หลวนหลวนมีความสุขอย่างมากที่เจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ยอมรับเธอเป็นเจ้าของ เธอไม่คิดเลยว่าเจดีย์ขนาดเล็กจิ๋วนี้จะมีพลังมากมายกว่าที่คิด ชิงสุ่ยก็รู้ว่าคนอื่นๆล้วนแต่อิจฉา
เขาจึงยิ้มและมองดูทุกคนพร้อมกับกล่าวว่า “ทุกคนอย่าทำสายตาแบบนั้นเลย เจดีย์เหล่านี้เป็นของมีค่าก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะควบคุมพลังของมันได้ ทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้ หากผู้ใช้คนนั้น ไม่ได้ต้องชะตากับตัวเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ ผลที่มันแสดงออกมาก็ไม่ต่างจากของเล่นเด็กทั่วไป”
” พวกเรารู้ดี…….เพียงแต่พวกเราเองก็รู้สึกอิจฉาน้องหลวนหลวนก็เท่านั้น พี่ชิงสุ่ยคงไม่ว่าอะไรพวกเราหรอกนะ”
ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปตีหัวชิงหยู ในตอนนี้ชิงหยูได้แต่งงานมีครอบครัวมีลูกเป็นของตนเอง จนทำให้บรรดาคนรุ่นเดียวกัน คงมีแต่ชิงเป่ยที่ยังไร้คู่ครอง ซึ่งถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ อีกไม่นานเธอก็คงจะได้แต่งงาน นั่นก็หมายความว่าทุกคนในรุ่นเดียวกับเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่กันหมดทุกคน
“แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนย่อมอิจฉาสิ่งที่ทุกคนต้องการได้ เดี๋ยวไว้ภายหลัง ข้าจะมอบบางสิ่งบางอย่างให้กับทุกคน สำหรับเจ้า สิ่งที่ข้าจะให้อาจจะดีกว่าเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ด้วยซ้ำไป”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ข้าชักอยากรู้แล้วละพี่ชิงสุ่ย”ชิงหยูกล่าวอย่างรวดเร็ว
…………………
ชิงสุ่ยกลับเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะ และเริ่มปรับปรุงอะไรบางอย่าง เขาทำการหลอมมันด้วยกรรมวิธีพิเศษโดยอาศัยเปลวเพลิงแรกเริ่ม ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของชิงสุ่ย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสร้อยคอ จี้หยก สร้อยข้อมือ หรือจะเป็นเครื่องประดับชนิดต่างๆ ง ชิงสุ่ยทำการหลอมอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมอบให้กับเหล่านักรบประจำตระกูลชิง เขาพยายามทำทุกอย่างให้ได้ดีเทียบเท่าเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ แม้ว่าผลของมันจะไม่ได้ออกมาตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่คนที่ได้รับจะคาดคิด
บางทีเขาก็สงสัยว่าอุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้นมามันสูญเสียพลังไปเพราะความแข็งแกร่งของเขา หรือว่าเพราะวัสดุที่ใช้สร้าง
อย่างน้อยที่สุดปัจจัยทั้งสองจะต้องเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน!!
ศาสตราวุธเวทย์!!
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจะมีพลังเวทย์ซ่อนอยู่ภายใน เขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าพลังที่ซ่อนอยู่จะเทียบเคียงได้กับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ขนาดย่อย
ด้วยพลังของศาสตราวุธเวทย์มายา จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับพลังในการสังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน 2 เท่า และสามารถเบี่ยงเบนหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน 2 เท่าเช่นกัน นั่นก็หมายความว่าตราบใดที่ศัตรูมีพลังอยู่ในระดับดินแดนเดียวกับผู้ที่ใช้ โอกาสที่ศัตรูจะเอาชนะตัวผู้ใช้ได้ก็แทบจะไม่เหลือ
…………………..
2 เดือนภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะผ่านพ้นไป ชิงสุ่ยพยายามหลอมอุปกรณ์ทั้งหมดจนได้มากถึง 50 กว่าชิ้น แน่นอนว่าจำนวนทั้งหมดตอนนี้มันมีมากเกินกว่าคนในตระกูลชิง น่าเสียดายที่วัสดุในการใช้หลอมไม่ได้มีสิ่งที่พิเศษ ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงจะเลือกใช้พวกมันเช่นกัน
ในเมื่อยังมีเวลาในดินแดนหยกหลงเหลืออยู่ ชิงสุ่ยก็ต้องใช้มันให้คุ้มค่า เขาเริ่มต้นหลอมยาวาสนา
ยาวาสนานั้นลึกลับเกินไป ชิงสุ่ยมีความหวังสูงมากที่จะทำมันให้สำเร็จ เขาเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของตนเองแต่สุดท้ายทุกอย่างก็
ล้มเหลว!!!! ชิงสุ่ยมองดูยาเม็ดวาสนาที่ล้มเหลว นี่ก็นานมากแล้วที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว ตราบใดที่ใบสั่งยาถูกต้องและมีวัสดุในปริมาณที่เหมาะสมเพียบพร้อม เขาก็แทบไม่เคยเจอกับความล้มเหลวอีกเลย แต่ตอนนี้มันได้หวนกลับมา หรือว่าใบสั่งยามีบางอย่างผิดแปลกไป?
ชิงสุ่ยมองดูใบสั่งยาอย่างถี่ถ้วน เขาเชื่อมั่นในตัวหยวนซู ตั้งแต่ที่เธอบอกว่าถ้าหากใบสั่งยานี้อยู่ในมือของชิงสุ่ย มันจะต้องไม่มีปัญหา
ทันใดนั้นดวงตาของชิงสุ่ยก็เปล่งประกาย เขาหยิบสมุนไพรออกมาและเริ่มทำความสะอาดพวกมันด้วยพลังปราณจิต หลังจากนั้นเขาก็หยิบหญ้าอสรพิษทองคำ ตัวเขาเองเกือบลืมสมุนไพรชนิดนี้ไปแล้ว
ตัวของหญ้าอสรพิษทองคำก็เป็นวัตถุดิบอีกอย่างนึงที่หยวนซูมอบให้กับเขา เขาเชื่อมั่นว่าถ้าหากผสมหญ้าอสรพิษทองคำเข้าไป การกลั่นยาครั้งหน้าจะต้องเป็นผลสำเร็จ ด้วยอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า สมมุติว่าโอกาสในการปรุงยามีความสำเร็จเพียงแค่ 10 ส่วน มันก็จะกลายเป็น 20 ส่วนทันที ฉะนั้นถ้าหากการปรุงยาแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่แสนหายาก อัตราการสำเร็จที่เพิ่มขึ้นย่อมทำให้การปรุงยาแต่ละครั้งคุ้มค่ามากขึ้น
และแล้วยาเม็ดที่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งลมปราณสีม่วงขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือโปร่งใสก็ปรากฏ
ชิงสุ่ยเก็บมันเข้าไปในขวดหยกที่ถูกแยกไว้โดยเฉพาะ
ในครั้งนี้ ผลลัพธ์จากการปรุงยาได้ผลออกมาเป็นยาเม็ดจำนวนทั้งสิ้น 3 เม็ด มันอาจจะดูไม่มากแต่ก็ไม่ได้น้อยเลย
เมื่อเวลาในดินแดนยุพราชอมตะใกล้หมดลง ชิงสุ่ยที่มุ่งมานะบากบั่นยาเม็ด ก็สามารถใช้วัตถุดิบที่หยวนซูให้มาจนปรุงยาเม็ดได้ทั้งหมด 30 เม็ด เรียกได้ว่าจำนวนนี้มากเกินพอ ตลอดชีวิตของคนคนหนึ่งสามารถกินยาเม็ดนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว และผลลัพธ์ของมันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคน
เมื่อเขาหลุดออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ มันก็เป็นเวลาช่วงบ่าย ทุกคนในตระกูลชิงต่างก็ยังคงหมั่นฝึกฝน ส่วนตัวของชิงสุ่ยก็เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านของห่ายต่งชิง
ทันทีที่เขาเข้ามาในสวนเล็กหน้าบ้าน สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือห่ายต่งชิงกำลังยืนมองสระน้ำด้วยสายตาอ้างว่าง เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าชิงสุ่ยกำลังเดินมาหาเธอ
แต่เมื่อเธอหันหลังกลับ เธอถึงกับตกใจเมื่อเห็นชิงสุ่ยเดินตรงเข้ามา “ชิงสุ่ย!!!”
“ทำไมหรือ? เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”ชิงสุ่ย โอบกอดเธอ
การที่ห่ายต่งชิงแสดงความเหงาผ่านสายตา มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
“เปล่าหรอก….ข้าก็แค่คิดถึงเจ้า และทุกครั้งที่ข้าคิดถึงเจ้า ข้ากลับไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเจ้า”ห่ายต่งชิงเงยหน้าและกล่าวตอบ
ชิงสุ่ยจูบหน้าผากห่ายต่งชิง “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน…… ในบางครั้ง เมื่อข้าคิดถึงเจ้า ข้าก็รู้สึกมีความสุข”
ห่ายต่งชิงเขินอาย เธอเข้าใจความหมายที่ชิงสุ่ยจะสื่อ
“ไอ้คนชั่วววว”
“หลังจากนี้จะไม่ต้องรอนานแล้ว เพราะทุกครั้งที่เจ้าคิดถึงข้า ข้าจะรีบมาปรากฏตัวอยู่ข้างเจ้าทันที”ชิงสุ่ยกล่าวตอบ
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดเพียงเพื่อให้ความหวังกับเธอ เพราะหลังจากที่ธงเบญจทัศนธาตุพัฒนา มันจะมีความสามารถมากขึ้นและทำให้เขากลับบ้านไปทุกเมื่อ
“ไหนไหนก็ไหนไหน มาลองดูยาเม็ดวาสนากันเถอะ”ชิงสุ่ยหยิบยาเม็ดวาสนาที่พึ่งกลั่นเสร็จออกมา ��