บทที่ 1675 กําเนิดบัวแดง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1675 กําเนิดบัวแดง

เมฆสีดําปกคลุมท้องฟ้าพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

 

“เปรี้ยง!”

 

เสียงฟ้าร้องดังอย่างต่อเนื่อง

 

ภาคกลาง ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองใบไม้แดง เจ้าเมืองเดินไปมาอยู่หน้าห้อง

 

เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยมและดูสง่างาม อย่างไรก็ตามตอนนี้คิ้วของเขาขมวดแน่น อารมณ์ของเขาเหมือนสภาพอากาศในเวลานี้ ไม่แน่นอนและไม่สบายใจ

 

ทันใดนั้นเขากลับหยุดเดินและใช้หูแนบไปที่บานประตู

 

นอกจากเสียงพายุฝนฟ้าคะนอง เขายังได้ยินเสียงคร่ําครวญของภรรยาและเสียงนางผดุงครรภ์อีกหลายคน “ท่านหญิง ออกแรงอีก!”

 

เจ้าเมืองใบไม้แดงอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว เขารักภรรยาของเขาอย่างมาก เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ เขามีอํานาจสูงสุดและมีความเป็นผู้นํา เขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั้งหมด ความไม่สมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียวของเขาคือเขาไม่มีลูก

 

เก้าเดือนก่อน เขารู้สึกมีความสุขมากเมื่อทราบว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์

 

เขากําลังจะมีลูกในวัยชรา ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาได้รับการแก้ไข

 

แต่กระทั่งเขาจะนํานางผดุงครรภ์ที่มีชื่อเสียงมาสามคน สองคนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม และอีกหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ แต่ภรยยาของเขาก็ยังพบกับความยากลําบากในการคลอด

 

บุตร

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?” เจ้าเมืองไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถระบายออกมา

 

เขากําหมัดแน่น พลังการต่อสู้ที่เขาภาคภูมิใจในอดีตกลับไร้ประโยชน์ในเวลานี้

 

เขามีวิญญาณสายรักษาหลายดวง แต่ไม่มีวิญญาณดวงใดที่สามารถช่วยเหลือการคลอดบุตร

 

เขาทําได้เพียงควบคุมอารมณ์ ก้มศีรษะลงและเดินไปมาอีกครั้ง

 

“อุแว้” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงร้องของทารก

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของนางผดุงครรภ์ “เด็กเกิดแล้ว เป็นเด็กชาย! ท่านหญิง ท่านทําสําเร็จ!”

 

“ข้าข้ามีลูกแล้ว! ลูกชายของข้า!” เจ้าเมืองใบไม้แดงตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะแสดงออกด้วยความดีใจและเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่สามารถอดทน

 

กลิ่นหอมแปลกประหลาดกระจายไปทั่วห้อง

 

นี่เป็นกลิ่นหอมที่ทําให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย กลิ่นหอมเริ่มหนาแน่นขึ้นและควบรวมเป็นแสงหลากหลายสีสันลอยอยู่ในอากาศ มันขยายออกไปปกคลุมทั้งคฤหาสน์และลอยไปไกลหลายร้อย

 

“มันคือสิ่งใด?” เจ้าเมืองหยุดเท้าลงด้วยความประหลาดใจ

 

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่ากลับเป็นหลังจากนั้น แสงหลากหลายสีสันและกลิ่นหอมกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง

 

พายุฝนหยุดลงอย่างกะทันหัน เมฆสีดําลอยจากไป แสงแดงสาดส่องลงมายังห้องคลอดของภรรยาเจ้าเมือง

 

ต่อมาแสงเหล่านั้นก็ควบรวมเป็นดอกบัวแสงสีแดงขนาดเท่ากับคฤหาสน์เจ้าเมืองลอยอยู่กลางอากาศ มันสดใสและไม่สลายไปเป็นเวลานาน

 

“เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นหรือ?” เจ้าเมืองใบไม้แดงตกตะลึง

 

ภรรยาของเขาและนางผดุงครรภ์ทั้งสามตกใจมาก

 

ในเวลาเดียวกันผู้อมตะระดับแปดสามคนยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงมายังคฤหาสน์ของเจ้า เมืองใบไม้แดงรวมถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

 

“ในที่สุดเขาก็ถือกําเนิด” ผู้อมตะที่อยู่ตรงกลาง ราชันเหม่ยถอนหายใจ เขาเป็นชายชราที่ดูใจดี คิ้วของเขาค่อนข้างพิเศษ มันเหมือนรากไม้สีน้ําตาลเข้มที่งดงามสองเส้นทิ้งตัวลงมาจากหน้าผากของเขาจนจึงถึงหน้าอก

 

“เด็กผู้นี้ไม่ธรรมดา เขาได้รับโชคของมนุษย์ทั้งหมด โชคของเขาหนาแน่นมากจนควบรวมเป็นดอกบัวสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า! เขาเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะที่แท้จริง! มันคุ้มค่าที่วังสวรรค์ของเราจะใช้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ถึงสามคนเพื่ออนุมานเกี่ยวกับเขา” ผู้อมตะด้านซ้าย ราชันตงถอนหายใจ

 

เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง ใบหน้าและมัดกล้ามเนื้อของเขาดูราวกับทํามาจากทองเหลือง เขายืนอยู่บนก้อนเมฆและดูสูงส่งราวกับหอคอยที่จะไม่สั่นไหวแม้โลกหล้าจะสั่นสะเทือน

 

ราชันเหม่ยพยักหน้า “ท่ามกลางเทพอมตะและเทพปีศาจในประวัติศาสตร์ พวกเขามีลักษณะร่วมอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือพวกเขาได้รับโชคของมนุษย์ทั้งหมด มันเป็นเพียงว่าโชคของพวกเขาไม่ปรากฏอย่างเด่นชัดในช่วงต้น แต่เด็กผู้นี้ทําให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ตั้งแต่เกิด ไม่แปลกใจเลยที่สวรรค์จะส่งภัยพิบัติลงมาเพื่อจัดการเขา เรื่องนี้หาได้ยากมาก หากเด็กผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม เขาจะกลายเป็นเทพอมตะในอนาคต!”

 

ทันใดนั้นร่างของราชันเหม่ยพลันสั่นสะท้านขึ้นขณะที่เขากระอักเลือดคําโตออกมา

 

“ราชันเหม่ย!” ราชันตงขมวดคิ้ว “เราได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อต้านภัยพิบัติของเขา”

 

“ราชันเหม่ย!” ผู้อมตะที่ยืนอยู่ด้านขวาแสดงออกด้วยความเป็นห่วง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเส้นผมสีม่วงและปราณมังกรลอยอยู่รอบๆตัวเขา

 

ราชันเหม่ยมองผู้อมตะหนุ่มผู้นี้ “ราชันมังกร วิญญาณชะตากรรมเปิดเผยความลับแก่พวกเรา เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเด็กผู้นี้ เขาจะกลายเป็นเทพอมตะและเจ้าจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเขา! รับเขาเป็นศิษย์ของเจ้า เลี้ยงดูและนําทางเขา เจ้าจะเป็นต้นกําเนิดของความสําเร็จของเขา เขาจะเป็นความสําเร็จของเจ้า พวกเจ้าทั้งสองถูกลิขิตให้นํามนุษยชาติสู่ความรุ่งโรจน์ชั่วนิรันดร์!”

 

“ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”

 

“ไป!” คิ้วของราชันตงขมวดแน่น “เมื่อเรากลับวังสวรรค์ ราชันเหม่ยและข้าจะเข้าสู่การจําศีลที่ยาวนานมากเพื่อพักฟื้น ยุคของสามราชันแห่งวังสวรรค์จบลงแล้ว ราชันมังกร เจ้าจะเป็นผู้นําวงสวรรค์และนําความเจริญรุ่งเรืองมาสู่โลกใบนี้!”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว!” ราชันมังกรยับยั้งความตื่นเต้นของตนและค่อยๆบินลงไป

 

เสียงคํารามของมังกรดึงดูดความสนใจและความตกใจจากทุกคน

 

ราชันมังกรบินลงมาที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองใบไม้แดง

 

เจ้าเมืองใบไม้แดงและทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น ร่างกายของหลายคนสั่นสะท้านราวกับใบไม้

 

เจ้าเมืองใบไม้แดงเป็นผู้รอบรู้ เขารู้ถึงการดํารงอยู่ของผู้อมตะและรู้ว่าความแข็งแกร่งของตน ไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะ เขาต้องบังคับให้ตนเองสงบลงและแสดงความเคารพ “ข้า หงจู คารวะท่านผู้อมตะ ข้าสงสัยว่าสิ่งใดนําท่านมายังโลกมนุษย์แห่งนี้?”

 

ราชันมังกรยิ้ม “หงจู บุตรชายของเจ้าเป็นเด็กที่ได้รับพรจากโลกใบนี้ อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบล้านปีถือกําเนิดแล้ว หากเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เขาจะกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่หากเขาขาดการชี้นําที่เหมาะสม มันจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ความโกลาหลจะเกิดขึ้น ข้ามีความสุขที่เห็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่หายากเช่นนี้ เพื่อเห็นแก่มนุษยชาติ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อรับเด็กผู้นี้เป็นศิษย์ ข้าจะเลี้ยงดูและนําทางเขาอย่างระมัดระวัง เขาจะกลายเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่แสวงหาผลประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์!”

 

“อา…” เจ้าเมืองใบไม้แดงตกตะลึงและรู้สึกยินดีที่ได้ยินถ้อยคําเหล่านี้

 

เขาเห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นและเตรียมใจมาบ้างแล้ว

 

เขารู้สึกว่าบุตรชายของเขามีอนาคตอันไร้ขอบเขต

 

แม้เขาจะเป็นเจ้าเมืองที่ทรงอํานาจ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะ

 

อย่างไรก็ตามหงจูยังรู้สึกหดหูใจเล็กน้อย เขาพึ่งมีบุตรในวัยชรา แต่ผู้ใดจะคิดว่าบุตรของเขาจะถูกรับไปเป็นศิษย์ของผู้อมตะทันที่ที่ถือกําเนิด พวกเขามีโอกาสที่จะได้พบกันน้อยมากในอนาคต

 

ราชันมังกรรู้ความคิดของหงจู เขาปลอบโยน “วางใจเถอะ ข้ามาวันนี้เพียงเพื่ออธิบายเรื่องนี้ ข้าจะไม่พาเขาไปทันที เมื่อเขาอายุสิบขวบ มันจะเป็นเวลาที่เหมาะสม

 

หงจูรู้สึกตื่นเต้นและยินดีมาก เขาเร่งขอบคุณซ้ําๆ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ภรรยาของเจ้าเมืองอุ้มทารกที่พึ่งคลอดออกมาและคุกเข่าลงต่อหน้าราชันมังกร

 

ราชันมังกรมองทารกและเดินเข้าไปหาภรรยาของเจ้าเมือง

 

เขาอุ้มทารกขึ้นมาอย่างระมัดระวังและตรวจสอบ

 

ทารกผู้นี้ไม่มีความอัปลักษณ์ใดๆเหมือนเด็กแรกเกิดทั่วไป ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเส้นผมสีเข้ม ใบหน้ากระจ่างสดใสและดูน่ารัก ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับดวงดาว ผิวของเขาขาวและอ่อนโยน

 

ทันใดนั้นแสงที่ควบรวมเป็นรูปดอกบัวสีแดงพลันลอยลงมาจากอากาศ ก่อนจะกลายเป็นปานรูปดอกบัวสีแดงอยู่กลางหน้าผากของทารก

 

ร่องรอยของความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของราชันมังกร เขาคิด โชคควบแน่นเป็นปานประทับอยู่กลางหน้าผากของเขา นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเทพอมตะคนใดมาก่อน เมื่อศิษย์ของข้ากลายเป็นเทพอมตะ เขาจะเป็นคนที่พิเศษที่สุด!

 

ขณะที่ราชันมังกรคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกราวกับกําลังแบกภูเขาเอาไว้ทั้งลูก ความรู้สึกรับผิดชอบอันแรงกล้าทําให้ราชันมังกรรู้สึกถึงความหนักหน่วง

 

“พวกเจ้าไม่จําเป็นต้องคุกเข่า ลุกขึ้น” หลังจากตรวจสอบทารกเรียบร้อยแล้ว ราชันมังกรส่งทารกคืนให้กับภรรยาของเจ้าเมือง

 

ราชันมังกรพ่นลมหายใจออกมาสามครั้ง หนึ่งตกลงบนตัวทารก อีกสองมุ่งไปที่เจ้าเมืองและภรรยาของเขา

 

ทารกผล็อยหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

 

เจ้าเมืองและภรรยารู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่พ์เมสูงขึ้นของตน

 

ภรรยาของเจ้าเมืองอุทานด้วยความตกใจ ความอ่อนล้าจากการคลอดบุตรหายไปในพริบตา ตอนนี้นางเต็มไปด้วยพลังงานราวกับร่างกายของนางกลับคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง

 

เจ้าเมืองหงจูค้นพบว่าอาการบาดเจ็บเก่าๆของเขาหายไปหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นถึงจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

โดยไม่ต้องตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หงจูและภรรยาเร่งขอบคุณราชันมังกรทันที

 

ราชันมังกรโบกมือ “พวกเจ้าไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้าเพราะข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า บิดามารดาและอาจารย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรักและดูแลบุตรชายผู้นี้เป็นอย่างดี ให้เขาสัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นของโลกใบนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเขา สิบปีหลังจากนี้ข้าจะกลับมาอีกครั้ง”

 

ราชันมังกรค่อยๆบินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคํารามของมังกรที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทุกคนมองราชันมังกรบินหายเข้าไปในกลุ่มเมฆ

 

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน ความโกลาหลก็ปะทุขึ้น