“งั้นพวกเราไปทานข้าวกันดีกว่านะ”
“ทานข้าว ทานข้าวกับลูกน้อย”
ในมือของภารานินอุ้มตุ๊กตาเอาไว้ ทั้งๆที่ดวงตายังบวมอยู่
แต่ว่า ตอนนี้ เธอว่าง่ายเป็นอย่างมาก
แสงดาวนึกว่าตัวเองเห็นผี
ผลลัพธ์ หลังจากที่ทั้งสองลงมา สาวใช้ยกอาหารเช้าขึ้นมา ภารานินไม่เพียงนั่งลงอย่างเรียบร้อย ยังนั่งติดกับดิลก อย่างว่าง่ายเป็นอย่างมาก
นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อ!
“คุณตา เหมือนคุณย่าจะชอบคุณนะ คุณดูสิ เธอนั่งติดกับคุณ เมื่อก่อนนั้นเธอนั่งติดกับน้องสาว”
หลังจากอิคคิวได้เห็นฉากฉากนี้ ดวงตาเล็กคล้ายพระจันทร์เสี้ยวจ้องมองไปจนดวงตากลมโต
รินจังได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด ยิ่งรู้สึกผิดหวัง เธอเบะปากออกมา แสดงออกมาว่าถูกคุณย่าทอดทิ้ง หลังจากนั้นก็น้อยใจเป็นอย่างมาก
ดิลกรู้สึกจนปัญญา
“พวกคุณอย่าได้โกรธไป ที่คุณย่าของพวกคุณตามติดผมนั้น เป็นเพราะว่าผมรับปากคุณย่าของพวกคุณว่า ตอนบ่ายจะพาเธอไปเที่ยวด้วยกัน”
“จริงเหรอ”
เด็กน้อยทั้งสามได้ยินดังนั้น ทันใดอะไรก็ไม่สนใจแล้ว แต่ละคนดีใจกระโดดโลดเต้น
“งั้นผมก็จะไปด้วย คุณตา คุณอย่าลำเอียงแบบนี้นะ พาแค่คุณย่าไป ไม่พาพวกเราไปด้วย”
“จริงด้วย คุณตา พวกเราก็เป็นดวงใจดวงน้อยๆของคุณเหมือนกัน จะไม่พาพวกเราไปด้วยได้ยังไงล่ะ”
รินจังนั้นตรงไปตรงมาที่สุด มือป้อมน้อยๆวางตะเกียบลง แล้วแขนป้อมๆขาน้อยๆของเธอก็ปืนลงมาจากเก้าอี้ หลังจากนั้นก็เดินไปหาคุณตาแล้วก็งอแงกลิ้งลงไป
ดิลกจะรับมือไหวได้อย่างไร
ตอนนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าตอนบ่ายจะพาเด็กๆทั้งสาม และภารานินด้วย ไปเดินเล่นด้วยกัน
แสงดาวที่มองอยู่ด้านข้าง อดที่จะเยาะเย้ยออกมาไม่ได้:“คุณลุงดิลก คุณพาออกไปทั้งหลายคนขนาดนี้ ทั้งเด็กทั้งแก่ ทั้งป่วยทั้งอ่อนแอ คุณไหวเหรอ”
ดิลกที่ปัญญาเป็นเลิศ:“เรื่องที่หลานเตือนจริงด้วย ไม่งั้น คุณก็ไปด้วยกันนะ”
แสงดาว:“……”
เชี้ย!
ตาแก่คนนี้!!
สุดท้าย วันนี้ตอนบ่าย แสงดาวกับดิลกทั้งสองคน จึงพาภารานินที่บ้าๆบอๆ และก็เด็กๆทั้งสามคนออกมาเดินเล่น
แต่ว่า พิจารณาจากความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พวกเขาจึงไม่ได้ไปไหนไกลนัก ไปแค่สวนสาธารณะที่อยู่บริเวณใกล้ๆ
“ผมอยากเล่นกระดานลื่น”
“หนูอยากเล่นทราย”
“อืม”
หลังจากที่พวกเด็กๆมาถึงสวนสาธารณะ เมื่อได้มองเห็นสนามเล่นเด็กของที่นั่น จึงรีบวิ่งไปเล่นทันที แม้แต่ชินจังที่ปกติไม่ค่อยชอบเล่น ยังตามน้องชายไปด้วยกัน
เด็กๆไปเล่นกันแล้ว ถ้าแสงดาวไม่อยากดูแลภารานินละก็ งั้นก็ทำได้เพียงดูแลเด็กๆพวกนี้
ดิลกมองดูสถานการณ์แล้ว จึงพาภารานินเดินไปที่บ่อปลาด้านโน้น
“น้องนิน พวกเราไปเดินเล่นด้านโน้นกัน”
“อืม”
ตอนนี้ภารานินเชื่อฟังดิลกเป็นอย่างมาก ได้ยินว่าไปเดินเล่นที่บ่อปลา เธอที่อุ้มตุ๊กตาอยู่ในมือก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย
ในหน้าหนาวบ่อปลานี้ ความจริงแล้วไม่มีอะไรน่าสนุก ดอกบัวที่ปลูกเอาไว้ยังไม่มีเลย เหลือเพียงหญ้าที่อยู่ในนั้น แต่ว่า เป็นแบบนี้แล้ว ปลาหลากชนิดที่เลี้ยงไว้เอา ยิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“อยากให้อาหารปลาไหม”
“อยาก!”
ภารานินที่สติฟั่นเฟือน มองเห็นปลาที่อยู่ในบ่อว่ายกระโดดไปมา จึงอดใจไม่ไหวที่จะตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อได้ยินว่าสามารถให้อาหารปลาได้ จึงรีบตอบรับทันที
ดิลกจึงไปซื้ออาหารปลามาสองห่อแล้วยื่นให้เธอ
ในขณะที่กำลังให้อาหารปลา เป็นไปได้ว่ามีคนเห็นภารานินที่อายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ลักษณะท่าทางกลับเหมือนกับเด็กน้อย จึงมีคนเกิดความประหลาดใจขึ้นมา
“คุณผู้ชายครับ เธอเป็นคนในครอบครัวของคุณหรือเปล่า”
“อืม”
ดิลกมองไปยังชายหนุ่มที่เดินมา จึงยอมรับออกไปอย่างไม่คิดอะไร
ชายหนุ่มคนนี้ได้ยินดังนั้น ทันใดจึงแสดงแววตาชื่นชมและอิจฉาออกมา:“คุณเป็นคนดีจริงๆ คุณป้าคนนี้คงจะป่วยอยู่ใช่ไหมครับ คุณจึงดูแลเธอเหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง”
“คุณก็พูดเกินไป ผมก็แค่พาเธอออกมาเดินเล่น”
ดิลกพูดออกมาอย่างเขินๆนิดหน่อย
คนที่ลงแรง ตอนนั้นไม่ถือว่าเป็นเขา นั่นคือธนากรต่างหาก หลายปีมานี้ ถึงแม้ว่าภารานินจะถูกกักตัวเอาไว้ที่ห้องใต้ดิน แต่เขาก็ได้ยินมาว่า ห้องใต้ดินอันนั้นหรูหราเป็นอย่างมาก ไม่ได้แย่ไปกว่าด้านบนสักนิด
อีกทั้งเดิมทีร่างกายของภารานินนั้นแข็งแรงดี นอกจากสติสัมปชัญญะแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรด้อยลงไป
ดังนั้น สามารถมองออกได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้ ธนากรดูแลเธอดีเธอดีจริงๆ
ชายหนุ่มกลับนึกว่าเขาถ่อมตัว ตอนนี้ ดวงตาของเขาจึงมองไปที่ภารานินที่กำลังให้อาหารปลาอยู่
“แต่ว่า มองดูคุณยายท่านนี้แล้วก็คงควรค่าให้คุณดูแลเธอ ตอนเธอยังสาว คงงดงามไม่น้อย ดูเธออายุขนาดนี้แล้ว ใบหน้าของเธอยังคงงดงาม”
“อันนี้……”
ดิลกไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี
ภารานินตอนยังสาวนั้น แน่นอนว่างดงามอย่างมาก ไม่งั้น ขุนนายก็คงไม่มีรักแรกพบกับเธอ
อีกทั้งสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในตัวบุคคลคือ เธอยังไม่หลงในรูปลักษณ์ จิตใจสะอาดบริสุทธิ์
ในปีน้ัน หลังจากเข้ามาในตระกูลหิรัญชา พี่สาวของเธอภาราดาเพราะเห็นว่าเธอนั้นสวยกว่า ริษยาเป็นอย่างมาก คิดอยากจะเอาเธอไปแต่งงานกับคนในตระกูลที่ร่ำรวย
แต่ว่า เธอก็ไม่ได้ชื่นชอบใครสักคน
เธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่สิ่งของที่จะเอามาใช้ในการแลกเปลี่ยน ยิ่งไม่อยากเอาร่างกายของตัวเองมาแลกกับความสุขสบายของชีวิตที่เหลือ
น่าเสียดาย สุดท้ายแล้วทำเพื่อขุนนาย จึงกลายเป็นแบบนี้
ในขณะที่ดิลกกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่อย่างไม่ค่อยอรรถรสนัก
“แชะ——”