บทที่ 601 สามีของฉัน เป็นวีรบุรุษ 2

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ในปีนั้นหลังจากที่เขาส่งข่าวให้กับขุนนายว่าแผนการล้มเหลว กลับถึงเมืองA ทั้งสองแม่ลูกนี้ก็ได้หายตัวไป ตอนนั้นธนากรบอกกับเขาว่า เขาไม่สามารถช่วยสองแม่ลูกนี้ได้

เขาได้ฟังดังนั้น โศกเศร้ามาก จึงด่าเขาออกไปอย่างรุนแรง

แต่หลังจากนั้น เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่แบกความเสียใจเอาไว้ แล้วก็กลับบ้านเกิดกับภรรยาญาณีที่พึ่งจะแต่งงานกัน

ใครจะไปคิด ธนากรคนนี้จะโกหกเขา ความจริงแล้วเขาได้ช่วยพวกเขาสองแม่ลูกเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังปกป้องพวกเขา เด็กน้อยก็เลี้ยงดูเหมือนกับลูกของตัวเอง

อีกทั้งคุณหนูรองตระกูลวิไลการ ก็ถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับในห้องใต้ดินมายี่สิบกว่าปี

ดิลกน้ำตาไหลขณะเดินเข้ามา

เพื่อไม่ให้เธอตกใจกลัวอีกครั้ง ครั้งนี้เขา ตั้งใจเว้นระยะห่างไกลออกมา หลังจากนั้น ก็นั่งยองๆอยู่ลงตรงข้ามกับเธออย่างระมัดระวัง

“น้องนิน ผมรู้ว่าคุณนั้นรู้ว่าผมเป็นใคร ขอโทษ ที่ในปีนั้นพี่ดิลกไม่ได้ปกป้องคุณสองแม่ลูกเอาไว้ ถ้าพี่ดิลกส่งข่าวให้กับผู้บัญชาการขุนนายได้ทันการ พวกคุณก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้”

พี่ขุนนาย?

ในที่สุด คำไม่กี่คำนี้ ทำให้หญิงสาวที่อยู่ในความมืดมนและความฝันอันเลวร้าย ค่อยๆมีสติขึ้นมา

“พี่ขุนนาย……เขาต้องมารับพวกเราแน่……”ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือลง ในแววตายังมีความตระหนกที่ยังไม่จางหาย และเต็มไปด้วยความหวังมองไปยังดิลก

ทันใดดิลกก็ถูกแววตาแบบนี้เสียดแทงเข้ามาอย่างเจ็บปวด

เขาถูกเธอเสียดแทงเข้าแล้ว

วันนั้นตอนเย็น ก่อนที่เขาจะออกไปได้วางแผนกับธนากรเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นหาที่สำหรับซ่อนตัวเธอที่กำลังตั้งครรภ์เอาไว้ก่อน ไม่ให้คนของตระกูลเทวเทพหาเจอ

หลังจากนั้นเขาก็จะไปหาขุนนาย

แต่ตอนนี้มองดูสีหน้าแววตาของเธอ เขาไม่กล้าคิดเลยว่า คืนนั้น เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง?

คนที่อยู่ดีๆคนหนึ่ง แป๊บเดียวถึงได้กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว!

“ใช่ เขาต้องมารับคุณแน่นอน พี่ดิลกไปหาเขามาแล้ว เขาให้ผมบอกกับคุณว่า จะต้องมารับคุณอย่างแน่นอน”ดิลกพูดจบลง หยิบของบางอย่างออกมาจากบนร่างกาย

นั่นเป็นเหรียญรางวัลอันหนึ่ง ไม่ใช่แบบที่ได้รับจากกองทัพในประเทศ แต่เป็นของสากล

ทำจากทองแดง เป็นโครงร่างของแผนที่โลกที่ล้อมรอบด้วยข้าวสาลีทั้งสองด้าน มีอักษรภาษาอังกฤษอยู่ด้านบนที่มีลายนูนออกมาอย่างแพรวพราว——รับใช้เพื่อความสันติภาพ!

ไม่ผิดหรอก นี่คือเหรียญรักษาสันติภาพ

อีกทั้งเจ้าของ ก็คือขุนนายในปีนั้น!

ภารานินได้เห็นแล้ว ทันใด หลังจากนั้นมองเห็นเพียงทั้งร่างของเธอสั่นเทา เธอตะครุบเข้ามาแย่งเหรียญรักษาสันติภาพอันนั้นมากุมเอาไว้แน่นอยู่บริเวณหน้าอกแล้วร้องไห้ออกมา

“นี่คือ……ของเขา สิ่งของของเขา เขาไม่ใช่……ไม่ใช่คนเลว ไม่ใช่คนเลว……”

เสียงร้องไห้ออกมานั้นเหมือนใจจะขาดความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง วินาทีนี้ ไม่ว่าใครได้ยินแล้ว ต่างรู้สึกถึงความเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ใช่น่ะสิ ขุนนายจะเป็นคนเลวได้อย่างไร?

เขาเพียงแค่เป็นคนที่มีความยึดมั่นในความคิดของตนเอง แค่ทำตามความเชื่อของตัวเอง

ยังมี เขาเพียงแค่กบฏต่อครอบครัว เลือกเดินตามทางของตัวเองแค่นั้น อีกทั้งคนคนนี้ที่ได้รับการยอมรับจากสากลว่าเป็นวีรบุรุษแห่งสันติภาพ ทำไมถึงได้ถูกคนใส่ร้าย?

ถึงแม้จะเป็นคนในตระกูล แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้!

ดิลกอดทนต่อความเจ็บปวดภายในใจเอาไว้ ค่อยๆเดินเข้ามา:“ใช่ คุณพูดไม่ผิดสักนิด เขาไม่ใช่คนเลว คุณเองก็ไม่ได้ทำร้ายเขา นี่เป็นทางเดินที่เขาเลือกเอง ดังนั้น คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง รู้หรือเปล่า”

ดิลกนั้นค่อนข้างฉลาดหลักแหลม

เขาทายออก ถ้าเพียงแค่ขุนนายเสีย ไม่แน่ว่า ผลกระทบต่อเธอที่ตอนนั้นกำลังตั้งครรภ์ มีลูกเป็นสายสัมพันธ์ เธอคงไม่ถึงกับเสียสติไป

เธอเสียสติ แน่นอนว่าคงมีเหตุผลบางอย่างที่ยากจะรับได้

อีกทั้งเหตุผลอันนี้ เป็นไปได้ว่าตระกูลเทวเทพกล่าวโทษเธอว่าเป็นคนที่ทำร้ายขุนนาย

คำพูดนี้พูดออกมา ภารานินที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ปรากกว่าค่อยๆสงบลง แม้แต่ความเจ็บปวดที่อยู่บนใบหน้า ก็เห็นว่าค่อยๆจางลง

“ที่คุณพูด……จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ฉัน……ที่เป็นคนทำร้ายเขา”

“ไม่ใช่หรอก เขาก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกทั้งเป็นวีรบุรุษ เขาจะถูกคุณที่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาทำร้ายได้อย่างไร คุณจำเอาไว้ ผู้บัญชาการขุนนายไม่เคยพูดว่าคุณเป็นคนทำร้ายเขา”

ดิลกมาถึงตรงหน้าของเธอ พูดกับเธออย่างจริงจังทีละคำ

ภารานิน:“……”

ร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง ครั้งนี้ น้ำตาของเธอไหลออกมามากกว่าเดิม

แต่ว่า ดิลกรู้ว่า ครั้งนี้ น้ำตาของเธอ เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เพราะว่าเธอได้ปลดล็อกตัวเองออกมาแล้วถึงได้ร้องไห้ออกมา

“ฉันไม่ร้อง ฉัน……ฉันให้กำเนิดลูกของเขา ลูกน้อยของเราได้เติบโตแล้ว เขาต้องดีใจอย่างแน่นอน”

เธอที่กำลังสะอึกสะอื้น ทันใดก็พูดออกมา พูดถึงแสนรัก

ดิลกยิ้มออกมา:“ใช่แล้ว น้องนินของพวกเราเก่งมาก กำเนิดลูกชายที่เก่งขนาดนี้ให้กับผู้บัญชาการขุนนายของพวกเรา เขาคงนอนตาหลับแล้ว”

“อืม!”

เธอพยักหน้าหงึกๆ ในที่สุดก็ยิ้มออกมาจนน้ำตาซึม

แสงดาวยังอยู่ที่ชั้นล่างรอทั้งสอง เธอคิดว่า การที่ดิลกขึ้นไปพูดคุยกับคนบ้านั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า!

สมองของเธอไม่ปกติ หรือว่าสมองของเขามีปัญหากันแน่?

หญิงสาวขมวดคิ้วมองไปข้างบน

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากเหมือนกับว่าดวงตาหล่นออกมา เธอรออยู่ในบ้านชั้นล่างสักพัก ครั้งนี้มองเห็นดิลกออกมาจากห้อง เธอกลับพบว่าภารานินเดินตามหลังเขามา