ตอนที่ 685
คืนตำแหน่ง
“อาจารย์พ้นโทษแล้ว?”หลังจากกลับมาจากเขตอสูรหุบเขามังกรเขียว หินเฟยก็พาเซี่ยจินเย่กลับมาที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายในทันทีพร้อมแจ้งข่าวดีที่ตนได้รับอีกด้วย
“งั้น…ท่านก็จะกลับอาณาจักรไป๋หรือเจ้าคะ”อาทู้ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีกังวล แม้ตอนนี้พวกตนจะสามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ ลำพังแค่พวกนางก็สามารถยืนหยัดเป็นสำนักอันดับ 1 ของอาณาจักรซานได้แล้ว หลินเฟยจะกลับอาณาจักรไป๋ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร
“พูดอะไรของพวกเจ้า ที่อาณาจักรไป๋มีคนจ้องเล่นงานข้าเยอะจะตาย ข้าอยู่สบายๆที่นี่ดีกว่า”หลินเฟยว่าพลางโบกมือไปมาเป็นท่าทางปฏิเสธ แน่นอนว่าตอนนี้หลินเฟยสามารถเดินทางกลับอาณาจักรไป๋ได้ตามสบายรวมถึงเข้าเขตอสูรผาไร้ก้นได้เช่นเดิม แต่หลินเฟยไม่ใช่พวกที่จะอยู่แต่ในเขตอสูรผาไร้ก้นได้ เลยตัดสินใจที่จะอยู่อาณาจักรซานต่อแล้วค่อยไปมาหาสู่ระหว่างอาณาจักรไป๋และซานเอา
“แล้วเจ้าล่ะเซี่ยจินเย่ เจ้าไม่ไปอยู่กับพ่อแม่งั้นหรือ”หนี่หลิงหนานถามพลางมองเซี่ยจินเย่ที่ตามมาด้วย จากเรื่องที่เล่าให้ฟัง เซี่ยจินเย่ก็ได้พบครอบครัวแล้วนี่นา
“ข้ายังเป็นศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอยู่ แถมถ้าอยากเจอก็ไปหาได้ตลอดด้วย”เซี่ยจินเย่ตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ ยามนี้ที่ไหล่ของนางมีนกตัวหนึ่งเกาะอยู่ลักษณะเหมือนนกของหวังกุ้ยฉินไม่มีผิด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมันคือลูกของอสูรที่หวังกุ้ยฉินพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอนั่นเอง แม้ระดับพลังจะไม่เท่ากัน แต่เรื่องความเร็วรับรองว่าไม่แพ้กันแน่ๆ หรือก็คือเซี่ยจินเย่สามารถใช้อสูรตนนี้บินไปไหนมาไหนได้ตามสะดวกเหมือนหลินเฟยนั่นเอง
“งั้นเหรอ ยินดีกับเจ้าด้วยนะ”อาทู้ว่าพลางเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับเซี่ยจินเย่ แต่จริงๆแล้วเรื่องศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นไม่ใช่เป้าหมายหลักแต่อย่างไร เพียงแต่เซี่ยจินเย่เองก็อยากจะอยู่ใกล้ๆกับหลินเฟยเท่านั้นเอง
“พวกท่านไม่ไปไหนก็ดีแล้วขอรับ แต่….”ฟงเป่าแสดงท่าทียินดีกับข่าวที่หลินเฟยเอามาบอก แต่ตอนนี้ฟงเป่ากำลังสงสัยว่าผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินเฟยกับอาจารย์อาของพวกมันอย่างชิวซุยมาทำอะไรที่นี่ต่างหาก
“เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใครล่ะ”หลินเฟยยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางหันไปมองชิวซุยและหลานฮวาที่ตามมาด้วย แถมในอ้อมแขนของชิวซุยยังมีเหมาเหมาติดมาอีกตนเสียอีก
“ก็ท่านพี่ไม่ได้ถูกลงโทษแล้วนี่นา ข้าก็เลยจะมาอยู่กับท่านพี่”ชิวซุยตอบพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีน่าเอ็นดู แน่นอนเรื่องชิวซุยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เรื่องนางจะมาอยู่ที่นี่นั้นหลินเฟยเดาออกแต่แรกแล้ว
“ข้าเป็นผู้ติดตามของเจ้า ในเมื่อเจ้ากลับมาใช้ชื่อสกุลไป๋แล้วข้าก็กลับมาทำงานเท่านั้นเอง”หลานฮวาตอบด้วยท่าทีสบายๆอย่างมาก ช่วงที่หลินเฟยโดนทำโทษนางกลับไปที่สำนักร้อยบุปผาเพื่อฟื้นฟูสำนักใหม่อีกครั้ง แต่พอได้ทราบข่าวว่าหลินเฟยได้รับการลดโทษแล้วนางก็กลับมาทำงานเช่นเดิมเท่านั้นเอง
“จะว่ายังไงดีล่ะ พอได้ยินว่าเจ้ากลายเป็นเจ้าสำนักแล้วข้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้”หลานฮวาตอบพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ บอกตามตรงว่าตลอดเวลาที่พักงานไปนางกังวลเรื่องหลินเฟยเสมอเลย กลัวว่าหลินเฟยจะไปก่อเรื่องอะไรอีก แต่ดูเหมือนนางจะกังวลเกินไป
“ก็อย่างที่พวกนางบอกล่ะ ข้าจะไปบอกให้ผานซูจัดที่พัก พวกเจ้าพาทั้งสองคนไปเดินชมสำนักเถอะ”หลินเฟยตอบพลางเดินเข้าไปในสำนักเพื่อบอกให้ผานซูเตรียมจัดห้องให้แขกทั้งสอง และนอกจากนี้หลินเฟยยังต้องไปปรับเปลี่ยนสูตรยาของสำนัก และเรื่องคลังของสำนักอีก นั่นเพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่หลานฮวาเท่านั้นที่กลับมาหาหลินเฟย การได้ใช้ชื่อตระกูลไป๋อีกครั้งก็เท่ากับว่าสภาพการเงินของหลินเฟยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง รวมถึงการหาสมุนไพรล้ำค่าจากเขตอสูรผาไร้ก้นอีกด้วย นับจากนี้ยาที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายใช้จะไม่ด้อยไปกว่าสำนักในอาณาจักรไป๋เลย
.
.
“รอบๆดูไม่ค่อยดีเลยนะ เคยเกิดเรื่องอะไรงั้นเหรอ”หลานฮวาถามขึ้นขณะพวกหนี่หลิงหนานกำลังพาพวกนางไปเดินชมในตลาด
“ก่อนหน้านี้สำนักอันดับสองอย่างสำนักวิญญาณกระบี่มาโจมตีพวกเราขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางมองไปรอบๆสำนัก สภาพความเสียหายยังไม่หายไปหมด แม้จะมีการเก็บกวาดแล้วแต่ก็ไม่อาจลบร่องรอยทั้งหมดได้
“มาโจมตี…..เพราะหลินเฟยงั้นเหรอ”หลานฮวาเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ช่วยไม่ได้นี่นานางติดตามหลินเฟยช่วงทำตัวเหลวแหลกมาตั้งนานเลยคิดออกมาแบบนั้นเป็นอย่างแรก
“เปล่าหรอกขอรับ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะข้ามากกว่า”ฟงเป่าตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา สำนักวิญญาณกระบี่มีเรื่องกับสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเพราะตระกูลฟง แต้คนจุดชนวนจะเป็นไป๋จูล่งก็ตาม แต่สุดท้ายทั้งหมดก็เพราะความขัดแย้งของตระกูลฟงกับตระกูลหยูอยู่ดี
“แล้วนั่นล่ะ”หลานฮวาถามพลางมองไปทางสำนักหมู่ดาวที่อยู่คนละฟากของตลาด แต่เดิมสำนักหมู่ดาวกว้างขวางยิ่งใหญ่ และมักจะมีผู้คนอยู่ภายในมากมาย แต่ยามนี้มันกลับเป็นเพียงอาคารร้างแถมยังพังลงมาแล้วอีกต่างหาก
“นั่น…น่าจะเป็นเพราะฝ่ามือของอาจารย์”ฟงเป่าหัวเราะแฮะๆออกมาพลางมองสำนักหมู่ดาวที่พังลงมาแล้ว ก่อนหน้านี้มันยังไม่พังเลยสงสัยจะเป็นเพราะตอนอาจารย์ซัดฝ่ามือใส่เจ้าสำนักหมู่ดาวแน่ๆ ตอนนั้นกำแพงพังไปเยอะมาก พอปล่อยทิ้งเอาไว้นานๆโครงสร้างเลยรับน้ำหนักไม่ไหวแล้วพังลงมาแน่ๆ
“ไม่ใช่ความผิดของอาจารย์นะเจ้าคะ อาจารย์ช่วยข้าก็เลยโจมตีกลับไปเท่านั้นเอง”อาทู้รีบเข้ามาแก้ตัวทันทีเพราะดูเหมือนหลานฮวาจะเข้าใจผิด
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะตั้งใจรับหน้าแทนอาจารย์ของพวกเจ้าเหลือเกินนะ”หลานฮวาว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ บอกตามตรงว่านางไม่เคยนึกภาพหลินเฟยเป็นเจ้าสำนักหรืออาจารย์มาก่อนเลย
“พวกเราไม่ได้รับหน้าแทนนะเจ้าคะ อาจารย์ทำทั้งหมดลงไปเพราะพวกเราจริงๆ”หนี่หลิงหนานช่วยยืนยันอีกคนทำให้หลานฮวาอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“หลินเฟยที่พวกเจ้ารู้จัก กับหลินเฟยที่ข้ารู้จักอย่างกับคนละคนไม่มีผิด”หลานฮวาว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ วันนั้นก่อนโดนลงโทษหลานฮวาเองก็เห็นแล้วว่าหลินเฟยรู้สึกผิดแค่ไหน แต่เพราะไม่ได้อยู่ที่อาณาจักรไป๋ก็เลยไม่ทราบข่าวเท่าไหร่ว่าหลินเฟยทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
“อาจารย์ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วนะเจ้าคะ อาจารย์ปรับเปลี่ยนตัวเองแล้ว ท่านเป็นคนดีมากๆสำหรับพวกเราเลยเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบด้วยท่าทีจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็จะยืนยันว่าหลินเฟยเป็นคนดีมากจริงๆ
“นั่นสิ ข้าคงตกข่าวไปหน่อย… เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ระหว่างเดินชมตลาดเจ้าช่วยเล่าเรื่องของหลินเฟยให้ข้าฟังได้หรือเปล่า”หลานฮวาว่าพลางยิ้มหวานให้กับเหล่าศิษย์ของหลินเฟย แน่นอนว่าทุกคนย่อมยินดีจะเล่าอยู่แล้วโดยเฉพาะชิวซุยที่แทบจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยก็ตาม
.
.
“ข้าต้องยอมรับนะว่าเจ้าปรับปรุงตัวเองจริงๆ”หลังจากจัดการเรื่องในสำนักจนเสร็จแล้ว ในที่สุดหลินเฟยก็ได้มีเวลาพักเสียที แต่ยังไม่ทันกลับไปถึงห้องของตนเองหลินเฟยก็พบกับหลานฮวาที่มาแอบดักตนเองเสียก่อน
“ข้าเองก็โตขึ้นใช่ไหมล่ะ”หลินเฟยยิ้มพลางเดินต่ออย่างเคยชิน ก่อนจะโดนลงโทษหลานฮวาก็ทำตัวแทนเงาหลินเฟยแบบนี้อยู่แล้ว แทนที่จะบอกว่าประหลาดใจเรียกว่าคิดถึงเสียมากกว่า
“ก็ได้ ข้ายอมรับ แต่เรื่องผู้หญิงนี่ยังไงก็หนีไม่พ้นจริงๆนะ”หลานฮวาหัวเราะพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนจะทำท่ายอมแพ้
“พูดอะไรของท่าน ตั้งแต่ลงมาทางใต้ข้าก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลยนะ”หลินเฟยตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ มันพยายามหลีกเลี่ยงสุดๆแล้วทั้งๆที่มีโอกาสหว่านล้อมหญิงสาวตั้งหลายครั้ง
“แต่ข้าว่าเซี่ยจินเย่กับอาทู้ก็น่ารักดีนะ”หลานฮวายิ้มกว้างพลางเดินตามหลินเฟยไปที่ห้องของเจ้าสำนักช้าๆ
“อาทู้….”หลินเฟยเลิกคิ้วพลางมองหลานฮวาด้วยท่าทีสงสัย เรื่องของเซี่ยจินเย่หลินเฟยรู้ดีแล้วว่านางคิดอย่างไรกับตนเอง แต่อาทู้เนี่ยเกี่ยวด้วยงั้นหรือ
“อะไรกัน ทำไมเจ้าแปลกใจแค่ชื่ออาทู้เล่า”หลานฮวาเห็นท่าทีของหลินเฟยก็เลิกคิ้วด้วยท่าทีหยอกล้อ นี่แสดงว่ามันเองก็รู้ตัวสินะ
“ข้าว่าเรื่องของอาทู้ท่านคงเข้าใจผิดแน่ๆ นางไม่คิดอะไรหรอก”หลินเฟยว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ อาทู้ไม่ได้แสดงท่าทีรักใคร่ในตัวหลินเฟยให้เห็นนี่นา แถมนางออกจะเป็นคนเปิดเผยหากรักใครสักคนนางคงแสดงออกชัดเจนไปแล้วแน่ๆ
“แต่ข้ามองเห็นเป็นแบบนั้นนี่นา แต่นางคงกำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรอยู่ละมั้ง น่าแปลกจังนางก็ออกจะสวย แถมยังมีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่หายากด้วย ทำไมถึงไม่ยอมแสดงออกให้เจ้าเห็นกันนะ”หลานฮวาว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา
“ไม่ใช่ว่าท่านเข้าใจผิดไปเองหรอกหรือ แล้วอีกอย่างข้ากับนางก็เป็นศิษย์อาจารย์กัน เรื่องระหว่างหญิงชายมัน..”หลินเฟยถอนหายใจออกมาช้าๆ แค่เรื่องของเซี่ยจินเย่ก็หนักใจพอแล้ว หากรวมอาทู้เข้าไปด้วยมันยิ่งได้หนักใจกว่าเดิมแน่
“คนอย่างเจ้าเนี่ยนะมาสนเรื่องระหว่างศิษย์อาจารย์”หลานฮวาได้ยินก็หัวเราะออกมา
“เทียบกับการแย่งภรรยาผู้อื่น แค่อาจารย์รักกับศิษย์ของตัวเองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก มันอยู่กับว่าเจ้ารักพวกนางหรือเปล่า ถ้าเจ้ารักก็มอบความรักให้พวกนางซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ได้แต่เจ็บปวดเหมือนตอนนั้นอีก”หลานฮวาพูดออกมาให้หลินเฟยได้ฟัง ปัญหาของหลินเฟยไม่ใช่ว่าระหว่างหลินเฟยกับพวกเซี่ยจินเย่นั้นเป็นอะไร แต่หลินเฟยนั้นรู้สึกอย่างไรกับพวกนางมากกว่า ต่อให้อาณาจักรซานต่อต้านเรื่องความรักระหว่างศิษย์อาจารย์ก็ตาม แต่หากหลินเฟยรักพวกนางจริงจะมีใครบ้างกล้าออกมาโต้แย้ง แถมผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณนั้นยังมีอายุยืนยาว เรื่องความห่างของอายุเป็นปัญหาใหญ่ของศิษย์และอาจารย์นั้นแทบจะไม่มีผลอะไร แถมหลินเฟยยังอายุน้อยกว่าอาทู้เสียด้วยซ้ำไป
“ข้ารู้สึกอย่างไรกับพวกนางงั้นเหรอ”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางที่พักของพวกเซี่ยจินเย่ หลินเฟยวางตำแหน่งของตนเองเป็นอาจารย์เสมอมา ไม่เคยมองพวกนางเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลย แล้วหากพวกนางไม่ใช่ศิษย์ของตนแล้วพวกนางจะเป็นอะไรกับมันกันแน่….