ตอนที่ 687 พระเอกนิยาย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 687

พระเอกนิยาย

“พี่หลานฮวา”หลังจากช่วยพวกศิษย์เอกฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ไป๋ชิวซุยก็เข้าไปในห้องของหลานฮวาทันทีก่อนที่นางจะกลับไปติดตามหลินเฟยอย่างที่ทำตามปกติ

“ชิวซุย มีอะไรงั้นหรือ”หลานฮวาถามพลางมองชิวซุยที่ถือหนังสือเล่มหนึ่งเข้ามาในห้องด้วยท่าทีสงสัย

“ข้ารู้วิธีแล้วเจ้าค่ะ”ชิวซุยว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีร่าเริง นางยื่นหนังสือที่ถือเอาไว้ในมือของตนให้หลานฮวาดูทำเอาหลานฮวามีท่าทีงุนงงหนักเข้าไปใหญ่

“นี่มัน หนังสือนิยาย….”หลานฮวาเพ่งมองหนังสือใสมือชิวซุยด้วยท่าทีสงสัย นางเอาหนังสือนิยายเล่มนี้มาทำไมกัน ก็เข้าใจหรอกว่าช่วงนี้มันกำลังนิยมในกลุ่มสาวๆในอาณาจักรไป๋ แต่มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตอนนี้งั้นหรือ

“พี่ไม่คิดเหรอว่าท่านพี่หลินเฟยเหมือนตัวเอกในเรื่องนี้เลย”ชิวซุยว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดู นี่นางเอาพี่ชายตัวเองไปเทียบกับพระเอกนิยายงั้นหรือ

“………….จริงด้วย”หลานฮวาไม่ได้มีความทรงจำเหนือมนุษย์เหมือนตระกูลไป๋ แต่นิยายเล่มนี้นางก็เคยอ่านมาก่อนในช่วงว่าง พอนึกถึงเรื่องราวภายในแล้วหลานฮวาก็ปฏิเสธสิ่งที่ชิวซุยพูดไม่ได้ ตัวเอกในเรื่องเหมือนหลินเฟยตอนนี้ไม่มีผิด โดยตัวเอกนั้นเคยทำเรื่องผิดพลาดเลยปิดใจไม่ยอมรับว่าตนเองรักนางเอกเสียที ต่อให้อีกฝ่ายสารภาพรักมาแล้วก็ยังไม่ยอมทำอะไรเสียที

“หรือว่าเจ้าจะใช้วิธีในหนังสือเล่มนี้”หลานฮวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พระเอกในหนังสือเล่มนี้ไม่ยอมเปิดใจก็จริง แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พระนางได้ลงรอยกันเสียทีนั่นก็คือ ตัวนางเอกนั้นโดนตัวร้ายของเรื่องลักพาตัวไป พระเอกที่กำลังจะไปช่วยนางเอกก็พลันนึกขึ้นได้ถึงความรักที่มีต่อนางและความรู้สึกไม่อยากเสียนางไป สุดท้ายพอช่วยนางเอกออกมาได้ทั้งสองก็เปิดใจให้กันแล้วแต่งงานกันในที่สุด

“มันต้องสำเร็จแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”ชิวซุยพูดด้วยท่าทีมั่นใจมาก สรุปแล้วนางจะแกล้งลักพาตัวเซี่ยจินเย่กับอาทู้แล้วให้พี่ชายของนางตามไปช่วยเพื่อจะให้เกิดเหตุการณ์อย่างในหนังสือสินะ

“แต่…จะมีโจรที่ไหนกล้าลักพาตัวพวกนางกัน”หลานฮวาว่าพลางมองไปทางที่พักของพวกเซี่ยจินเย่ ตอนนี้พวกนางถือเป็นคนที่เก่งที่สุดในอาณาจักรซานเลยก็ว่าได้ หากมีตำราจัดอันดับยอดฝีมือของอาณาจักรซานแล้วตัดหลินเฟยกับพวกตนที่ไม่ใช่คนอาณาจักรซานออกละก็ชื่อของศิษย์เอกทั้ง 4 แห่งสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอาจจะอยู่แถวบนสุดเลยก็ได้ ตอนนี้คนที่น่ากลัวที่สุดเกรงว่าจะเป็นอาทู้ นางมีพลังมหาศาลจากวิชาลมปราณมังกรและพลังรักษาตนเองจากพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ รองลงมาก็คงเป็นฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานที่ดูแล้วฝีมือสูสีกัน และสุดท้ายก็เป็นเซี่ยจินเย่ หากให้พวกมันทั้ง 4 ไปสู้กับเจ้าสำนักวิถีเซียนตอนนี้บางทีพวกมันอาจจะชนะก็เป็นได้

“นั่นสิเจ้าคะ”ชิวซุยพอคิดถึงจุดนี้แล้วก็อดครุ่นคิดไม่ได้ โจรที่จะมาลักพาตัวพวกนางอย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ระดับเทียนเซียนขึ้นไป ไหนจะอสูรวิหคของเซี่ยจินเย่อีก

“ระดับพลังขนาดนั้นแล้วยังเป็นโจรลักพาตัวอยู่เนี่ยคงมีแต่พวกโจรในอาณาจักรไป๋เท่านั้นล่ะ”หลานฮวาหัวเราะออกมาพลางส่ายหน้าช้าๆ ถ้าเป็นในอาณาจักรไป๋ละก็ระดับเทียนเซียนที่ยังไม่ถึงขั้น 10 ยังไม่ถือว่ามีฝีมือมากเลยเสียด้วยซ้ำ

“นั่นสินะเจ้าคะ งั้นข้าคงต้องไปหาโจรลักพาตัวในอาณาจักรไป๋แล้ว”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีจริงจังไม่น้อย แม้พวกโจรในอาณาจักรไป๋จะโดนกวาดล้างไปเกือบหมดแล้ว แต่ถ้าเป็นแถบชายแดนทางตะวันตกละก็อาจจะมีเหลืออยู่ก็ได้

“ข้าแค่พูดล้อเล่นน่า พวกเราก็แค่ให้ใครสักคนมาแกล้งลักพาตัวก็พอนี่นา”หลานฮวาว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ ไม่เห็นต้องเอาโจรจริงๆเลยนี่นา แค่เอาใครสักคนมารับบทก็พอแล้ว

“ไม่ได้นะเจ้าคะ แบบนั้นก็ไม่สมจริงนะสิ พวกโจรพวกนั้นต้องโดนท่านพี่จัดการด้วยนะเจ้าคะ”ชิวซุยตอบด้วยใบหน้าจริงจังอย่างมากทำเอาหลานฮวาเหงื่อตกทันที นี่ตกลงนางจะช่วยเรื่องความรักของพี่ชายหรืออยากเห็นละครเวทีกันแน่

“ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ยังไงเจ้าก็ไม่เสียท่าพวกโจรอยู่แล้วนี่”หลานฮวาว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะเป็นโจรแต่ก็โดนตำราจัดอันดับยอดฝีมือตรวจสอบกันหมดอยู่ดี ไม่มีพวกโจรกลุ่มไหนที่มีระดับเกินเทียนเซียนขั้นที่ 10 หรอก นั่นหมายความว่าตัวชิวซุยที่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 และบรรพกาลขั้นที่ 1 นั้นไม่มีทางโดนพวกโจรทำอะไรแน่ๆ

“เจ้าค่ะ งั้นระหว่างนั้นพี่หลานฮวาช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ก่อนนะเจ้าคะ”ชิวซุยยิ้มกว้างก่อนจะออกไปจากห้องของหลานฮวาไป

“ท่านพี่ ข้าขอยืมตัวจางจินได้หรือเปล่าเจ้าคะ”ชิวซุยพอออกมาจากห้องของหลานฮวาได้ก็ตรงเข้าห้องของพี่ชายตนเองทันที อสูรประจำตัวของชิวซุยมีแต่เหมาเหมาเท่านั้น แม้นางจะน่ารักขนฟูและอุ่นมากก็ตาม แต่เหมาเหมาก็เป็นเสือไม่สามารถบินบนท้องฟ้าได้ การขี่หลังจางจินไปอาณาจักรไป๋เลยประหยัดเวลากว่าหลายเท่าเลย

“เจ้าจะไปไหนงั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีงุนงง เรื่องขอยืมตัวจางจินก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่อยู่ๆชิวซุยก็จะไปไหนไม่ทราบหลินเฟยที่เป็นพี่ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

“ข้าอยากไปซื้อของที่อาณาจักรไป๋หน่อย นะคะท่านพี่ให้ข้ายืมตัวจางจินสักพักนะ”ชิวซุยเปิดฉากอ้อนพี่ชายทันที

“แต่พี่ต้องเอาของทำขวัญของท่านน้าไปมอบให้พี่ไป๋ฟานนะสิ”หลินเฟยตอบพลางนำกล่องไม้กล่องหนึ่งออกมา เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้ไป๋ฟานโดนพวกตระกูลหยูและสำนักวิญญาณกระบี่จับตัวไปทรมาน แม้จะไม่ใช่ความผิดของจูล่งโดยตรง แต่จูล่งก็ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป นอกจากหลินเฟยจะช่วยรักษาจนหายดีแล้ว จูล่งยังส่งของทำขวัญมาให้นางอีกด้วย ในนั้นมีทั้งยาและของมีค่าใส่อยู่หลายชิ้น หากนำไปขายในอาณาจักรไป๋ก็ยังได้ 200 ถึง 300 เหรียญทองเป็นอย่างต่ำ ส่วนหากนำมาขายในอาณาจักรซานนั้นเกรงว่าจะประเมินค่าไม่ได้เพราะของพวกนี้ไม่มีในอาณาจักรซานนี่สิ

ส่วนเรื่องทำไมต้องเดินทางไปมอบให้ นั่นก็เพราะตั้งแต่จบเรื่องไป๋ฟานก็ขอลาพักผ่อนที่บ้านเกิดทางตะวันออกของอาณาจักรซานตั้งนานแล้ว การจะมอบของทำขวัญให้นางนั้นก็ต้องเดินทางไปที่บ้านเกิดของนางเท่านั้นนั่นเอง

“ทำไมท่านพี่ไม่ถือโอกาสนี้เดินทางท่องเที่ยวร่วมกับศิษย์ของท่านละเจ้าคะ”ชิวซุยเสนอพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีทะเล้น ทำไมการให้ยืมจางจินถึงเป็นโอกาสดีให้หลินเฟยได้ท่องเที่ยวกับศิษย์ของตนได้กัน

“เจ้าเนี่ยนะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาช้าๆก่อนจะลองนึกดูอีกที จะว่าไปตั้งแต่กลับมาก็มีแต่เรื่องเต็มไปหมด ทั้งเรื่องของสำนักวิญญาณกระบี่ ไหนจะสงครามกับท่านน้า แล้วก็เรื่องของตระกูลหวังอีก เรียกได้ว่าพวกมันแทบไม่ได้พักผ่อนกันเลยนี่นา

“ก็ได้ ข้าจะให้เจ้ายืมจางจิน”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ยังมีอสูรปักษาของเซี่ยจินเย่อยู่หากมีเรื่องอะไรก็ใช้มันเดินทางได้ไม่ยาก แถมตอนนี้หลินเฟยก็ไม่ติดโทษอะไรแล้วสามารถใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรได้ตามต้องการเลย

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้ารักท่านพี่ที่สุดเลย”ชิวซุยว่าพลางกอดพี่ชายของตนด้วยท่าทียินดี

“ว่าแต่เจ้าจะไปหาซื้ออะไรงั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสงสัย ไม่ใช่ว่าก่อนมาชิวซุยซื้อของมาเยอะแยะแล้วไม่ใช่หรือไง

“ความลับเจ้าค่ะ”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีน่ารักน่าเอ็นดูอีกเช่นเคย เล่นพูดแบบนั้นก็คงถามอะไรต่อไม่ได้สินะ

.

.

“จะเดินทางไปบ้านเกิดของท่านไป๋ฟานหรือขอรับ”หลังจากปล่อยให้ชิวซุยเดินทางไปพร้อมกับจางจิน หลินเฟยก็แจ้งเรื่องการเดินทางไปบ้านเกิดของไป๋ฟานให้เหล่าศิษย์ทราบ แต่เดิมหลินเฟยกะจะไปคนเดียวแบบเช้าไปสายกลับเพราะมีจางจินอยู่ แต่เพราะคำพูดของชิวซุยทำให้หลินเฟยอยากจะหาเวลาร่วมเดินทางพักผ่อนหย่อนใจกับเหล่าศิษย์ของตนเสียหน่อย

“แบบนั้นก็ไม่เลวนะเจ้าคะ ช่วงนี้พวกเราแทบไม่ได้พักกันเลย”อาทู้ว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเห็นด้วย พอบอกว่าจะเดินทางด้วยรถม้าชมนกชมไม้ไปด้วยกันอาทู้ก็มีท่าทีสนใจทันที

“แบบนั้นต้องวิเศษมากเลยเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่เองก็มีท่าทีเห็นด้วยเช่นกัน รอยยิ้มของนางจะบอกว่าเหมือนเดิมก็ไม่เชิงเพราะนางก็ยังยิ้มตลอดเวลาเช่นเคย แต่เหมือนรอยยิ้มของนางดูมีความสุขมากขึ้นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ

“อาจารย์….ข้ากับพี่หลิงหนานคงไปด้วยไม่ได้ขอรับ”ฟงเป่าหลบสายตาไปทางอื่นก่อนจะตอบปฏิเสธออกมาเสียอย่างนั้นทำเอาหลินเฟยตกใจไม่น้อย

“มีอะไรงั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีสงสัยกับท่าทีของฟงเป่าอย่างมาก มันจะปฏิเสธก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมต้องหลบตาแถมยังหน้าแดงอีกด้วย

“อาจารย์….ฟงเป่ากับข้าจะแวะไปที่บ้านเกิดของข้ากันพอดีเจ้าค่ะ ข้าส่งจดหมายไปบอกท่านแม่แล้วคงเลื่อนนัดไม่ได้”หนี่หลิงหนานตอบพลางหลบสายตาเช่นกัน ทำไมพอทั้งสองคนพูดออกมาถึงได้สัมผัสถึงบรรยากาศแปลกๆนะ

“นี่พวกเจ้า….”หลินเฟยหรี่ตามองทั้งสองด้วยท่าทีจับผิด พอโดนหลินเฟยมองแบบนั้นพวกมันก็ยิ่งเหมือนร้อนตัวทำลุกลี้ลุกลนอย่างประหลาด

“ฮ้าๆ ก็ดีเอาไว้ข้าจะเป็นผู้ใหญ่ในงานให้ก็แล้วกัน”หลินเฟยหัวเราะออกมาพลางตกปากรับคำเรื่องอะไรก็ไม่ทราบเสียเสียงดังทำเอาทั้งฟงเป่าทั้งหนี่หลิงหนานหน้าแดงก่ำไปตามๆกัน

“งั้นก็เหลือแต่พวกเราแล้วสินะที่จะเดินทางไปบ้านของพี่ไป๋ฟาน”หลินเฟยว่าพลางมองไปทางเซี่ยจินเย่ อาทู้ และหลานฮวา

“พอดีข้ามีธุระนิดหน่อยคงไปไม่ได้แล้วล่ะ”หลานฮวาว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ โอกาสดีๆเช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไรกัน พอเห็นว่าเหลือแต่เซี่ยจินเย่กับอาทู้ หลานฮวาก็ดีดตัวเองออกมาทันทีอย่างรู้งาน

“แบบนี้คงไม่ดีมั้งพี่หลานฮวา”หลินเฟยเหงื่อตกพลางมองอาทู้กับเซี่ยจินเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆ หากตอนนี้มันต้องเดินทางร่วมกับทั้งสองอาจจะเกิดคิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาก็ได้

“ทำไมจะไม่ดีล่ะ อ่อ…เอาไว้ข้าจะเป็นผู้ใหญ่ในงานท่านด้วยก็แล้วกัน ยังไงข้าก็อายุมากกว่านี่นะ”หลานฮวาแซวกลับด้วยคำพูดแบบเดียวกับที่หลินเฟยพูดก่อนหน้านี้อย่างจัง ทำเอาหลินเฟยทำสีหน้าไม่ถูกออกมาทันที ทำไมกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยเดินทางร่วมกับทั้งสองมาแล้ว ทำไมต้องมาคิดมากเอาตอนนี้ด้วย