ตอนที่ 801 ความคิดถึงคือบ่อเกิดของโรคร้ายแรง(2) โดย Ink Stone_Romance
คำอธิบายแต่ละอันแค่พูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็น่าตกใจมากพอแล้ว
“งั้นเธอก็สารภาพมาซะดีๆ เถอะว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”
“หืม? ฉันบอกเธอไปแล้วไม่ใช่หรือว่าตอนนี้เราสองคนกำลังคุยกันอยู่น่ะ? ก็ต้องคบกันอยู่สิ”
“ผีน่ะสิถึงเชื่อเธอว่าเพิ่งมาคบกันตอนนี้” ชิงอิ๋งมองเธอด้วยสายตาประเมิน “เมื่อกี้ตอนที่ฉันบอกตัวตนของเย่เซียวให้เธอฟัง เธอไม่ตกใจสักนิด ไม่มีท่าทีตะลึงอะไรเลย—เธอต้องรู้ว่าผู้หญิงทั่วไปถ้ารู้ตัวตนเขาเข้าคงคุกเข่ากับพื้นดัง ‘ตุ๊บ’แล้ว—แต่เธอยังนิ่งได้ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความจริงเธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขามาอย่างดีแล้ว แถมคนสถานะอย่างเขาทำไมจู่ๆ ถึงวิ่งแจ้นมาเป็นนายแบบให้สถาบันของเรา จะว่ายังไงก็ไม่เข้าท่า อีกทั้งเขาเย็นชาขนาดนั้นแต่กลับตรงดิ่งไปนั่งตรงหน้าเธอ จากการคาดเดาของฉันแล้ว แฟนคนก่อนที่เธอพูดถึง คงหมายถึงเขาสินะ?”
ท่าทางเป็นจริงเป็นจังของเธอทำเอาไป๋ซู่เย่หลุดขำ “ความฝันของเธอไม่ควรไปเป็นนักสืบเหรอ? ทำไมถึงมาเป็นนักวาดล่ะ?”
“งั้นฉันก็เดาถูกน่ะสิ?!” ชิงอิ๋งตาวาว ตื่นเต้นอย่างมาก
ไป๋ซู่เย่เล่นตัว“ครึ่งครึ่งแล้วกัน”
“ครึ่งไหนอะ?”
“ไม่บอกเธอหรอก” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบกลับเธออีก หยิบสมุดวาดของตัวเองมาเตรียมเรียนคาบที่สอง
ชิงอิ๋งจิ๊ปากอีกทีพร้อมส่ายศีรษะคร่ำครวญ“ที่แท้ฉันก็ได้เป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ธรรมดาอย่างเธอโดยไม่รู้ตัวซะได้ นี่ ซู่ซู่ เธอว่าถ้าอนาคตฉันเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา ขอให้คนของเธอช่วยจัดการได้มั้ย?”
“เธอจะมีปัญหาอะไรได้?”
“อย่างเช่น โดนอันธพาลรังแกไง”
“เธอไม่รังแกอันธพาลก็ดีมากแล้ว”
“…”
ทั้งคู่ตอบโต้กันไปมาคนละประโยคกระทั่งเสียงกริ่งเริ่มเรียนดังขึ้นทั้งคู่ถึงหยุดก่อนจะตั้งใจเรียน
ไป๋ซู่เย่กำลังคิด ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาตื่นหรือยัง
————————
ชั้นบนสุดของบริษัทไฟกรุ๊ป
ขณะที่เย่เซียวปรากฏตัวพนักงานทุกคนต่างยืนทักทายอย่างพร้อมเพรียง “อรุณสวัสดิ์ นายน้อย”
“อืม อรุณสวัสดิ์” เขาพยักหน้าและตอบกลับไปที
ทุกคนยืนชะงักจากนั้นก็มองกันไปมาด้วยความตกใจ มีความรู้สึกเหมือนฝนจะตกเป็นสีแดง
วันนี้เป็นวันอะไร? พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกหรือ
“ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้? ไปทำงานของตัวเองสิ” เห็นพวกเขาไม่มีท่าทีขยับเย่เซียวเลยเสริมอีกประโยค
ทุกคนถึงเพิ่งได้สติกลับมาพลางรีบกลับประจำตำแหน่งตัวเอง ก่อนจะกลับไปไม่ลืมหันมามองเขา
เย่เซียวทำเป็นไม่เห็น กลับเข้าห้องทำงานตัวเอง
“เฮ้ วันนี้นายน้อยเป็นอะไร? พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกเหรอ?” พอเขาเข้าไปพนักงานทุกคนก็รีบมาสุมหัวซุบซิบทันที
“หนึ่งเดือนกว่านี้ในบริษัทเหมือนปกคลุมด้วยเมฆมืดครึ้ม ฉันอึดอัดจนวันนี้ไม่กล้ามาทำงานแล้วเชียว ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่ฟ้าแจ่มใส!”
“แล้วก็นะเมื่อกี้นายน้อยตอบกลับเราด้วย ไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย?”
“ไม่ผิด ตอบเราจริงๆ”
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินว่าผู้หญิงที่นายน้อยรักที่สุดตายไปถึงได้เสียใจขนาดนั้น ตอนนี้เห็นอารมณ์ดีขนาดนั้น หรือว่า…มีคนใหม่แล้ว?”
“นี่เพิ่งหนึ่งเดือนเองนะ ไม่เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้หรอกมั้ง?”
“ใครจะรู้ล่ะ? ผู้ชายเปลี่ยนใจง่ายเป็นเรื่องธรรมดา เจอใครก็กล้าบอกว่าเป็นรักแท้ นายน้อยมีดีขนาดนี้ จะหลายใจก็ไม่แปลก”
ประโยคนี้ผู้หญิงทุกคนต่างพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยถึงที่สุด คิดว่าอธิบายได้มีเหตุผลดีทุกคนเลยไม่พูดคุยต่อ กลับไปทำงานของตัวเองเหมือนเดิม
เย่เซียวไม่รู้ตัวเลยเพียงเพราะคำว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ คำเดียวของตนได้กลายเป็นผู้ชายหลายใจที่พร้อมจะเปลี่ยนใจไปเสียแล้ว
เขาจัดการงานที่รีบเร่งก่อน—ตอนนี้ต้องจัดตารางชีวิตใหม่ ตารางงานเลยต้องเริ่มวางแผนใหม่
หลังจัดการงานที่สำคัญเสร็จไปเขากดสายให้เลขาเรียกหยูอันกับหลี่สือเข้ามา
ไม่นานพวกเขาก็เข้ามา
“นายท่าน”
“นั่งสิ” เย่เซียวชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ
หยูอันกับหลี่สือนั่งลงตามคำสั่ง ทั้งคู่มองดูสีหน้าเขาเพียงแวบเดียวก็ดูออก เทียบกับเมื่อวานแล้วดีขึ้นมากกว่าพันกว่าหมื่นเท่า ใจพวกเขารู้ดีว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร
ในโลกใบนี้มีเพียงการจากไปและการปรากฏตัวของไป๋ซู่เย่เท่านั้นที่จะทำให้อารมณ์ของเขาขึ้นลงได้มากขนาดนี้
“มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากคุยกับพวกนายจริงจัง” เย่เซียวทำหน้าเคร่งขรึม
หยูอันและหลี่สือสบตากันแวบหนึ่ง ในใจพอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร
ทั้งคู่ไม่พูด แค่รอเย่เซียวพูดต่อ
“ฉันคบหากับเธอ พวกนายมีความคิดยังไง?”
คำถามนี้ เป็นไปตามความคาดหมายของพวกเขา
“หลังจากเรื่องครั้งก่อนก็ถือว่าได้เคลียร์เรื่องที่ค้างคาระหว่างเรากับเธอหมดแล้ว เธอโดนยิงสองนัดถึงภายหลังจะรอดกลับมานั่นก็เพราะดวงเธอแข็ง พูดสรุปก็คือเธอได้ให้ข้อสรุปกับพวกพ้องเราอย่างดีแล้ว จบเรื่องนี้ไปความจริงทุกคนก็ปล่อยวางกันแล้ว ถ้าท่านจะแต่งงานกับเธอ อนาคตเธอย่อมเป็นนายหญิงของเรา จุดนี้ เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด”
คำของหยูอันที่ไร้ความลังเลใจและแน่วแน่เด็ดขาด
ความจริงเรื่องในวันนั้นทำให้เขารวมถึงทุกๆ คนรู้สึกตะลึงกันถ้วนหน้า
ชั่ววูบที่เขาคิดว่าไป๋ซู่เย่ไม่ใช่ผู้หญิงใจร้ายใจดำอำมหิตและไร้หัวใจอย่างที่ตนเคยเกลียดชังคนนั้น ชั่ววูบที่เขาเองก็เข้าใจในความเอือมระอา ความเศร้าใจของเธอได้
ใช้ความตายร้องขอความเชื่อใจ ร้องขอการให้อภัย ร้องขอการหลุดพ้น นี่ไม่ใช่ความกล้าที่ผู้หญิงทุกคนจะมี
เย่เซียวรักเธอเข้ากระดูกใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล และมีแค่ผู้หญิงอย่างเธอเท่านั้นถึงจะยืนเคียงข้างเย่เซียวได้
เย่เซียวหันสายตาไปทางหลี่สือ หลี่สือเองก็พยักหน้า “เราทุกคนได้รับการช่วยเหลือจากท่าน ในเมื่อท่านยอมเอาชีวิตไว้ในมือของคุณไป๋ งั้นพวกเราก็จะเหมือนเมื่อก่อน ยอมรับมัน”
อีกทั้งทุกคนรู้ดีว่าไม่มีไป๋ซู่เย่ เย่เซียวมีชีวิตต่อไม่ได้
ในฐานะพวกพ้องใครเล่าจะหวังให้พี่ใหญ่ของตัวเองตาย? พวกเขายอมปล่อยวางอคติของตัวเอง ปล่อยวางบุญคุณความแค้นเพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
ความอบอุ่นวาบขึ้นในใจของเย่เซียว มองพวกเขาทั้งคู่อย่างจริงจัง กล่าวเพียง “ขอบคุณ!”
“ระหว่างพี่น้องด้วยกัน ไม่เห็นต้องเกรงใจกันขนาดนี้เลย?”
เย่เซียวเองก็ไม่ถนัดเรื่องใช้ความรู้สึกแบบนี้ ระหว่างผู้ชายด้วยกัน ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
“งั้นพวกนายออกไปเถอะ เดี๋ยวเตรียมประชุม”
“ครับ นายท่าน” ทั้งสองลุกยืนก่อนจะถอยออกจากห้องไป
ต่างพรูลมหายใจโล่งอก
ไป๋ซู่เย่กลับมาแล้ว เย่เซียวก็จะยอมรับการผ่าตัดของคุณชายถัง หินก้อนใหญ่ที่ทับอกของทุกคนได้ยกออกสักที
————————
………………………