บทที่ 221 การรวมตัว

 

หลิงเทียนไม่เคยรู้สึกผิดชอบชั่วดีมาตลอดหลายพันปี แต่ในครานี้เขากลับมายืนอยู่ข้างๆเสี่ยวยี่!

 

นี่ไม่ใช่การบังคับ เพราะสิ่งที่เขาทำมาตลอดทั้งปี นั่นคือการแกล้งป่วย แถมมันยังไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะทำมันด้วย!

 

ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เห็นทีว่าต้องเลิกแสดงละครลิงนี่เสียที

 

ซุนยี่ถอนหายใจในขณะที่ดาบในมือของหลิงเทียนกำลังเปล่งแสงขึ้นมา

 

“พี่เสี่ยว วันนี้แหละเราจะกลับมารวมกันเป็นผืนน้ำอีกครั้ง! ถึงจะไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่อย่างน้อยเราก็ตายวันเดียวกันได้!” หลิงเทียนระเบิดพลังออกมาพร้อมน้ำเสียงหนักแน่น

 

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีขนาดนี้

 

หลิงเทียนจับไหล่เสี่ยวยี่ก่อนจะพูดต่อ “ไว้ใจได้เลย จะไม่ให้ใครได้แตะต้องพี่เชียวล่ะ!”

 

เขาคิดว่าเสี่ยวยี่ตั้งใจที่จะตายแน่ๆ ส่วนถังหวู่ฉัวนั้นก็ตาไม่ถึง สภาพแบบนี้ของเสี่ยวยี่จะผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้ยังไง?

 

“เยี่ยมไปเลยหลิงเทียน! ถ้างั้นช่วยเป็นไม้กันหมาให้ก่อนนะ ขอฉันพักซักแปป” เสี่ยวยี่พูดแล้วจับกระบี่เซวียนหยวนไว้ราวกับไม้เท้า

 

พักผ่อนให้สบายเลยพี่เสี่ยว ไม่ต้องเป็นห่วงน้องคนนี้

 

ร่างของหลิงเทียนลอยขึ้นไปบนฟ้า

 

“ไฮ่ไต่ซี่! นายไปจับหลิงเทียน! ส่วนกวงเทียนลู่กับฉันจะไปเชือดเจ้าเสี่ยวยี่นั่นเอง!”

 

กวงเทียนลู่ขมวดคิ้วและทันใดนั้นปลายนิ้วปมือของเขาก็ปรากฏไพ่ 3 ใบที่กำลังเปล่งแสงสีแดงออกมา

 

มังกรกระดูกน้ำแข็ง!

 

ร่างใหญ่ของมังกรกระดูกพวยพุ่งออกมาจากไพ่หลังมันถูกสะบัดออกจากปลายนิ้วนั้น

 

พวกมันไม่เหมือนมังกรกระดูกทั่วไป เพราะที่ตามตัวซึ่งเป็นกระดูกนั้นมีหนามน้ำแข็งงอกออกมาอยู่ด้วย

 

มังกรยักษ์พวกนั้นคำรามก้องไปบนฟากฟ้า ช่างน่าระทึกใจยิ่งนัก

 

เท่านั้นยังไม่พอ!

 

กวงเทียนลู่ยังร่ายไพ่เพิ่มอีก 3 ใบ เขาร่ายมันทับลงไปบนตัวมังกรน้ำแข็งทั้ง 3 นั้น

 

คราวนี้แสงสีทองส่องประกายออกมา และเมื่อแสงจางลง ภาพตรงหน้าก็คือ มังกรน้ำแข็งทั้ง 3 กำลังสวมเกราะสีทองอร่ามอยู่ มันดูแข็งแกร่งมากๆ!

 

แบบนี้ก็สมแล้วหล่ะที่เป็นถึงผู้นำของตระกูลกวงที่ยิ่งใหญ่แห่งฟากใต้

 

ใช้ไพ่ได้ทีละตั้ง 6 ใบ…

 

ซุนยี่เองก็ยังปล่อยของไม่หมด เพราะถึงแม้ว่าจุดเด่นของสำนักเมฆาจะเป็นวิชาดาบ หากแต่วิชาลับของสำนักนี้ก็ไม่ใช่วิชาดาบ…มันคือ…

 

มหาจักรพรรดิเชียนชาน!

 

ร่างบางของหญิงสาวปล่อยพลังปราณออกมาเป็นจำนวนมาก และออร่าพลังเหล่านั้นมันซึมลงไปในผืนดิน!

 

ตู้ม!!

 

ผืนดินขนาดใหญ่นั้นสั่นสะเทือนและแหวกออกก่อนที่หัวของบางสิ่งบางอย่างจะโผล่ขึ้นมา จากหัวลามไปตัว…

 

“อสูรโบราณ!”

 

หลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อยที่ซุนยี่สามารถอัญเชิญอสูรโบราณออกมาได้ มันแทบจะไม่น่าเชื่อเลย!

 

ไม่ใช่แค่หลิงเทียนเท่านั้นที่ตกใจ เพราะทุกคนนอกเหนือจากตัวซุนยี่เองต่างก็ตกใจกับความสามารถของเธอกันทั้งนั้น นี่สินะ คือแก่นแท้แห่งสำนักเมฆา!

 

ผู้หญิงคนนี้ ตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายเลยสินะ ไม่คิดเลยว่าการที่จะได้มาซึ่งเทพบรรพกาลชิ้นนี้ จะทำให้มีโอกาสได้เห็นอสูรโบราณด้วย!

 

เสี่ยวยี่มองไปยังอสูรโบราณที่ยืนตระหง่านตรงหน้าตนแล้ว ในสายตาของเขามันดูสง่างามมาก สัตว์อสูรที่แอบคล้ายไทรันโนซอรัสเร็กส์อยู่บ้างจะต่างก็ตรงที่มันดันมี 2 หัวและยืน 4 ขานั่นแหละ ตาทั้ง 4 ที่กรอกมองไปมานั้นทำให้คนที่สบตาด้วยรู้สึกสับสน เกล็ดดำขรับตามตัวขยับไปมาดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก

 

นี่มัน…มหาจักรพรรดิเจียงชานตัวจริงเสียงจริงเลยแฮะ!

 

แต่อย่างไรก็ตาม เสี่ยวยี่ยังไม่เคยเจอฝุ่นพายุที่เข้าโจมตีตระกูลหยิง ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ตัวเล็กไปเลย ไซส์ยังกับเด็กเกิดใหม่

 

อสูรทั้ง 3 ตนที่เคยปรากฏมาแล้วนั้นทั้งหมดมีวิธีเรียกเป็นของตนเองยกเว้นตัวที่โผล่ที่ตระกูลหยิงเท่านั้นที่ยังไม่เจอวิธี

 

ใช่แล้ว…มันเป็นฝีมือของเย่ฮั่วเองแหละ!

 

“พี่เสี่ยวไปก่อนเลย ตรงนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” หลิงเทียนนั้นเหมือนเด็กๆที่อยากจะได้ซองแดงในวันตรุษจีน เขาเสนอตัวและไม่ยอมละสายตาจากศัตรูตรงหน้าเลย

 

ณ ตอนนี้เสี่ยวยี่เหมือนตัวเองกำลังไฟลุกโหมกระหน่ำ เขาอยากจะแผดเผาทุกคนที่อยู่ตรงหน้าให้หมดเลย ออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากเขามันทรงพลังและตีวงกว้างราวกับเสียงคำรามจากปฐภีสู่สรวงสวรรค์ มันบันดาลให้หมู่เมฆกลายเป็นสีเทาเข้มและสายฟ้าสีทองก็ฟาดลงมาอย่างเกรี้ยวกราด

 

กระบี่เซวียนหยวนเองก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงความโกรธเกรียวของผู้เป็นนาย ตัวมันเองก็ระเบิดพลังออกมาเช่นกัน คลื่นพลังที่แข็งแกร่งทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งก่อนจะแผ่วงกว้างใหม่ ความทรงพลังของมันทำให้เกราะของมังกรกระดูกน้ำแข็งนั้นถึงกับเกิดรอยร้าว!

 

ถังหวู่ฉัวหน้าซีด เขาคิดมาตลอดเลยว่าพี่ชายของเขานั้นกำลังป่วย! เพราะงั้นเขาจึงทำอะไรไม่ถูกในสถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งที่ปะทุออกมาจากร่างนั้น…มันเหนือกว่าแต่ก่อนเสียอีก

 

“หลิงเทียน นายถอยไปก่อน ที่ตรงนี้ ให้ฉันเถอะนะ” เสี่ยวยี่กลับมายืนหยัดได้แล้ว บัดนี้พลังที่ล้นเปี่ยมของเขามันพร้อมที่จะจัดเทศกาลนองเลือดกันแล้ว!

 

หลิงเทียนรับรู้ได้ว่าเขากำลังถูกพลังของเสี่ยวยี่กดดันตัวเองอยู่ พลังแห่งราชา

 

“ไฮ่ไต่ซี่! อย่ายืนทำบื้อสิ!” ซุนยี่ตะโกนบอกเมื่อรู้สึกว่าเสี่ยวยี่นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเกินไปแล้ว

 

แม้แต่ยุคที่เคยคิดว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดยังไม่เท่านี้่เลย!

 

นี่ต้องขอบคุณเงาดำของเว่ยชางด้วยที่นอกจากจะช่วยรักษาชีวิตให้เสี่ยวยี่แล้ว มันยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เขาด้วย

 

ในตอนนี้เขานั้นสามารถต่อกรกับผู้วิเศษแห่งความตายได้แล้ว

 

ไม่สิ มากกว่านั้นก็ยังไหว หากเขาคิดจะท้าสู้กับเจ้าแห่งความตาย อย่างน้อยๆการปะทะกันด้วยกระบวนท่าก็นับว่าสูสี

 

ไฮ่ไต่ซี่ผู้เป็นตัวแทนแห่งสัมพันธมิตรโพ้นทะเลของแดนใต้นั้นดูจะเป็นความหวังสุดท้าย เขาซ่อนอะไรไว้บางอย่างตลอดเวลา!

 

และนี่ ถึงเวลาที่เขาจะต้องแสดงมันออกมาแล้ว ถึงสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง!

 

ไฮ่ไต่ซี่ตะวัดนิ้วไปบนอากาศและทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้น “สู่อนัตตา!”

 

ฟู่!

 

นอกจากฝั่งของเสี่ยวยี่ ไม่ว่าจะเป็นอสูรโบราณหรือแม้แต่เจ้าสำนักทั้งสามต่างก็หายไปกันจนหมด!

 

เสี่ยวยี่เริ่มวิตก เพราะนี่ไม่ใช่วิชาหายตัวแบบง่อยๆที่ยังหลงเหลือไว้ซึ่งเสียง หากแม้แต่ลมหายใจก็ไม่รู้สึกถึง!

 

ทั้งสามที่หายตัวไปนั้นมันทำเอาเสี่ยวยี่ปวดหัวไม่น้อยเลย

 

เขาเรียกเต่าลึกลับลงมาสวมเป็นเกราะไว้เตรียมป้องกัน และพูดกับหลิงเทียนที่อยู่ข้างๆว่า “ดูท่าเรื่องวันนี้คงจะต้องชดใช้ให้นายในอนาคตละกันนะ”

 

“นี่พี่จะมีมารยาทไปถึงไหนเนี่ย!” หลิงเทียนที่ได้ฟังก็รู้สึกใจชื้น เสี่ยวยี่นั้นพยายามทำให้ตระกูลของหลิงเทียนไต่เต้าให้สูงขึ้น ซึ่งนั่นมันดีกับตระกูลเขาเองมากๆ

 

ในส่วนของถังหวู่ฉัวที่กำหมัดแน่นเพราะทำอะไรไม่ได้นั้น เขากำลังรู้สึกเคียดแค้นเสี่ยวยี่เป็นอย่างมาก

 

ในเมื่อเสี่ยวยี่กล้าทำกับเขาแบบนี้ทั้งที่เขาเป็นน้องชาย เช่นนั้นแล้วก็อย่ามาโวยวายถ้าเขาทำอะไรขึ้นมาบ้าง!

 

ในสนามรบนั้น เสี่ยวยี่จับกระบี่เซวียนหยวนไว้แน่น เกราะเต่าบนตัวนั้นเป็น 1 ในอาวุธวิเศษที่หนากว่าเกราะปกติและเขาในตอนนี้ แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมเช่นเดียวกับวันที่ตบตีกับผู้วิเศษแห่งความตายที่นี่เลย

 

และทันใดนั้น เขาก็ถูกโจมตี!

 

เสี่ยวยี่รีบหลบและมองกลับไปยังทิศทางที่รู้สึกถึงการโจมตี นั่น! หนามน้ำแข็งของเจ้ามังกร!

 

ไม่มีเวลาให้คิดมาก เสี่ยวยี่ก็ต้องตีลังกาหลบอีกรอบ คราวนี้พื้นที่เขาเหยียบอยู่มันก็กลายเป็นหลุมขึ้นมา

 

มองไม่เห็นแบบนี้ลำบากจังเลยแฮะ ถ้างั้นก็…

 

“วิชาลับดาบสวรรค์ • พสุธาทะลุจุดเดือด!”

 

เขาปักกระบี่ลงไปกับพื้นและทันใดนั้นรอบๆบริเวณที่เขาอยู่ตีเป็นวงกว้าง ผืนดินก็เริ่มแปลสภาพเหมือนน้ำที่กำลังเดือด

 

ตู้ม!!

 

วงคลื่นสีทองกระจายตัวออกไปเป็นวงโดยมัเสี่ยวยี่เป็นจุดศูนย์กลาง และนั่นทำให้เหล่าผู้ที่ซ่อนอยู่ภายใต้วิชาของไฮ่ไต่ซี่ถูกเผยตัวออกมา

 

มันทำให้ไฮ่ไต่ซี่ตกใจมากๆ “แกทำลายวิชานั้นได้!?”

 

เสี่ยวยี่เยาะเย้ย “ไม่มีมนตราใดบนโลกนี้ที่กระบี่เซวียนหยวนตัดไม่ขาด!”

 

“เอาล่ะ ต่อไปจะให้ได้เห็นบ้างก็แล้วกัน ถึงพลังที่แท้จริงของกระบี่เล่มนี้น่ะ!”

 

“วิชาลับดาบสวรรค์ • เทพมารพิชิตฟ้า!”

 

กระบี่เซวียนหยวนลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะส่งสูบเอาออร่าที่ออกมาจากตัวของเสี่ยวยี่ไปรวมกับของตัวดาบจนเกิดเป็นลมปราณที่ความเข้มข้นสูงมากๆ และการใช้วิชานี้หากสังเกตุไม่ดีก็คงจะไม่เห็นว่ามันมีเงาดำๆปะปนมาด้วย

 

ฉึก!

 

เสี่ยวยี่หยุดชะงัก ใบหน้าที่กำลังจะแสดงความรู้สึกอะไรซักอย่างก้มลงมองไปยังจุดศูนย์กลางความเจ็บปวด มีดสั้นปลายแหลมนั้นโผล่ปลายทะลุอกเขาโดยมีเลือดเขาเองหยดอยู่ที่ปลาย เมื่อมองกลับไปก็พบว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้น คือถังหวู่ฉัวนั่นเอง!!!

 

ความคิดนับร้อยพันวิ่งเข้ามาในหัวของเสี่ยวยี่ภายในเสี่ยววินาที แต่ก็ไม่มีความคิดใดเลยที่จะบอกว่าน้องชายของเขานั้นเป็นงูพิษ!

 

ไอ้หมาลอบกัด!

 

ในความจริงแล้วตัวเสี่ยวยี่กับถังเว่ยนั้นมีปัญหาคาใจกันอยู่แล้ว เสี่ยวยี่เองก็หวังว่าซักวันคงจะได้เคลียร์ปัญหากันเองตัวต่อตัว เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้ระแวงเรื่องนี้เลย

 

และดูท่าเจ้ามีดสั้นเล่มนี้คงไม่ใช่อาวุธทั่วไป เพราะมันเจาะเกราะเต่าที่ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษได้

 

นึกออกแล้ว…มีดนี่คือสิ่งที่อาจารย์ของถังหวู่ฉัวยืมไป.. มันเป็น 1 ในเทพบรรพกาลที่เขาเก็บไว้…แต่มันควรจะถูกนำมาคืนแล้วนี่!?

 

“พี่เสี่ยว! นี่คือสิ่งที่พี่บังคับให้ฉันทำ!”