ตอนซินหรูเยว่และซินเช่ออายุได้หกเดือนฟันก็เริ่มขึ้นแล้ว
เดิมทีเด็กฟันขึ้นเป็นเรื่องดี แต่เฉินเยี่ยนกลับทุกข์ทรมานอย่างมาก เพราะฟันพวกเขาขึ้น ตอนที่กินนมก็จะกัดเธอ ความเจ็บปวดแบบนั้น คนไม่เป็นแม่ ไม่เคยประสบมาก่อนไม่รู้หรอก
ทุกครั้งเจ็บจนเฉินเยี่ยนต้องกัดฟัน แต่เห็นลูกกินอย่างอร่อย เห็นรอยยิ้มพวกเขาที่ดูน่ารักไร้เดียงสา เฉินเยี่ยนก็ยิ้มอย่างพอใจ
ซินห้าวสงสารภรรยา แต่เรื่องนี้เขาทำแทนไม่ได้ ทำได้เพียงช่วยทายาให้เฉินเยี่ยนทุกครั้ง แต่ยังไม่ทันหายดี เด็กสองคนก็จะกินอีกแล้ว นี่คือแหล่งอาหารของพวกเขา หยุดให้ไม่ได้
เฉินเยี่ยนทรมานอย่างนี้อยู่หลายวันก็ชินแล้ว ถึงแม้ลูกจะกัดเธออีก เธอก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว คนเป็นแม่นี่ต้องหนังเหนียวจริงๆ ไม่ง่ายเลย เลี้ยงลูกคนหนึ่งโตมา ยากลำบากยิ่งนัก ถ้าลูกไม่มีความสามารถอีก คนเป็นแม่ก็สงสาร ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วจริงๆ
วันนี้เฉินเยี่ยนอยู่บ้านบดผลไม้ให้ลูกกิน เธอเริ่มเสริมอาหารให้ลูกแล้ว กลัวว่าลูกจะได้รับสารอาหารไม่พอ
เพิ่งป้อนลูกเสร็จ ก็มีคนมาหาเฉินเยี่ยน บอกว่าคนในโรงงานกระดาษของบ้านเฉินและลูกพี่สวี๋นั้นทะเลาะกัน ให้เฉินเยี่ยนไปดู
เฉินเยี่ยนฟังจบก็วางชามในมือ
“ไม่ต้องรีบ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ให้ลุงสองไปเป็นเพื่อนเธอ”
ไป๋ซิ่วเหมยก็ได้ยิน กลัวว่าเฉินเยี่ยนรีบร้อน เลยรีบปลอบเฉินเยี่ยน
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้ารอง ฝากป้าดูลูกให้ก่อนนะคะ หนูไปดู ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจะรีบกลับมาค่ะ”
เฉินเยี่ยนรู้สึกร้อนรนอยู่ บางครั้งตอนทะเลาะกันจะพลาดพลั้งลงมือ เธอกลัวจะเกิดเรื่องอะไร ไม่ว่าจะทะเลาะแล้วใครชนะ ยังไงก็แก้ปัญหาไม่ง่าย
แต่เวลานี้เธอก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไร โดยเฉพาะคนที่บ้าน
เฉินเยี่ยนเลยฝากลูกไว้ที่บ้านให้ไป๋ซิ่วเหมยช่วยดูแล เธอขี่รถไปโรงงานกระดาษ ไม่ให้ลุงไป๋ไปด้วย เพราะเธอไม่ได้จะไปทะเลาะ เธอไปคนเดียวก็ได้แล้ว
หลังมาถึงโรงงานกระดาษ คนที่หน้าประตูต่างแยกออกจากกัน มีคนบอกเธอว่าทะเลาะกัน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส มีคนหนึ่งเป็นแผลเลือดออก แต่ไม่เป็นอะไรมาก
ตอนนี้คนทั้งสองฝ่ายไปหมดแล้ว เรื่องจบแล้ว
เฉินเยี่ยนถามคนอื่น รู้ว่าเฉินจงและเฉินกุ้ยไม่มีใครเป็นอะไร เธอไปห้องทำงาน เพิ่งมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเฉินกุ้ยพูด “ลูกพี่สวี๋นี่กลั่นแกล้งคนเกินไปแล้ว ไม่มีใครเป็นแบบเขาเลย ไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องไปเรียกเขามาคุยให้รู้เรื่อง!”
เฉินกุ้ยเป็นคนซื่อ สามารถทำให้เขาโกรธขนาดนี้ได้ ดูเหมือนลูกพี่สวี๋น่าจะทำเกินไปจริงๆ
“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าไปหาเขา เขาจะคุยอะไร? ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้นิสัยคนคนนี้ เขาคุยด้วยเหตุผลหรือไง? วันนี้ถ้าไม่มีเถี่ยจู้ ไม่แน่พวกเราอาจจะลำบากแล้ว เรื่องนี้ต้องค่อยๆ คุยกัน”
เฉินจงห้ามเฉินกุ้ย เขาก็โกรธ แต่จะทำยังไงได้? ถึงแม้เฉินกุ้ยจะไป ก็ไม่มีประโยชน์
เฉินเยี่ยนยังได้ยินเสียงบ่น บอกว่าจะไปคิดบัญชีกับลูกพี่สวี๋
เฉินเยี่ยนผลักประตูเปิดเข้าไป ด้านในมีเฉินจง เฉินกุ้ย เถี่ยจู้ นอกจากนี้ยังมีคนที่สนิทกับบ้านเฉินอีกหลายคน
เห็นเฉินเยี่ยนมา พวกเขาต่างรีบทักทาย
เฉินเยี่ยนยิ้ม ไม่ได้ทำหน้าเครียด ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่างสามารถแก้ไขได้ ทำหน้าเครียดไปก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กลับจะยิ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง
เฉินเยี่ยนนั่งลง ให้คนที่เหลือไปทำงาน เหลือเฉินจง เฉินกุ้ยและเถี่ยจู้
“พ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เฉินเยี่ยนถาม
เฉินจงบอกว่าเรื่องผ่านไปแล้ว
ในอำเภอพวกเขา ไม่ สามารถพูดได้ว่าในเมืองนี้เดิมทีมีโรงงานกระดาษบ้านเฉินเพียงโรงงานเดียว กระดาษที่ผลิตออกมานอกจากจะส่งไปนอกเมืองแล้ว การกระจายสินค้าในเมืองก็ดีมากเช่นกัน คนที่มาสั่งซื้อกระดาษก็มาก ดังนั้นโรงงานกระดาษบ้านเฉินจึงมีกะกลางวันและกะกลางคืนผลัดเปลี่ยนกัน ขนาดผลิตกระดาษแบบนี้ยังผลิตไม่ทันความต้องการ
หลังลูกพี่สวี๋เปิดโรงงานกระดาษ ตอนแรกไม่ราบรื่นเลย สุดท้ายพวกเขารู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เลยจ่ายเงินก้อนใหญ่ไปหาอาจารย์จากนอกเมืองมา มีอาจารย์แล้ว ไม่ถึงสองเดือนถึงแม้โรงงานกระดาษพวกเขาผลิตได้คุณภาพไม่เท่าของบ้านเฉิน แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้
ผลิตกระดาษออกมาแล้ว เห็นธุรกิจบ้านเฉินรุ่งเรืองมาก เขาอิจฉา เคยมาโรงงานบ้านเฉินถามเรื่องกระดาษ เขาอยากจะหาวิธียับยั้ง ใช้วิธีตัดราคาบ้านเฉินเพื่อแย่งลูกค้า
ตอนแรกบ้านเฉินไม่สนใจ เพราะออเดอร์เยอะมาก โดนลูกพี่สวี๋แย่งไปหน่อยก็แย่งไป ไม่เป็นอะไร
แต่ลูกพี่สวี๋กลับเหมือนได้ลิ้มรสของหวาน เริ่มตั้งหน้าตั้งตาแย่งอย่างจริงจัง
เหตุผลนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกัน แต่ลูกพี่สวี๋ไม่เพียงแต่ไม่แก้ ซ้ำยังหนักข้อขึ้นอีก
หลายวันก่อนบ้านเฉินรับออเดอร์หนึ่งมา เป็นลูกค้าที่เคยร่วมมือกับบ้านเฉินมาก่อน สั่งกระดาษไม่น้อยเลย ถือว่าเป็นลูกค้าเก่าแก่ของบ้านเฉิน
แต่ตอนที่ผลิตกระดาษออกมาแล้วไปส่ง ลูกค้าไม่รับ บอกว่าราคากระดาษบ้านเฉินแพงไป ลูกค้าเก่ายังคิดแพงขนาดนี้ อีกหน่อยจะไม่ทำธุรกิจกับบ้านเฉินแล้ว
บ้านเฉินงง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
พอไปสืบก็รู้ว่าลูกพี่สวี๋มาเจอร้านนี้ และใช้วิธีตัดราคาให้ต่ำกว่าบ้านเฉินไม่น้อยเลยเพื่อแย่งลูกค้า
เฉินเยี่ยนคำนวณแล้ว ถึงแม้ราคาของลูกพี่สวี๋ไม่ถือว่าขาดทุน แต่ก็ไม่ได้กำไรอะไรเลย เขาทำแบบนี้มีแต่ทำร้ายคนอื่นตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เห็นได้ชัดว่าจงใจแย่งธุรกิจ
นี่ยังไม่เท่าไร ลูกพี่สวี๋ป่าวประกาศไปทั่วว่าบ้านเฉินเคี่ยว ได้เงินจากโรงงานกระดาษมายังไง ไม่มีมโนธรรม อย่าไปสั่งกระดาษกับบ้านเฉิน ทำลายชื่อเสียงบ้านเฉิน
ไม่นานก็มีลูกค้าที่ไม่รู้ความจริงมาหาบ้านเฉิน พูดจาไม่ดี มีบางคนจะยกเลิกออเดอร์ บางคนต่อราคา วุ่นวายกันใหญ่
เฉินจงและเฉินกุ้ยโมโหมาก ทำธุรกิจไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน สามารถใช้ทุกวิถีทาง คุณสามารถลดราคาได้ แต่พอทำการค้าไม่ดีเท่าคนอื่น ก็เข้ามาผสมโรง อีกทั้งยังพูดให้ร้าย คนแบบนี้นิสัยชั่วร้ายจริงๆ
เฉินจงและเฉินกุ้ยเลยไปหาลูกพี่สวี๋เพื่อพูดคุยผิดถูก
แต่ลูกพี่สวี๋กลับยิ้มเยาะ คำที่พูดออกมาก็ร้ายกาจมาก เขายังคงจะลดราคาเพื่อแย่งลูกค้าอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร จะกำจัดบ้านเฉินให้สิ้นซาก จนไม่มีธุรกิจแล้ว โรงงานกระดาษก็จะเหลือเขาเพียงเจ้าเดียว ตอนนั้นเขาค่อยขึ้นราคา คนอื่นไม่อยากซื้อก็ไม่ได้ แล้วเงินก็จะไหลเข้ามาเอง
ดังนั้นเขาไม่มีทางฟังเฉินจง และเขาก็ไม่สนใจเฉินจงด้วย
เฉินกุ้ยโมโหมากด่าไปสองคำ ลูกพี่สวี๋ไม่ได้พูดอะไร แต่จนเฉินกุ้ยและเฉินจงกลับโรงงาน คนฝั่งลูกพี่สวี๋ก็มา บอกว่าบ้านเฉินกลั่นแกล้งคน ไม่ให้โรงงานบ้านสวี๋ทำแล้ว คนสองฝั่งก็เลยทะเลาะจนลงมือกัน
คนฝั่งบ้านสวี๋มีคนที่ไม่ใช่คนในโรงงานกระดาษ ไม่รู้ว่าลูกพี่สวี๋ไปหามาจากไหน เห็นก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดี พวกเขาร้องเสียงดังมาก แต่พวกเขาก็เป็นคนลงมือก่อน
โชคดีที่มีเถี่ยจู้อยู่ รูปร่างเขากำยำ ขวางคนพวกนั้นได้อยู่ และเอาชนะพวกนั้นได้ด้วย ไม่อย่างนั้นฝั่งบ้านเฉินต้องลำบากแน่
เฉินเยี่ยนฟังจบก็โมโหมาก ลูกพี่สวี๋คนนี้ทำเกินไปแล้ว แต่เธอไม่ได้พูดอะไร กลับครุ่นคิดอยู่
“เยี่ยนจื่อ เธอบอกมา บอกมาว่าเขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ตอนแรกพวกเขามาแย่งลูกค้าเรา พวกเราก็ไม่ว่าอะไร ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เขาตั้งใจทำลายโรงงานกระดาษของพวกเรา!”
เฉินกุ้ยโกรธมาก นิสัยเขาเป็นคนซื่อๆ ตั้งใจทำงาน มาเจอลูกพี่สวี๋แบบนี้ จะไม่โกรธได้ยังไง