ตอนที่ 803 ความคิดถึงคือบ่อเกิดของโรคร้ายแรง(4) โดย Ink Stone_Romance
เธอหลุดจากภวังค์ ไม่อยากให้ฮูหยินไป๋กังวลมากเลยส่ายศีรษะเป็นพัลวัน“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่สบายใจได้ แค่ผ่าตัดเล็กๆ สีหน้าหนูแย่อาจจะเพราะหนูง่วงแล้ว”
“ได้ได้ได้ ง่วงก็รีบไปนอนเถอะ แผลของลูกยังไม่หายดีเลย!” ฮูหยินไป๋ไม่รั้งเธออยู่คุยนานกว่านี้ ปล่อยให้เธอขึ้นไปชั้นบน
คุยเรื่องนี้กับฮูหยินไป๋พาลนึกถึงว่าตนไม่ได้เจอเขามาหลายวัน ไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายเขาเป็นอย่างไรบ้าง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโหวงๆ ในใจ
ขณะที่กำลังตกอยู่ห้วงความคิดโทรศัพท์กลับแผดเสียงดังแทรกขึ้นมา
เธอคว้ามาดูแวบหนึ่ง หน้าจอแสดงเบอร์โทรของเขา
เธอวางโทรศัทพ์ไว้ข้างๆ ไม่ได้กดรับทันที รอเสียงใกล้จบถึงหยิบมาแนบหู
เงียบ
ไม่เอ่ยปากพูดก่อน
พักใหญ่…
เสียงเย่เซียวถึงดังแว่วมาจากอีกฝั่ง“ทำไมผ่านไปตั้งนานถึงรับสาย?”
“…ไม่มีอะไร”
เขาฟังออกถึงความผิดปกติจากน้ำเสียงของเธอ ดูเนือยๆ ไร้ชีวิตชีวา
ทางนั้นเย่เซียวพิงเบาะรถ มองท้องฟ้าสีรัตติกาลข้างนอกพลางถามเสียงต่ำ“คิดถึงผมมั้ย?”
“…” ประโยคเดียวที่เกี่ยวกระหวัดทุกความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้นมาในใจของไป๋ซู่เย่ เธอกอดหมอนนั่งพิงหัวเตียงไม่ตอบ กลับถามเพียง“คุณยุ่งมากเลยเหรอ?”
“อืม ไม่ได้มาที่นี่ตั้งนาน ทุกเรื่องเลยสั่งสมมาจัดการทีเดียว” เย่เซียวตอบกลับเธอ อีกอย่างเขาจัดการงานทุกอย่างของทางนี้โดยค่อยๆ ให้มันกลับเข้าที่เข้าทางที่ถูกต้องกระทั่งดึกดื่นของวันนี้ถึงปลีกตัวออกมาได้
ในเมื่อเธออยากใช้ชีวิตครั้งใหม่ เขาต้องทำให้มันสมดุล อนาคตมีครอบครัวและลูกของตัวเอง เขาจะปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนปากกระบอกปืนไม่ได้อีกต่อไป
เขาอยากจัดการทุกอย่างที่ทำได้ให้จบลงอย่างราบรื่นก่อนที่เขาจะเริ่มต้นกับเธออย่างแท้จริง
“ซู่ซู่” เย่เซียวที่อยู่อีกฝั่งเรียกเธออีกทีด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำลงกว่าเดิม ในค่ำคืนอันแสนสงบนี้ยิ่งขับให้ฟังดูเซ็กซี่เป็นทวีคูณ ให้คนฟังรู้สึกคันยุบยิบในใจ
ไป๋ซู่เย่รู้สึกเพียงความคิดถึงในอกถูกตอกย้ำให้ลึกมากขึ้นยามถูกเขาเรียกขานเช่นนี้ เธอตอบรับเสียงอ่อนไปที แนบโทรศัพท์ชิดหูมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ราวกับทำเช่นนี้แล้วตนได้อยู่ใกล้เขาอีกหนึ่งก้าว
สักพักได้ยินเย่เซียวกล่าวเพียง“…ผมอยู่หน้าประตูบ้านคุณ”
เธอชะงักงัน“จงซัน?”
ถามไปเจ้าตัวได้เปิดประตูระเบียงเดินออกไปเสร็จสรรพ อาณาเขตของจงซันกว้างใหญ่มหาศาลมีทั้งภูเขาจำลองรวมถึงสวนต่างๆ กำบังอยู่ถึงทำให้ไม่เห็นป้อมยามหน้าประตูใหญ่อย่างแน่แท้
แต่เธอก็มองไปยังทิศทางนั้น
“อืม ถ้ายังไม่นอนก็ออกมาสิ”
“โอเค งั้นคุณรอฉันแป๊บหนึ่ง”
“อืม” เย่เซียวถาม “จะไปเดินเล่นตอนกลางคืนกันสักหน่อยมั้ย?”
เธอเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้“งั้นฉันเปลี่ยนชุดก่อน คุณอาจจะต้องรอหลายนาทีหน่อยนะ”
“ได้”
วางสายไปไป๋ซู่เย่หมุนตัวกลับห้อง อารมณ์ที่วูบโหวงแต่แรกดีขึ้นทันตา เธอถอดชุดนอนเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวท เปิดประตูออกไป
ฮูหยินไป๋ขณะนี้ยังไม่นอนและกำลังคุยเล่นกับน้าหลิน เห็นเธอเปลี่ยนชุดออกมาเลยถาม “ดึกขนาดนี้ยังจะออกไปอีกเหรอ?”
“เมื่อกี้แม่บอกว่าเราไม่ออกไปเดตไม่ใช่หรือคะ?”
“กลางวันไม่เดตดันเลือกกลางคืน นี่คิดยังไงกันแน่?”
อีกแล้ว
ไป๋ซู่เย่ระอา “แม่คะ หนูไปก่อนนะ ดึกแล้วพ่อนอนแล้ว หนูไม่ให้เขาเข้ามาละนะ ไว้เลือกสักวันที่ทุกคนมีเวลาว่างตรงกันให้เขามาสวัสดีอย่างเป็นทางการ”
ฮูหยินไป๋เห็นสีหน้าเธอที่ต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง สีหน้าท่าทางร่าเริงจึงไม่มีทางพูดอะไรให้ขัดใจเธอ แค่พยักหน้า “ไปเถอะไปเถอะ!”
ไป๋ซู่เย่ออกไปแล้ว ฮูหยินไป๋กับน้าหลินต่างมองแผ่นหลังนั่นอยู่พักใหญ่ถึงถอนสายตา
น้าหลินอดพูดไม่ได้ “คุณหนูใหญ่ดูมีความสุขนะคะ ไม่เห็นเธอสดใสขนาดนี้มานานแล้ว”
“นั่นสิ” ฮูหยินไป๋เห็นด้วยเช่นกัน “ขอแค่นะ ต่อจากนี้เธอจะเป็นแบบนี้ทุกวัน อย่าเกิดเรื่องอะไรอีก หัวใจฉันรับไม่ไหวแล้ว”
ความจริงฮูหยินไป๋และท่านผู้เฒ่ายังคงอคติต่อเย่เซียวอยู่บ้างเพราะสถานะของเย่เซียว แต่หลังผ่านเรื่องราวคอขาดบาดตายมาหลายครั้ง ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งสองนับได้ว่าคิดได้แล้ว ขอแค่เธอมีความสุข เธออยากอยู่กับใครก็แล้วแต่เธอ
ส่วนเย่เซียว เป็นโชคร้ายของเธอ เป็นคุกจองจำของเธอ แต่กลับเป็นทั้งความหวังและทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ
แล้วจะห้ามได้อย่างไรอีก?
——————
ไป๋ซู่เย่เดินเท้าลอยออกไป เมื่อยามหน้าป้อมเห็นเธอก็ลุกยืนทักทายเธออย่างนอบน้อม เธอก้มหน้าเล็กน้อยให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าดีอกดีใจก่อนจะก้าวออกไปจากประตูบ้านใหญ่
รถของเย่เซียวจอดอยู่ตรงนั้น ไฟหน้ารถให้ความสว่างแก่จงซันที่มืดครึ้มไปกว่าครึ่ง เธอฝ่าแสงไฟเดินไปหา พอเดินเข้าไปใกล้ถึงเห็นเย่เซียวกำลังนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ
เธอไม่ได้ก้าวขึ้นรถทันที แต่เดิมอ้อมมาฝั่งเขาโดยที่เขารีบเลื่อนกระจกลง
ทั้งคู่ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน แค่จ้องตากันและกันมองอีกฝ่ายอย่างสงบ สามวันที่ห่างกันไป ความคิดถึงนั่นคล้ายเถาวัลย์เลื่อยพัวพันไปตามหัวใจ
แต่เดิมคิดว่าแค่ไม่กี่วันเท่านั้นคงไม่ถึงขั้นทนไม่ไหว แต่ยามนี้พอได้เจออีกฝ่ายถึงรู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายแรงเพราะความคิดถึงเสียแล้ว
นัยน์ตาเย่เซียวเข้มขึ้น ทันใดนั้นแขนยาวยื่นออกไปทางหน้าต่างรั้งศีรษะเธอลงมาอย่างกะทันหัน เธอสะดุ้งก่อนที่ริมฝีปากของเย่เซียวจะประกบลงมาทันที
การแตะสัมผัสในทีแรกยิ่งทวีความรุนแรง ล้ำลึก สุดท้ายอารมณ์ระเบิดออกยิ่งจูบยิ่งหนักหน่วง คล้ายจะเอาคืนส่วนที่ห่างจากกันไปสามวันมาในรอบเดียว
จูบจนทั้งคู่ลมหายใจผิดจังหวะ เธอหอบแฮก ดวงตารื้นด้วยน้ำใสชั้นบางๆ เขาถึงยอมผละจากริมฝีปากเธอเล็กน้อยอย่างอ้อยอิ่ง
“ขึ้นรถ” เขาบอก
ไป๋ซู่เย่ใช้สองมือยันหน้าต่างรถไว้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างที่ถูกจูบจนแดงก่ำถึงถามออกเสียง “เราจะไปไหน?”
เพราะยังจมดิ่งกับจูบเมื่อสักครู่จึงขับให้เสียงอ่อนระทวยแฝงด้วยแรงอารมณ์คลุมเครือปนกระเส่า แพขนตาสั่นไหว ริมฝีปากแดงฉ่ำอ้าหน่อยๆ อาศัยแสงไฟนุ่มนวลของรถสะท้อนให้ดูวาวน่าเย้ายวน
เธอกลายเป็นปีศาจน้อยที่แสนยั่วยวนคนนั้นอีกแล้ว…
เย่เซียวตาเข้มขึ้นทันใด ความคิดร้ายเริ่มผุดขึ้นมาในหัว นิ้วยาวไล้แก้มเธอ“ความจริงอยากพาคุณกลับไปนอนที่โรงแรมมากกว่า”
เธอเข้าใจความหมายของเขาเลยแอบหน้าแดง “เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้…”
ต่อให้เขาต้องการมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อสุขภาพของเธอได้
ดังนั้นกลับไปนอนตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการทรมานเขา
“ขึ้นรถก่อน”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้า ดึงสติกลับมาจากอารมณ์คลุมเครือของกันและกันแล้วก้าวขึ้นรถ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ตามมาพร้อมกับการเข้ามาของเธอลอยเตะจมูก เย่เซียวไม่ได้สตาร์ทรถยนต์ทันที แค่มองเธอด้วยดวงตาล้ำลึกแวบหนึ่ง แขนยาวส่งไปยกตัวเธอจากตำแหน่งข้างคนขับมาไว้บนหน้าขาเขาอย่างง่ายดาย
“เย่เซียว คุณ…คุณทำอะไร?”
เสียงของเธอสั่นเครือ
“ชู่ว…” เขาซับจูบปลายติ่งหูเธออย่างหลงใหล ฝ่ามืออุ่นร้อนล้วงเข้าใต้อาภรณ์ของเธอ
ไป๋ซู่เย่ร่างสะท้านเฮือก ในหัวเหลือเพียงสีขาวโพลน
……………………