ตอนที่ 507 ฝาแฝดชายหญิง 

 

 

 

 

 

“เรื่องนี้ไม่สามารถเดาสุ่มได้ ต้องมีหลักฐานแท้จริงที่ประจักษ์ชัด อย่างไรแล้วก็ไม่อาจกำหนดขอบเขตจำกัดอยู่เพียงแต่ในแคว้นจวินกั๋ว แคว้นซีหวาและแคว้นจื้อโหยวแค่สามแคว้นได้” 

 

 

กล่าวถึงสำนักชิวหลาน ผู้ที่หลิงลั่วมีความประทับใจตราตรึงที่สุดไม่ใช่เหยียนปิน แต่เป็นชิวไต้เมี่ยว สตรีที่เกือบจะได้จุมพิตจวินชิงเหยียน! 

 

 

ทุกครั้งที่คิดถึงสีหน้าท่าทางของนาง หลิงลั่วก็โมโหจนกัดฟันกรอดๆ 

 

 

“แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีทางจะเป็นแคว้นหมานอี๋ได้ บัดนี้แคว้นหมานอี๋อยู่ภายใต้การบัญชาของเก๋อเอ่อร์ซิว เก๋อเอ่อร์ซิวยิ่งปฏิบัติตามหลักความคิดที่ว่าผู้ใดไม่ระรานเรา เราก็ไม่ระรานเขา ซึ่งตอนนี้แคว้นหมานอี๋ก็ใกล้จะตัดขาดกับโลกไปแล้ว” 

 

 

หลิงลั่วนิ่วคิ้วเล็กน้อย ที่กล่าวมาก็มีเหตุผล อย่างนั้นที่เหลืออยู่ นอกเสียจากว่า… 

 

 

“หรือว่านอกจากแคว้นที่พวกเรารู้จักแล้ว ยังมีแคว้นอื่นอยู่อีก?” 

 

 

หลิงลั่วขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าจะมี อย่างนั้นก็น่าจะไม่สนใจในหนทางแห่งโลก ไม่ข้องเกี่ยวในสังคมอุดมสุขของโลกมิใช่หรือ? เหตุใดถึงจะต้องก่อเรื่องเช่นนี้ด้วย 

 

 

จวินชิงเหยียนไม่พูดจา อันที่จริงประเด็นนี้เขาก็ไม่อาจมั่นใจได้ เพียงสิ่งเดียวที่เขามั่นใจได้ ก็คือเขาทราบว่าในแคว้นเหล่านี้ ไม่มีทางที่จะมีอำนาจสนับสนุนสำนักชิวหลาน 

 

 

… 

 

 

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปแปดเดือนแล้ว 

 

 

หนึ่งเดือนก่อน หลิงลั่วให้กำเนิดฝาแฝดชายหญิง ตั้งชื่อให้ว่าจวินลั่วชิงกับจวินรุ่ยซี 

 

 

จวินรุ่ยซีน่ารักเป็นอย่างมาก รูปร่างหน้าตานั้นเหมือนกับหลิงลั่วตอนเด็กเป็นที่สุด 

 

 

หลิงลั่วตั้งชื่อเล่นตอนเด็กให้จวินรุ่ยซี นามว่าจวินเป่าเป้ย[1] 

 

 

เพียงพริบตาเดียว เด็กสองคนก็อายุครบเดือนแล้ว 

 

 

และในเวลาแปดเดือนนี้ หลิงลั่วกับจวินชิงเหยียนก็ได้รื้อค้นตำราประวัติศาสตร์ไปทั่ว กล่าวได้อย่างแน่ใจ ว่าหาอำนาจเบื้องหลังของสำนักชิวหลานเจอแล้ว 

 

 

ซึ่งนั่นก็คือแคว้นชิวหลาน ที่ยามนั้นถูกแคว้นจวินกั๋ว แคว้นซีหวาและแคว้นจื้อโหยวร่วมมือกันกำราบไปเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน! 

 

 

ถัดต่อมา บนราชสำนักในเช้าวันหนึ่ง ผู้ว่าการเมืองหลวงรายงานว่า ที่เมืองชายขอบของเมืองหลวง เหมือนกับว่าชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวเจียแห่งทงโจวถูกวิชามารเข้า พูดจาเหลวไหลฟังไม่ได้ความ และเมื่อเจอคนก็ยังจะกัดด้วย หลังจากถูกกัด บาดแผลไม่สามารถฟื้นฟูสู่สภาพเดิมได้ สุดท้ายบาดแผลเน่าเปื่อย ได้แต่ต้องตัดส่วนที่ถูกกัดทิ้งไป 

 

 

เรื่องนี้ก็ช่างแปลกประหลาดจริงๆ ดังนั้นเซียวจือเฉาก็ได้ให้ฟังจั่วฉือนำพานายทหารเกรียงไกรสามพันนายรุดหน้าไปหมู่บ้านหลิวเจียแห่งทงโจว ให้ไปปิดหมู่บ้านหลิวเจียเสียก่อน เรื่องในภายหลัง ค่อยๆ วางแผนกันอีกที 

 

 

หลังจากหลิงลั่วได้ฟังอาการโรคที่ฟังจั่วฉือกล่าวแล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่น 

 

 

อาการโรคนี้ แม้แต่นางก็ยังไม่เคยได้ยิน แต่นางคาดคะเนว่า เรื่องนี้จะต้องหนีไม่พ้นมีความเกี่ยวข้องพัวพันกับสำนักชิวหลานเป็นแน่แท้ 

 

 

อย่างไรแล้วพวกเขาก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับแคว้นชิวหลานเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าในแคว้นชิวหลานนั้นจะมีวิชาลี้ลับเช่นนี้อยู่หรือไม่ 

 

 

หลิงลั่วกับจวินชิงเหยียนติดตามฟังจั่วฉือไปที่เมืองทงโจว 

 

 

ปล่อยให้จวินนั่วเหยียน จวินลั่วชิงและจวินลุ่ยซีอยู่ที่ในวังหลวง และให้องครักษ์ชิงอยู่คุ้มกันพวกเขาที่นั่น 

 

 

เมืองทงโจวอยู่ห่างจากนครหลวงออกไปหนึ่งกิโลเมตร เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน ก็มาถึงที่เมืองทงโจว 

 

 

และหมู่บ้านหลิวเจีย ก็อยู่ไม่ไกลออกไปที่นอกเมืองทงโจว  

 

 

ฟังจั่วฉือสั่งการให้ปักหลักตั้งค่ายขึ้นในสถานที่ซึ่งมีระยะห่างจากหมู่บ้านหลิวเจียห้าสิบเมตร 

 

 

หลังจากคนของหมู่บ้านหลิวเจียติดเชื้อวิชามารนั่นแล้ว ผู้ว่าของเมืองทงโจวก็ได้ให้นักการใช้รั้วกั้นไม้ไผ่ล้อมรอบหมู่บ้านหลิวเจียเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาออกมาข้างนอก 

 

 

แต่ว่าคนในหมู่บ้านล้วนปราศจากสติสัมปชัญญะ ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นก็มีคนที่อยากจะพุ่งออกมาจากรั้วกั้นทุกวัน  

 

 

เพราะกลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายประชาชนที่เดินผ่าน ดังนั้นจึงต้องมีข้าข้าราชการทหารเฝ้ายามอยู่ที่นี่ทุกวัน หากพบว่ามีผู้ที่อยากจะพุ่งออกมา ก็จะบังคับกักพวกเขาเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านหลิวเจีย พูดตรงๆ ก็คือการกระทำที่ใช้กำลังรุนแรง 

 

 

บรรดานายทหารปักหลักตั้งค่ายอยู่ หลิงลั่ว จวินชิงเหยียนและฟังจั่วฉือสามคนก็ไปตรวจดูที่รอบนอกของหมู่บ้านหลิวเจียกันก่อน 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เป่าเป้ย หมายถึง ที่รัก ของล้ำค่า หรือเรียกบุคคลผู้เป็นที่รักยิ่ง ใช้เรียกบุตร หรือคนรัก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 508 พิษอสุภหรือ 

 

 

 

 

 

บรรดานายทหารปักหลักตั้งค่ายอยู่ หลิงลั่ว จวินชิงเหยียนและฟังจั่วฉือสามคนก็ไปตรวจดูที่รอบนอกของหมู่บ้านหลิวเจียกันก่อน 

 

 

รอบบริเวณของหมู่บ้านหลิวเจียล้อมรอบด้วยหมู่ข้าราชการทหาร 

 

 

ดูท่าทางแล้ว ข้าราชการทหารทั้งเมืองล้วนสับเปลี่ยนกันยืนเฝ้ายาม  

 

 

หลังจากพวกหลิงลั่วสามคนเดินเข้าไปใกล้ คนหนึ่งในบรรดาข้าราชการทหารหันหน้าหลับมา มองทั้งสามคน มองแวบเดียวก็เห็นฟังจั่วฉือที่สวมชุดเกราะ “เทียบเคียงดูแล้ว ท่านผู้นี้ก็คือใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวงสินะขอรับ!” 

 

 

“ถูกต้อง” 

 

 

ฟังจั่วฉือพยักหน้า มองข้าราชการทหารคนนั้น “เจ้าเป็นปู่โถวของเมืองทงโจวรึ?” 

 

 

“ใช่ขอรับ” ข้าราชการทหารคนนั้นพยักหน้า และกล่าวว่า “ข้าน้อยนามว่าเการุ่ย เป็นปู่โถวที่ศาลาว่าการเมืองทงโจวขอรับ”  

 

 

“เมื่อก่อนหมู่บ้านหลิวเจียเป็นผืนแผ่นดินที่สงบสุข บ้านเรือนในหมู่บ้านล้วนไม่ต้องปิดประตูในยามวิกาล ผู้ใดจะคิด ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น…” 

 

 

เการุ่ยมองหมู่บ้านที่มีความทรุดโทรมอยู่บ้าง และถอนใจอย่างหนักหน่วง 

 

 

“เข้าไปได้หรือไม่?” 

 

 

สายตาของหลิงลั่วละออกจากหมู่บ้าน มองไปทางเการุ่ยที่อยู่ข้างๆ ฟังจั่วฉือ 

 

 

เการุ่ยชะงัก เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดว่าหลิงลั่วจะถามคำถามนี้กับเขา 

 

 

สภาพในตอนนี้ของหมู่บ้านหลิวเจีย ผู้คนล้วนอยากจะเลี่ยงหนีกันแทบไม่ทัน สตรีผู้นี้กลับอยากจะเข้าไป นางก็ไม่กลัวจริงๆ หรือ? 

 

 

“แม่นาง ขณะนี้ในหมู่บ้านอันตรายเป็นที่สุด บุ่มบ่ามเข้าไปไม่ได้หรอก” 

 

 

“ข้าทราบว่าอันตราย แต่ว่าหากไม่เข้าใจก็ไม่มีทางพบเจอได้ว่าเหตุใดชาวบ้านเหล่านั้นถึงได้เป็นเช่นนี้” 

 

 

หลิงลั่วถอนสายตาออกไป ในยามนี้บุรุษวัยฉกรรจ์ที่สายตาไร้ชีวิตชีวา และเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง กำลังเดินมุ่งมาทางพวกเขา  

 

 

คว้ามือมาทางที่มีคน ซึ่งรั้วกั้นคั่นอยู่ และอ้าปากอย่างดุร้ายน่ากลัว ความจริงคือออยากจะกระชากกัดพวกเขา 

 

 

หลิงลั่วเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น แทนที่จะบอกว่าโดนวิชามาร ควรบอกว่าเป็นซอมบี้… จะดีกว่า 

 

 

เพียงแต่ว่าที่ไม่เหมือนกับซอมบี้ก็คือ ผิวหนังของพวกเขาก็ยังเป็นเหมือนเช่นคนธรรมดาไม่มีผิดเพี้ยน 

 

 

นักการสามสี่คนเดินไปตรงหน้าชาวบ้านที่ไม่ได้สติคนนั้น ใช้แท่งไม้ยาวในมือยันที่ข้างหน้าเขาไว้ ไม่ให้เขาเข้าใกล้รั้วกั้น 

 

 

หลิงลั่วขมวดคิ้ว ถ้าหากสิ่งที่เรียกว่า ‘วิชามาร’ นี้ เหมือนกับพิษอสุภ อย่างนั้นจะให้ผู้เป็นพาหะออกไปจากวงล้อมนี้ไม่ได้เด็ดขาด 

 

 

ดูเหมือนว่า นางต้องไปที่หมู่บ้านหลิวเจียสักรอบเสียแล้ว 

 

 

“แม่นาง สภาพของคนผู้นี้เจ้าก็ได้เห็นแล้ว หมู่บ้านหลิวเจียไม่ได้ใหญ่ แต่ว่ากลับมีชาวบ้านอยู่ไม่น้อย และคนข้างในล้วนเป็นแบบนี้กันหมด หากเจ้าเข้าไปแล้ว โอกาสเจ้าจะรอดตายมีน้อยมากเลยนะ” 

 

 

หลิงลั่วมองชาวบ้านคนนั้น ลักษณะท่าทางของเขาดูเหมือนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก หลิงลั่วตกตะลึง หรือว่าเขายังคงมีสติรู้ตัวอยู่นิดหน่อยหรือ? 

 

 

หลิงลั่วหรี่ตามองดวงตาของคนผู้นั้น สายตาของเขาที่มองนางเหมือนกำลังพูดว่า ฆ่าข้าเสีย รีบฆ่าข้าซะ! 

 

 

มือสองข้างที่อยู่ข้างกายหลิงลั่วกำแน่นแล้วก็คลายออก สุดท้ายนางพลันขยับข้อมือ เข็มเงินในแขนเสื้อหล่นลงในฝ่ามือของนาง 

 

 

เมื่อขยับข้อมือ เข็มเงินก็เข้าสู่ตำแหน่งหัวใจของคนผู้นั้น หลังจากแทงเข้าไปแล้ว ชาวบ้านคนนั้นกลับยิ้มออกมา และเป็นยิ้มแบบที่ได้หลุดพ้น 

 

 

หลิงลั่วดึงสายเส้นไหมที่กำอยู่ในมือ เข็มเงินกลับมาอยู่ในมือของนาง ข้างบนไม่มีรอยเลือดเลยสักนิด 

 

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากเการุ่ยรู้สึกตัวกลับมา ชาวบ้านคนนั้นได้ล้มลงไปแล้ว 

 

 

“แม่นาง! เจ้าปลิดชีพผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ได้อย่างไร นั่นคือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์!” 

 

 

“หากเขาไม่ตาย ก็จะได้รับความทรมานจากพิษอสุภต่อไป อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้เลย หากทำร้ายคนเข้าแล้ว คนที่ถูกทำร้ายก็จะกลายเป็นเช่นนี้ หากไม่ยับยั้งไว้ละก็ ภายหลังไม่นาน แผ่นดินใหญ่ก็จะกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย นี่เป็นสิ่งที่เจ้าอยากจะเห็นรึ?” 

 

 

หลิงลั่วเหลือบมองเการุ่ยอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง และกล่าวขึ้น