาหัสขนาดนี้ อันจี๋อวี่เห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ไม่ว่าจะยังไงก็ยากจะหนีความผิดไปได้ เรื่องนี้ถ้าเขาไม่สามารถชี้แจงกับเขา อันจี๋อวี่คิดว่าเขาคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่
เขาเผลอตบโต๊ะปัง แต่ก็ยากจะคลายความอัดอั้นคับแค้นใจของเขาได้ ตอนนี้ยังต้องรีบไปเจอฮั่วเทียนอวี่จะได้ระบายความโกรธเขาออกไปได้บ้าง
อันจี๋อวี่สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ไม่นานนักก็พบตัวฮั่วเทียนอวี่ อันที่จริงฮั่วเทียนอวี่ก็ได้ยินข่าวแล้วว่า ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องพวกนี้ และไม่รู้ว่าอันจี๋อวี่มาหาเขาตอนนี้เพื่อเป้าหมายอะไรกันแน่
แต่พอเห็นสีหน้าอันจี๋อวี่ในตอนนี้ว่าโกรธจัด หัวฟัดหัวเหวี่ยงมาหาเขาแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“อัน…” นาทีนี้ฮั่วเทียนอวี่ไม่กล้าพูดแสดงความคิดเห็นตัวเองอีก ถึงยังไงอีกฝ่ายก็มากับคนเป็นฝูง ถ้าหากทำให้เขาโกรธ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องทำให้เรื่องนี้สงบจิตใจมาคุยกันดีๆ ให้ได้
ยังไม่ทันที่ฮั่วเทียนอวี่จะได้พูด อันจี๋อวี่ก็พูดแทรกขึ้นก่อน เห็นสีหน้าลำบากใจของฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่
“ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องพวกนี้ แกคงเห็นแล้วกระมัง” อันจี๋อวี่ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลในใจออกมา เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฮั่วเทียนอวี่ฟังตามจริงรอบหนึ่ง ทั้งยังเดินเฉียดผ่านหน้าเขาเป็นพักๆ อีก
ทั้งสองสบตากัน “แกรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทต้องเจอกับอะไรบ้าง? แกรู้ไหมว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเราขนาดไหน?” อันจี๋อวี่ถามต่อเนื่องมาสองคำถาม เขาอยากให้ฮั่วเทียนอวี่รู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้น
ฮั่วเทียนอวี่ก้มศีรษะ ขมวดคิ้ว ถึงแม้จะเข้าใจดีว่าเขามาพูดแบบนี้ในตอนนี้หมายความว่ายังไง แต่ถ้าตอนนี้เขาตอบว่ารู้ ผลคงจะอนาถยิ่งกว่านี้แน่
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ” อันจี๋อวี่ล้วงมือออกจากกระเป๋ากางเกง ชี้ที่ศีรษะของฮั่วเทียนอวี่ เข่นเขี้ยวอยากจะต่อยเขาซักหมัดตอนนี้เลย
“ผลออกมาเป็นแบบนี้ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ความตั้งใจของผมก็อยากจะให้บริษัทเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นเหมือนกัน” ฮั่วเทียนอวี่พูดอย่างร้อนใจ สีหน้าอับจน ผลออกมาเป็นแบบนี้เขากับอันจี๋อวี่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
อันจี๋อวี่ได้ยินแล้วเหมือนฟังเรื่องตลก คำพูดสวยๆ แบบนี้ ถึงคราวที่ต้องเอาตัวรอดใครก็พูดออกมาได้
“แกเห็นฉันโง่นักรึไง ถึงตอนนี้แล้วยังจะเชื่อคำพูดไร้สาระพวกนี้อีก” อันจี๋อวี่กระแอมทีหนึ่ง เมื่อครู่เขาโมโหฉุนเฉียวเกินไปจริงๆ แต่ตอนนี้ต่อให้เขาระบายโทสะกับฮั่วเทียนอวี่ที่นี่ ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้อยู่ดี
ตอนนี้ไม่ว่าฮั่วเทียนอวี่จะพูดอะไร อันจี๋อวี่ก็จะเห็นว่าเขาแค่พูดแก้ต่างให้ตัวเองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ขนาดนี้
อันจี๋อวี่ก็คอยสังเกตดูสีหน้าท่าทีของเขาอย่างจริงจัง วันนี้ที่เขาพาลูกน้องมาด้วยหลายคนก็ไม่ได้มาเสียเปล่า
ขณะที่เขาคิดอยู่นั้นได้ให้สัญญาณลูกน้องลงมือ วันนี้เขาต้องให้บทเรียนกับฮั่วเทียนอวี่สักครั้ง พอเห็นผู้คนตรงหน้าตั้งท่าจะลงมือ ฮั่วเทียนอวี่ก็หลุดสีหน้าปั้นยากออกมา
ขณะที่เขากำลังคิดว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดีนั้น ก็เคลื่อนตัวถอยหลังไปเรื่อยๆ
“ท่านประธานอัน ผมรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์บริษัทเป็นยังไง ผมจะชดเชยความผิดของผม” ฮั่วเทียนอวี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ปากของเขาจึงพูดได้จังหวะดีขนาดนี้
“ฉันคิดมาตั้งนาน ยังคิดหาวิธีไม่ได้ แกจะมาคิดอะไรได้” อันจี๋อวี่หน้าแดงก่ำ เพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาอับจนสิ้นหนทาง พอฟังฮั่วเทียนอวี่พูดแบบนี้ ทำให้ความคิดที่จะสั่งสอนฮั่วเทียนอวี่เมื่อครู่สั่นคลอนขึ้นมา
“ผมมีวิธีจริงๆ นะ พวกคุณอย่าเพิ่งทำอะไรผมได้ไหม” ฮั่วเทียนอวี่ยังถอยไปเรื่อยๆ เขาโพล่งขึ้นเพราะเห็นว่าด้านหลังเขาไม่เหลือทางให้ถอยสักเท่าไรแล้ว และไม่รู้ว่าจะถอยไปไหนได้อีก
คิดไม่ถึงว่าอันจี๋อวี่จะโกรธขนาดนี้ ตอนนี้คิดจะหนีเอาตัวรอดคงไม่มีทางซะแล้ว
“พูดมาซิแกมีวิธีอะไรหือ?” คราวนี้อันจี๋อวี่ไม่โมโหแต่กลับยิ้ม ทำสัญญาณให้พวกลูกน้องถอยไป ไม่ให้เข้าหาฮั่วเทียนอวี่อีก
เขาอยากจะรู้นักว่า ฮั่วเทียนอวี่มีวิธีอะไรกันแน่ที่จะช่วยอันซวี่กรุ๊ปได้ รับฟังไปพลางอันจี๋อวี่ก็คิดประเมินไปด้วย ตัวเขาเองตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก ดังนั้นตอนที่ฮั่วเทียนอวี่บอกว่ามีวิธีรับมืออันจี๋อวี่จึงรีบให้ลูกน้องเขาหยุดมือ
“ท่านประธานอัน คุณเชื่อผมนะ ผมจะเอาชนะอุปสรรคคราวนี้ให้ได้ ผมต้องทำได้แน่” ฮั่วเทียนอวี่พูดอะไรไปตั้งมาก เปลืองน้ำลายพูดจนคอแหบคอแห้ง
ฮั่วเทียนอวี่มองตาอันจี๋อวี่เห็นสายตาเขากำลังครุ่นคิด ก็รู้ว่าตัวเองมีโอกาสแล้ว ขอแค่ตอนนี้เขาพูดให้ความหวังดีๆ ไป เชื่อว่าอันจี๋อวี่จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่จับเขาไม่ปล่อย
อันที่จริงอันจี๋อวี่ก็กำลังช่างน้ำหนักข้อดีข้อเสียอยู่ คิดว่าเรื่องนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรกันแน่ ในเมื่อทุกคนไม่มีใครหาทางแก้ได้ เขาเห็นคนตรงหน้าพูดซะเชื่อมั่นขนาดนี้ ก็ได้แต่เชื่อเขาอีกสักครั้ง
ได้แต่ลองดูกันสักตั้ง เขาอยากจะดูว่าฮั่วเทียนอวี่มีวิธีอะไรกันแน่ ถึงแม้อันจี๋อวี่จะบริหารงานมานาน แต่บริษัทประสบปัญหาหนักคราวนี้ยังทำให้เขาปวดหัวมาก อย่างนั้นก็ยกปัญหานี้ให้ฮั่วเทียนอวี่ไปจัดการก็แล้วกัน
บางทีเขาอาจจะมีทางออกก็ได้ นี่เป็นทางออกเพียงหนึ่งเดียวที่อันจี๋อวี่คิดได้ในขณะนี้