เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิงถือว่าได้รับการแก้ไขแล้ว สำหรับเรื่องของตระกูลเฉิงที่ถูกบีบบังคับให้ต้องย้ายจากที่ตั้งหลักฐานดั่งเดิม ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันยังไม่จำเป็นต้องคิดในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังของเฉิงหยวน ชิงสุ่ยเชื่ออีกว่าตระกูลเฉิงจะสามารถกลับมาหยัดยืนได้
เมื่อชิงสุ่ยกลับไปที่ตระกูลชิง เขาก็เห็นชิงเป่ยมายืนรอเขาอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ทันทีที่เธอเห็นชิงสุ่ย เธอรีบกระโดดกอดแขนชิงสุ่ยยังมีความสุข “พี่ชิงสุ่ย!”
“เจ้ากำลังเป็นห่วงเรื่องของเฉิงหยวนใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม
ชิงเป่ยเขินอาย “ป่าวนะ!!”
แม้เธอจะเติบโตมาเป็นหญิงสาว และตกหลุมรักคนที่เธอชอบ แต่เมื่ออยู่ในสายตาของชิงสุ่ย เธอยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อชิงสุ่ยมองย้อนกลับไปเรื่องราวทั้งหมดเขาก็รู้แล้วว่าเธอโตขึ้นมากแล้วจริงๆ
“ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างเรียบร้อยดี จริงๆแล้วมันดีกว่าที่เจ้าคิดด้วยซ้ำ”ชิงสุ่ยปลอบโยนชิงเป่ย สาวจัดการรวบรวมส่วนผสมทั้งหมดตามใบสั่งยาที่เตรียมไว้โดยหยวนซู ดังนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตระกูลชิงให้ขึ้นไปในขั้นต่อไป
ในระหว่างที่เขาเตรียมการ ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างมากที่เห็นใครบางคนที่เขาไม่ได้เจอมานาน หลวนหลวน มันเป็นมานานมากจริงๆที่เขาไม่ได้เห็นลูกสาวคนนี้เลย
เธอสวมเสื้อผ้าสีขาว แม้เธอจะดูโดดเด่นน้อยกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่รอบตัวของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิ บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มไม่ชัดเจน เธอโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงาม แล้วที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุด คือความแข็งแกร่งของเธอ ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7!!
“ท่านพ่อ”หลวนหลวนที่ได้พบหน้าชิงสุ่ย ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
ทั้งที่เธอปรากฏตัว ชิงสุ่ยรีบสวมกอดเด็กน้อยเหมือนหมียักษ์ได้เจอลูก กลิ่นอายแห่งความเหินห่างหายวับไปทันที
ชิงสุ่ยยังคงกอดหลวนหลวนยังมีความสุข “เด็กน้อยเหลือขอคนนี้กลับมาแล้ว”
“ใช่แล้วท่านพ่อ!! ว่าแต่ท่านกลับมาเมื่อไหร่?”
…………………..
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนในตระกูลชิงก็ออกมาแล้วเห็นว่าหลวนหลวนกลับมาแล้ว หลวนหลวนอาศัยอยู่ในมหาทวีปอุดรเทวดา เธอมีสถานะเป็นถึงรองเจ้าวังแห่งพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา
ชิงสุ่ยถึงกับประหลาดใจ แต่เมื่อคิดดีแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เขาสงสัยไม่ได้เลยว่าสถานที่ที่ชื่อว่าพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธามันเป็นแบบไหน และมีรองเจ้าวังอยู่ด้วยกันกี่คน?
แม้ว่าความแข็งแกร่งของหลวนหลวนจะอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 7 แต่ชิงสุ่ยก็ทราบดีว่าพลังนักรบในระดับกลางของขั้นที่ 7 ที่เธอครอบครองมันคงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับพลังในการควบคุมบังคับทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้ โดยเฉพาะเส้นทางแห่งผู้ฝึกสัตว์อสูร บางทีพลังของเธออาจจะไม่ได้ไปกว่าพยัคฆ์ขาวของอีห่วงกู่หวู่เลย จนบางครั้งมันอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำไป
หลวนหลวนก็ไม่ได้ปกปิดหรือไม่อยากพูดเรื่องพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีบางเรื่องที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและถูกห้ามไม่ให้รั่วไหลออกไปสู่โลกภายนอก
หลังจากได้พูดคุย ชิงสุ่ยก็เข้าใจในเรื่องของพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธามากขึ้น พระราชวังแห่งนี้มีรองเจ้าวังด้วยกันทั้งหมด 5 คน ตัวของหลวนหลวนถือได้ว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาเจ้าวังทั้งห้า แต่เพราะความสามารถในการควบคุมสัตว์อสูร ทำให้เธอมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมายบางตัวแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวเธอเอง และอีกเรื่องหนึ่งหลวนหลวนก็ยังเป็นเพียงแค่เด็ก ในเมื่อเด็กแข็งแกร่งขนาดนี้ คงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่รักษาอัจฉริยะเอาไว้ใกล้ตัว
ที่ตั้งของพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา อยู่ในส่วนลึกของมหาทวีปอุดรเทวา ลึกกว่าเมืองหลินห่ายและพระราชวังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จนชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าสถานที่ตั้งแห่งนั้นจะต้องอยู่ใกล้กับโลกภูเขา 9 เทวาที่แท้จริง
“ท่านพ่อ ข้ามีบางอย่างที่ไม่รู้มันคืออะไร ลูกคิดว่าท่านพ่อเป็นคนมีประสบการณ์และมีความรู้ เลยอยากให้ท่านลองดู”หลวนหลวน หยิบของหลายชิ้นออกมาวางบนโต๊ะ
ชิงสุ่ยค่อนข้างแปลกใจในขณะที่เขามองดูสิ่งของมากมายบนโต๊ะ มันมีทั้งสิ้นจำนวนมากมาย รวมไปถึงเจดีย์ขนาดเล็ก 2 ชิ้น ถูกต้อง….. เจดีย์หลายชิ้นเป็นของที่เขารู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน มันช่างคล้ายกับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ ส่วนหินพวกนั้น ก็เต็มไปด้วยพลังปราณจิตที่น่าเกรงขามบรรจุอยู่ภายใน
ในบรรดาความสามารถของชิงสุ่ย มันมีอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกว่ารูปแบบยันต์สร้างสลัก มันเป็นรูปแบบหนึ่งที่ใช้ในการกลั่นศาสตราวุธ จนไปถึงศาสตราวุธระดับพิเศษ แน่นอนว่าเสื้อผ้ารองเท้ารวมถึงกำไรก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ใช้สร้าง
แต่ก่อนชิงสุ่ยสร้างสิ่งของด้วยวิธีการหลอม และการตีขึ้นรูป ซึ่งมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างพึงพอใจแต่ไม่มากพอ วิธีการหล่อรูปแบบใหม่ จะทำให้ศาสตราวุธประเภทนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าการล้อม ตัวอย่างเช่นกระบี่บิน
อันที่จริงแล้วชิงสุ่ยตื่นเต้นมาโดยตลอด น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเจอวัสดุที่เหมาะสมจะใช้สร้างมัน แล้วถ้าหากสร้างสรรค์สำเร็จ กระบี่บินจะมีความเร็วและมีพลังที่น่ากลัวเหนือจินตนาการ
ชิงสุ่ยสังเกตก้อนหินบนโต๊ะ มันยังคงเป็นเรื่องยากถ้าหากจะสร้างกระบี่บินจากวัสดุเหล่านี้ เพราะมันยังคงขาดวัสดุอีกหลายอย่าง
แต่ที่มีอยู่ก็มากพอจะสร้างอุปกรณ์ป้องกันให้กับคนตระกูลชิง
ชิงสุ่ยหันเหสายตาไปมองเจดีย์ขนาดเล็กทั้ง 4 ชิ้น คนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่าเจดีย์เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร แล้วจะเป็นเจ้าของมันได้ด้วยวิธีใด แต่สำหรับชิงสุ่ย เขาสามารถบอกได้เลยว่ามันมีลักษณะแตกต่างกันเช่นใด
ทั้งสีล้วนเป็นเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ แต่ท่ามกลางทั้ง 4 เจดีย์ ชิ้นแรกสามารถเพิ่มพูนพลังได้ 2 เท่า ส่วนอีกชิ้นหนึ่งค่อนข้างคล้ายคลึงกับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์แต่ดีกว่า โดยมันจะช่วยเพิ่มรากฐานพลังให้กับผู้ใช้อีกครึ่งหนึ่ง ส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือจะคล้ายคลึงกัน มันช่วยเพิ่มความทนทานและพลังชีวิต โดยเฉพาะพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ชิงสุ่ยเลือกเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่เพิ่มพูนพลัง 2 เท่าออกมาและทำให้หลวนหลวนกลายเป็นเจ้าของเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของมัน
สำหรับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่ช่วยเพิ่มพูนพลังชีวิต เขามอบมันแก่อีหวงกู่หวู่ เพื่อเพิ่มพูนความสามารถในเส้นทางสวรรค์แห่งพยัคฆ์ขาว มันจะได้เน้นเพิ่มพูนพลังชีวิตแก่เหล่าพยัคฆ์ขาวที่เธอครอบครอง
ส่วนเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์สิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนรากฐานพลังผู้ใช้ครึ่งหนึ่ง คงจะไม่มีใครได้ผลประโยชน์มากที่สุดเท่ากับตัวของชิงสุ่ยเองแล้ว หลังจากที่เขากลายเป็นเจ้าของมัน เขาก็ตั้งชื่อให้กับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ในชื่อใหม่ว่าเจดีย์ขุมทรัพย์สวรรค์โชคชะตา ซึ่งตอนนี้มันได้พัฒนาพลังของชิงสุ่ยจนเข้าสู่ระดับ 500 ล้านเต๋าแล้ว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันไม่ได้ส่งผลให้ทักษะวชิระจู่โจมและภูเขา 9 เทวามีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ชิงสุ่ยก็พึงพอใจในผลลัพธ์ของมันมาก
ส่วนเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่เพิ่มพูนพลังชีวิตอันสุดท้าย ชิงสุ่ยเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ เพราะยังไม่มีคนใดเหมาะสมที่จะใช้มันในตอนนี้
ส่วนหินที่เหลือ ชิงสุ่ยก็จัดเตรียมเพื่อนำไปปรับแต่งสรรค์สร้างตามทักษะของเขา ด้วยวิธีนี้เขาเองก็สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับคนอื่นในตระกูลได้