ตอนที่ 145-4 ศักยภาพเกินต้านทาน สั่นสะเทือนทั่วอู๋โยว

จำนนรักชายาตัวร้าย

ได้ฟังคำถามของซยาหยิ่งแล้ว แต่เหลียนจิ่นก็ยังคงมีสีหน้าราบเรียบไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด 

 

 

“น่าขำ! ข้าชอบผู้หญิง! อีกอย่างข้าก็มีคนที่ชอบในใจแล้วด้วย!” 

 

 

เมื่อได้รับการยืนยันจากเหลียนจิ่น ก็ทำให้ซยาหยิ่งวางใจ  

 

 

สำหรับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ปราชญ์ราชันย์อะไรนั่น นางจะไม่ไปสนใจพวกเขาชั่วคราว 

 

 

นางจะต้องรีบตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูก รอให้ลูกเติบโตขึ้น มีผู้ที่จะมาสืบทอดแล้ว นางจึงค่อยไปทำ ‘เรื่องนั้น’ 

 

 

เมืองลู่  

 

 

การบำเพ็ญทุกกรกริยาครั้งที่สามดำเนินไปกว่าหนึ่งชั่วยาม 

 

 

ซย่าโหวฉงิเทียนในตอนนี้ไม่หลงเหลือเค้าเดิมที่หล่อเหลาสูงส่งอีกต่อไป เสื้อผ้าชุดสีม่วงที่หรูหราของเขาขาดวิ่นจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นเสื้อผ้า ที่มุมปากที่รอยเลือดซึมออกมา 

 

 

สายฟ้าแห่งเคราะห์ เป็นสิ่งที่คนธรรมดา มิอาจทนรับไหวจริงๆ! 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเช็ดเลือดที่มุมปาก สายตาทอดมองไปยังทิศทางของเมืองเฮ่อ 

 

 

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องของตัวเองเลยแม้สักนิด ตรงกันข้ามในเวลานี้เขากำลังครุ่นคิด หากว่าอวี้เฟยเยียนสำเร็จถึงขั้นเทพอาวุโสและจะต้องบำเพ็ญทุกกรกริยาเพื่อสำเร็จถึงปราชญ์ราชันย์ นางจะสามารถทนไหวหรือไม่ 

 

 

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถผ่านพ้นการบำเพ็ญทุกกรกริยานี้ได้อย่างราบรื่น 

 

 

‘แมวน้อยที่อ่อนแอบอบบางเช่นนั้น นางจะสามารถก้าวข้ามผ่านสายฟ้าแห่งเคราะห์ได้หรือไม่นะ?’ 

 

 

สายฟ้ายังคงฟาดงมาอย่างต่อเนื่อง มันกำลังร้องคำราวกับฟ้าคลั่ง ดูคล้ายกับกำลังเร่งรุดลำทายชายหนุ่มที่ถูกสายฟ้าล้อมรอบเอาไว้ให้มอดม้วยมรณาลงไป 

 

 

มองดูสายฟ้าหลายแฉกที่ฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่ง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มเ**้ยมเกรียมตอบรับ 

 

 

“ข้าจะไม่พ่ายแพ้ ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้!” 

 

 

“สวรรค์! นี่เขาจะทำอะไรกันแน่?” 

 

 

บรรดาชาวบ้านที่เฝ้าคอยติดตามดูทุกการกระทำของซย่าโหวฉิงเทียนโดยตลอดร้องขึ้น พวกเขาเห็นเพียงแค่สองมือของซย่าโหวฉิงเทียนกำแน่น ลำแสงสีม่วงโอบล้อมรอบตัวเขา ลำแสงสำม่วงที่หมัดขวาของซย่าโหวฉิงเทียนค่อยๆขยายขึ้นต่อต้านกับสายฟ้าที่ฟาดลงมา 

 

 

สุดท้าย ชายหนุ่มในชุดสีม่วงพุ่งทะยานขึ้นไป กระแทกเข้ากับกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้าทันที 

 

 

นะ…นี่ มันเหลวไหลสิ้นดี! 

 

 

คนอื่นเมื่อเห็นสายฟ้าแห่งเคราะห์ฟาดลงมาก็มีหลบหลีกแทบไม่ทัน แต่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือการพุ่งเข้าใส่มันตรงๆ 

 

 

ผู้คนมากมายถึงกับยกมือขึ้นปิดตาไม่กล้ามอง เพราะพวกเขาไม่อยากที่จะเห็นภาพน่าสยดสยองตรงหน้า 

 

 

หายากนักที่จะมีเทพอาวุโสที่ยังหนุ่มแน่นหล่อเหลาเพียงนี้ ทว่าเขากลับต้องมาถูกสายฟ้าแห่งเคราะห์ผ่าตายเพียงเพราะเลอะเลือนชั่วขณะ น่าเสียดายจริงเชียว! 

 

 

บึ่ม! 

 

 

เสียงดังสนั่นลงมาจากฟากฟ้า ทุกคนยกมือขึ้นปิดหู ราวกับว่าโลกใบนี้กำลังจะอวสานลงตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ชั่วขณะนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนที่พุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้าก็ถูกมวลเมฆดำกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

“ฮ่าๆ!” หลิวอวี๋เซิงที่หลบหนีออกไปจนไกลโพ้นแล้ว เห็นภาพนั้นเข้า ก็หัวเราะร่าออกมาด้วยความดีใจ 

 

 

“ดี ดีมาก!”  

 

 

‘ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น คราวนี้เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!’ 

 

 

เมื่อได้เห็นฉากนั้นอารมณ์ความรู้สึกของหลิวอวี๋เซิงที่อัดแน่นมานาน ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาเสียที 

 

 

“เยี่ยมไปเลย! ฮ่าๆ!” นักรบของสกุลหลิวพลอยดีอกดีใจไปด้วย 

 

 

แม้ว่านักรบชาวสกุลหลิวจะบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อได้เห็นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก 

 

 

เพียงแต่ พวกเขาดีใจได้เพียงไม่นาน 

 

 

เสียงฟ้าฟาดอย่างรุนแรงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆดำแยกออกจนเกิดเป็นเส้นทางแห่งแสงสว่าง แสงสีม่วงทอดลงมาฟ้าตามทางแห่งแสงสว่างนั้น มันส่องสว่างทำให้พื้นที่ทั้งหมดสว่างไสว 

 

 

“ไม่…เป็นไปไม่ได้…” 

 

 

หลิวอวี๋เซิงร้องเสียงหลง พร้อมๆกับดึงทึ้งผมเผ้าของตัวเอง 

 

 

ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นรนหาที่ตายถึงเพียงนั้น เขาจึงสมควรตายไปแล้วนี่นา! 

 

 

‘แล้วเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!’ 

 

 

ขณะเดียวกันในเวลานั้น ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่กลางเวหาด้วยความเคารพนับถือและหวาดกลัว 

 

 

ร่างของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าโอบล้อมด้วยแสงสีม่วงทองแวววาวระยิบระยับ จนทำให้ร่างของเขาสะท้อนแสงแสบตา มันเปี่ยมด้วยสง่าราศี ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต้องทรุดกายคุกเข่าลง 

 

 

“นับตั้งแต่วันนี้ไป เขตแดนของสกุลสุ่ยเป็นของข้า! หากใครรนหาที่ตาย จะต้องมีจุดจบดังเช่นสุ่ยฮั่วอี!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวจบ ก็ไม่รีรอ พุ่งทะยานออกไปมุ่งหน้าสู่เมืองเฮ่อทันที 

 

 

เขารับปากอวี้เฟยเยียนเอาไว้ ภารกิจเสร็จสิ้นจะกลับเมืองเฮ่อไปหานางทันที 

 

 

การบำเพ็ญทุกกรกริยากินเวลานานเกินไป ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์ที่เมืองเฮ่อตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว 

 

 

วินาทีที่ซย่าโหวฉิงเทียนทะยานอยู่เหนือหัวของหลิวอวี๋เซิงนั้น ทำเอาหลิวอวี๋เซิงตกใจขวัญผวาจนเกือบจะฉี่ราด ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา หลิวอวี๋เซิงจึงถอนใจออกมาอย่างโล่งอก 

 

 

แต่ทว่าหลิวอวี๋เซิงยังโล่งอกได้ไม่ทันไร เสียงร้องครวญครางก็ดังขึ้นที่ข้างหู 

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้างกายของเขามีคนชุดดำสองคนเพิ่มมา คนชุดดำสองคนปกปิดใบหน้า คงเหลือเอาไว้เพียงดวงตา 

 

 

“พวกเจ้าเป็นใคร…” หลิวอวี๋เซิงกล่าวยังไม่ทันจบ นักรบสกุลหลิวข้างกายของเขาก็ล้มลงไปอีกหลายคน 

 

 

ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมาเพื่อสังหารพวกเขา! 

 

 

‘พวกมันเป็นใครกันแน่?’ 

 

 

‘หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นส่งพวกมันมากวาดล้างพวกเขา?’ 

 

 

‘เขาช่างต่ำช้ายิ่งนัก!’ 

 

 

“ประมุข รีบหนีไปเร็วเข้า!” นักรบสกุลหลิวคนหนึ่งเข้าไปต้านคนชุดดำเอาไว้ พร้อมกับร้องตะโกนบอกหลิวอวี๋เซิง เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลิวอวี๋เซิงจึงได้สติเริ่มวิ่งหลบหนีไปทันที 

 

 

แต่ทว่า ต่อให้เขาวิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็มิอาจรวดเร็วกว่าลูกธนูไปได้ 

 

 

วินาทีที่ธนูพุ่งเจาะไหล่ขวาของเขานั้น หลิวอวี๋เซิงยังกัดฟันหักปลายธนูทิ้งแล้วจึงค่อยดึงลูกธนูออกมา 

 

 

พอดีกับที่คนชุดดำเหล่านั้นก็ถูกนักรบของสกุลหลิวเข้าต่อสู้จนติดพลัน เปิดโอกาสให้หลิวอวี๋เซิงหนีไปได้ 

 

 

รอจนกระทั่งหลิวอวี๋เซิงวิ่งหนีไปจนไกลลิบแล้ว คนชุดดำก็ลงมือสังหารนักรบสกุลหลิวทั้งหมดอย่างไม่ปราณี 

 

 

“ตายหมดแล้วหรือยัง?” เสียงเกียจคร้านดังแว่วขึ้น 

 

 

“นายน้อย ตายหมดแล้วขอรับ! ข้าน้อยได้ทำตามที่ท่านสั่งการ ปล่อยหลิวอวี๋เซิงไป!” คนชุดดำสองคนให้ความเคารพยำเกรงชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นอย่างมาก 

 

 

เช่นนั้นก็ดี เหวินเหรินเจี๋ยยิ้มออกมา 

 

 

“นายน้อย เพราะอะไรพวกเราถึงไม่ฆ่าหลิวอวี๋เซิงเสียขอรับ?” ชายชุดดำผุ้หนึ่งกล่าวถาม 

 

 

“จะว่าไป น้องสาวของนายท่านคือคุณนายใหญ่แห่งสกุลหลิว หากว่าหลิวอวี๋เซิงรู้ว่าคนที่ลงมือคือนายน้อยแห่งสกุลเหวิน มิเท่ากับก่อให้เกิดความบาดหมางของสองตระกูลขึ้นหรอกหรือ?” 

 

 

“ปล่อยเขาให้มีชีวิตรอด นำข่าวนี้ไปแจ้งแก่สกุลหลิวนะสิ!” 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยทอดถุงมือดดิ้นทองของตนเองออก แล้วฉีกยิ้มที่ไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยออกมา 

 

 

“พวกเจ้าวางใจเถอะ พวกเขาไม่มีทางสงสัยมาถึงตัวข้าได้! หลิวอวี๋เซิงจะต้องคิดว่านี่เป็นฝีมือของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ่นอย่างแน่นอน! ธนูดอกนั้นข้าทายาพิษเอาไว้ เพียงพอที่จะให้เขามีชีวิตรอดไปถึงสกุลหลิว แจ้งข่าวนี้ให้หลิวปิงปิงได้รู้!” 

 

 

“เหอะๆ แล้วคราวนี้ ละครสนุกๆก็จะเริ่มต้นขึ้น! เมืองอู๋โยวของเราไม่ได้มีอะไรสนุกๆเช่นนี้มาตั้งนานแล้วนะ!” 

 

 

คำพูดของเหวินเหรินเจี๋ย ชายชุดดำผู้นั้นไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด 

 

 

ความสามารถของนายน้อย ทุกคนต่างก็รู้ดี ในเมื่อนายน้อยให้จัดการเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน 

 

 

“นายน้อย ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหน?” 

 

 

“เมืองเฮ่อ——” เหวินเหรินเจี๋ยเงยหน้าขึ้น มองตามไปยังทิศทางที่ซย่าโหวฉิงเทียนมุ่งหน้าไป 

 

 

“เขามาแล้ว นางก็น่าจะมาด้วย ข้ารู้สึกสนใจในตัวนางจริงๆด้วยสิ!” 

 

 

คนชุดดำไม่รู้ว่าคนที่เหวินเหรินเจี๋ยเอ่ยถึงเป็นใครกันแน่ แต่เขาจดจำสิ่งหนึ่งเอาไว้ได้ขึ้นใจ คำพูดของนายน้อยเสมือนราชโองการ ดังนั้นจึงทำได้เพียงติดตามเหวินเหรินเจี๋ยอยู่ด้านหลังเท่านั้น 

 

 

ในเวลานี้นักรบของสกุลสุ่ยและสกุลหลิวปักหลักอยู่ที่นอกเมืองเฮ่อเป็นที่เรียบร้อย 

 

 

สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจนั่นก็คือ เมืองเฮ่อนั้นเงียบสงัด 

 

 

แม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืน แต่ก็ไม่น่าจะเงียบสงัดถึงเพียงนี้ได้ 

 

 

“ผู้เฒ่าสาม คงจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงกระทันหันกระมัง!” สุ่ยเจ๋อซีรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

เขาและหลิวอ้าวกว๋อนัดแนะกันว่าจะเข้าโจมตีเมืองเฮ่อในช่วงค่ำ แต่เนื่องจากปรากฎการณ์ประหลาดในวันนี้ทำให้พวกเขาต้องยื้อเวลาออกไปเป็นตอนกลางดึก