ตอนที่ 688 พักดื่ม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 688

พักดื่ม

“ข้างหน้าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร พวกเจ้าอยากจะลองแวะดูหรือเปล่า”ไป๋หลินเฟยถามขณะบังคับรถม้าให้วิ่งไปตามทางด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไหนๆก็มีโอกาสได้เดินทางสบายๆสักครั้งแล้วหลินเฟยก็เลยยืมรถม้ามาจากคลังของสำนักและนำม้ามาตัวหนึ่งเพื่อลากจูงเสียเลย

“ถ้าอาจารย์สนใจพวกเราก็จะแวะเจ้าค่ะ”อาทู้ตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ยามนางอยู่กับหลินเฟยมักจะทำตัวเป็นศิษย์ที่ดีเสมอ นางเว้นระยะห่างกับหลินเฟยเสมอและมีมารยาทที่ดีทำให้หลินเฟยไม่เอะใจถึงความรู้สึกของนางมาจนถึงก่อนหน้านี้เลย

“อาจารย์ ท่านชอบทานอาหารแบบไหนหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย แต่ก่อนเซี่ยจินเย่จะอยู่ห่างหลินเฟยที่สุด แทบจะอยู่ด้านหลังของอาทู้เสมอเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เซี่ยจินเย่นั่งติดกับหลินเฟยมากจนหลินเฟยได้กลิ่นหอมจากตัวนางเลยทีเดียว

“ข้างั้นหรือ….ปกติข้าก็กินได้หมดนะแต่ที่ชอบก็คงเป็นสุราละมั้ง”หลินเฟยหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ความใกล้ชิดของหลินเฟยกับเซี่ยจินเย่ทำให้อาทู้ที่อยู่ใกล้ๆมีท่าทีสงสัยเสียด้วยซ้ำ เซี่ยจินเย่เข้าใกล้อาจารย์มากกว่าปกติก็ว่าแปลกแล้ว แต่อาจารย์ที่ทำเป็นไม่สนใจและปล่อยให้นางทำตามใจอย่างกับรู้จุดประสงค์ของนางอยู่แล้วกลับยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่

“สุราหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่เลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย หลินเฟยไม่เหมือนพวกขี้เมาเลยนี่นา

“ถึงข้าจะดื่มไปก็ไม่เมาหรอกนะเพราะพิษสุราทำอะไรข้าไม่ได้ ข้าก็เลยเริ่มสนใจรสชาติของตัวสุราแทน”หลินเฟยเล่าออกมาด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ

“สุรามีรสชาติต่างกันด้วยหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่เอียงคอสงสัย มารดาของนางไม่ดื่มสุรา นางเลยไม่ได้ดื่มไปด้วย แถมนางยังเด็กและไม่คิดจะลิ้มลองเสียด้วยเลยไม่ทราบว่าสุราต่างๆนั้นแตกต่างกันตรงไหน

“แน่นอน ทั้งรสชาติและกลิ่นหอมล้วนแล้วมีเอกลักษณ์ จริงสิเจ้าเคยได้ยินเรื่องสุรากลั่นของอาณาจักรไชน์หรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางยิ้มกว้าง นอกจากสุราในแผ่นดินฝั่งนี้แล้วหลินเฟยยังชอบสุราที่อยู่ในแผ่นดินฝั่งของอาณาจักรไชน์ด้วยเช่นกัน แต่ละท้องที่ก็มีวิธีแตกต่างกันไป รสสัมผัสและกลิ่นก็แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน

“……..”ระหว่างหลินเฟยกำลังเล่าเรื่องการทำสุรากลั่นของอาณาจักรไชน์หรือการทำไวน์ให้เซี่ยจินเย่ฟัง อาทู้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆของทั้งสองคน ดูทั้งคู่จะเปิดใจให้กันมากกว่าก่อนหน้านี้มาก เซี่ยจินเย่ที่ปกติไม่ค่อยพูดเท่าไหร่กลับถามคำถามหลินเฟยเป็นระยะๆทำเอาอาทู้อดที่จะคิดเรื่องแปลกๆออกมาไม่ได้

“อาทู้ เจ้าเป็นอะไรไปทำไมนั่งเงียบเลยล่ะ”หลินเฟยถามพลางหันมามองอาทู้ที่กำลังมองมาทางตนเองเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกเรื่องที่ท่านเล่าสนุกดีก็เลยเผลอฟังอย่างเดียวไม่ได้พูดตอบท่านเจ้าค่ะ”อาทู้ตอบพลางส่ายหน้าเร็วๆเหมือนร้อนตัวนิดหน่อย

“เจ้าเองก็สนใจงั้นหรือ เอาอย่างนี้แล้วกันที่ร้านอาหารในเมืองข้างหน้าข้าจะสอนเจ้าลิ้มรสสุราเอง”หลินเฟยยิ้มพลางรับปากอาทู้ด้วยท่าทียินดี มันไม่ทราบเลยว่าเมื่อครู่อาทู้ไม่ได้ฟังอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้แต่การรับปากนี้อาทู้ก็พยักหน้ารับโดยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรเช่นกัน

.

.

“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มเบาๆกันก่อน”หลินเฟยว่าพลางนำสุรารินลงจอกเล็กๆ 3 ใบ สุราชนิดนี้มีชื่อว่าแรกผลิบาน เป็นสุราฤทธิ์อ่อนดื่มแล้วไม่เมาเท่าไหร่ แต่มีกลิ่นหอมของดอกไม้จึงเป็นที่นิยมของสตรี

“ตั้งใจสัมผัสรสและกลิ่นดีๆ สุราไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มมึนเมาแต่เป็นอาหารชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน”หลินเฟยว่าพลางยิ้มออกมาช้าๆหลังจากอาทู้กับเซี่ยจินเย่เริ่มดื่ม ของพวกนี้ทำผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเมาไม่ได้หรอก ทำให้พวกนางยังคงไม่รู้สึกอะไร

“งั้นต่อไปก็เป็นเจ้านี่”หลินเฟยเริ่มเปลี่ยนสุราที่ซื้อมาจากในร้านเป็นสุราที่แรงขึ้นทีละน้อย แน่นอนว่าหลินเฟยกับเซี่ยจินเย่ที่มีพลังต่อต้านพิษจากทางสายเลือดนั้นไม่รู้สึกถึงความเมาแม้แต่น้อย แต่กับอาทู้นั้น….

“……….”ภาพเบื้องหน้าอาทู้เริ่มไม่ชัดเจนเหมือนเดิมแล้ว บางทีนางอาจจะเป็นพวกคออ่อนก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนแค่ไหนอาทู้ก็ยังมองเห็นภาพเซี่ยจินเย่กับหลินเฟยพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ดี ช่วงที่ทั้งสองคนหายไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอกลับมาถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นนี้ หรือว่าเซี่ยจินเย่จะสารภาพความในใจของนางออกไปแล้ว ต้องใช่แน่ๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าขนาดนี้หรอก

“อาทู้….”หลินเฟยเห็นอาทู้เงียบไปเอาแต่ถือจอกสุราในมือก็หันไปถามด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันถามอะไรนางก็ลุกขึ้นเสียก่อน

“ข้าขอไปสูดอากาศสักครู่นะเจ้าคะ”อาทู้ว่าพลางเดินออกไปจากโต๊ะอาหารตรงไปที่ระเบียงที่อยู่ด้านนอกทันที ร้านที่หลินเฟยพามานั้นหรูหราไม่น้อย พอออกมาที่ระเบียงก็เป็นทางขึ้นภูเขาทันที ตรงนี้สงบและไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอย่างมาก

“………”หยดน้ำตาหยดใสไหลออกมาบนแก้มของอาทู้ช้าๆหลังจากหนีออกมาจากภาพตรงนั้นแล้ว นางทราบความรู้สึกของเซี่ยจินเย่อยู่แล้ว นางควรจะทำใจได้แล้วสิ ตอนนี้นางควรจะยินดีกับเซี่ยจินเย่และอาจารย์ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้รู้สึกเสียใจนักที่เห็นภาพแบบนั้น หรือว่าเพราะรับไม่ได้ที่คนที่ตนตกหลุมรักกำลังมีความสุขกับหญิงอื่นโดยที่ตนไม่ได้มีส่วนร่วม

มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว ตั้งแต่หลินเฟยช่วยนางเอาไว้แถมยังปกป้องนางจากเจ้าสำนักหมู่ดาวอีก อาทู้ก็คิดกับหลินเฟยเกินคำว่าอาจารย์ไปตั้งนานแล้ว แต่นางจะไปมีสิทธิ์คิดอะไรเกินคำว่าศิษย์อาจารย์ได้กัน ผู้หญิงสกปรกอย่างนางจะทำให้อาจารย์มีความสุขได้อย่างไร

“อาทู้ เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางเดินตามอาทู้ออกมา มันมีดวงตาสารพัดประโยชน์มีหรือจะไม่เห็นว่าขอบตาของอาทู้มีน้ำตา

“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”อาทู้ตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ แน่นอนว่านางพูดโกหก นางเป็นและเป็นมากเสียด้วยแถมยังไม่ทราบอีกต่างหากว่าทำไม

“นี่เจ้า..เมางั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางมองใบหน้าของอาทู้ นอกจากจะมีน้ำตาไหลออกมาแล้วหน้าของอาทู้ยังแดงมากอีกด้วย

“ข้าเปล่านะเจ้าคะ”อาทู้ส่ายหน้าพลางจับราวระเบียงเอาไว้แน่น นางพึ่งดื่มไปไม่กี่จอกเองจะเมาได้อย่างไร

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะคออ่อนแบบนี้”หลินเฟยส่ายหน้าพลางเดินเข้าไปหาอาทู้ ปกติผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณไม่เมาเพราะสุราแค่นั้นหรอก ต้องคออ่อนขนาดไหนกันถึงเมากับสุราไม่กี่จอกได้

“ข้าไม่ได้….”อาทู้กำลังจะปฏิเสธอีกรอบ แต่ระหว่างหันมาทางหลินเฟยนางก็เซเข้าไปหาหลินเฟยเสียก่อนทำให้หลินเฟยต้องรับตัวนางเอาไว้ในอ้อมกอดทันที

“มาเถอะ เจ้าเมาแล้วจริงๆ ข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อน”หลินเฟยว่าพลางมองน้ำตาบนหน้าอาทู้ด้วยท่าทีสงสัย ผู้คนที่ดื่มสุราจนเมามายมีสภาพหลังเมาแตกต่างกัน อย่างคนที่เมาแล้วร้องไห้แบบอาทู้ก็มีให้เห็นได้ไม่ยาก

“ท่านเหมาะกับเซี่ยจินเย่มากเลยนะเจ้าคะ”อยู่ๆอาทู้ก็พูดออกมาทั้งๆที่ยังหลับตาซบอกหลินเฟยอยู่

“เจ้าว่าอะไรนะ”หลินเฟยขมวดคิ้วด้วยท่าทีตกใจ ทำไมนางถึงพูดเรื่องตนเองกับเซี่ยจินเย่ขึ้นมากัน…

“น้องเซี่ยแอบชอบอาจารย์มาตั้งนานแล้ว หากเป็นน้องเซี่ยข้าเชื่อว่าต้องทำให้อาจารย์มีความสุขได้แน่ๆ”อาทู้ว่าพลางยิ้มและหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา นี่คือสิ่งที่อาทู้คิดมาตลอดตั้งแต่วันที่ได้ทราบถึงพลังของเซี่ยจินเย่ เรื่องที่เซี่ยจินเย่ไม่ยอมบอกว่าเรื่องพลังของตนให้หลินเฟยทราบเกรงว่าจะมีอาทู้นี่ล่ะรู้เป็นคนแรก และนางก็ใช้เวลาไม่นานในฐานะคนที่แอบรักหลินเฟยเช่นเดียวกันทำความเข้าใจว่าเซี่ยจินเย่ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ทำไม

“ถ้าเป็นน้องเซี่ย ต้องดีกว่าคนอย่างข้าแน่ๆ”อาทู้ว่าพลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีฝืนๆ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นมือของอาทู้กลับเกาะแขนของหลินเฟยเอาไว้แน่นเหมือนไม่อยากปล่อยไป แม้ปากจะบอกว่าคนอื่นดีกว่าแต่ร่างกายกลับอยากรั้งเอาไว้อย่างนั้นหรือ

“คนอย่างเจ้าไม่ดีตรงไหนกัน”หลินเฟยว่าพลางมองอาทู้ด้วยท่าทีจริงจัง พี่หลานฮวาสายตาเฉียบคมจริงๆ ไม่นึกว่าอาทู้จะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจ แต่พอเมาแล้วกลับพูดออกมาเสียอย่างนั้น

“ท่านก็น่าจะรู้นี่นา ตัวข้าแปดเปื้อนไปแล้ว ข้าเป็นภรรยาของใครไม่ได้หรอก”อาทู้ว่าพลางส่งเสียงเหมือนกำลังเยอะเย้ยตนเอง เพราะความโลภอยากฝึกวิชาของตนแท้ๆ เลยต้องพลาดท่าเสียทีให้กับเจ้าสำนักหมู่ดาว เพราะแบบนี้อาทู้เลยคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับหลินเฟย และเลือกที่จะกลบฝังความรู้สึกที่มีต่อหลินเฟยเสียและเลือกที่จะสนับสนุนเซี่ยจินเย่แทน

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่ตัดสินผู้หญิงจากบาดแผลของนางหรอกนะ”หลินเฟยว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ อาทู้ดูเข้มแข็ง แต่นางคงคิดมากเรื่องนี้อยู่นานแน่ๆถึงได้พรั่งพรูออกมาตอนเมาแบบนี้ นี่นางดูถูกตัวเองอยู่งั้นหรือ

“ในสายตาเข้า เจ้าเป็นสาวงามที่ดีพร้อมคนหนึ่งเลย เจ้าไม่เห็นมีรอยเปื้อนตรงไหนสักหน่อย”หลินเฟยว่าพลางกอดนางเอาไว้ นี่คือสิ่งที่หลินเฟยคิดจริงๆ มันไม่ได้ตัดสินอาทู้เพราะเคยทำอะไรมา แต่ตัดสินจากสิ่งที่นางแสดงออกมาต่างหาก ภายนอกนางเป็นหญิงสามที่ดูเข้มแข็ง อาจจะเพราะติดนิสัยตอนปลอมตัวเป็นชายก็ได้ แต่ภายในกลับอ่อนแอกว่าที่คิด ถึงได้ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของมันนี่ไง

.

.

“…………………………..” เพราะอาทู้เมาหลินเฟยก็เลยตัดสินใจพักที่เมืองแห่งนี้ก่อนค่อยออกเดินทางในตอนเช้า แต่พออาทู้ลืมตาตื่นขึ้นมานางกลับความจำดีเกินคาด เรื่องที่เผลอพูดไปตอนเมาดันจำได้หมดเสียอย่างนั้น นี่นางเมาแล้วพูดอะไรออกไปเนี่ย ช่างน่าอายจริงๆ

“พี่อาทู้ ท่านตื่นแล้วหรือ”เซี่ยจินเย่ว่าพลางเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทียิ้มแย้ม ตรงกันข้ามกับอาทู้ที่ทำท่าทีตกใจเสียอย่างนั้น

“น้องเซี่ย….เจ้าได้ยินหรือเปล่า…..เมื่อวานน่ะ”อาทู้ถามพลางจ้องมองเซี่ยจินเย่อย่างหวาดระแวง เมื่อวานตนเองพูดไม่หยุดจนมาถึงที่พักเลย ไม่ใช่แค่อาจารย์แต่เซี่ยจินเย่เองก็ได้ยินด้วย….