ตอนที่ 146-1 วิกฤตของอวี้เฟยเยียน

จำนนรักชายาตัวร้าย

หลังจากที่ดีอกดีใจแล้ว เนื้อความในตอนท้ายจดหมายก็ทำให้สุ่ยเจ๋อซีตกตกใจเป็นเป็นอย่างมากเช่นกัน

 

 

‘บรรพชนเฒ่าให้เขาสังหารนักรบสกุลหลิว?’

 

 

‘เพราะอะไรกัน? เรากับสกุลสุ่ยมิใช่พันธมิตรกันหรอกหรือ?’

 

 

‘เพราะอะไรจู่ๆบรรพชนเฒ่าถึงได้สั่งการเช่นนี้?’

 

 

‘หรือว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นที่เมืองลู่?’

 

 

แม้ว่าสุ่ยเจ๋อซีจะไม่เข้าในคำสั่งของสุ่ยฮั่วอี แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรแม้แต่น้อย

 

 

สุ่ยฮั่วอีสำเร็จถึงปราชญ์ราชันย์ เช่นนั้นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคงจะตายด้วยน้ำมือของท่านแล้วเช่นกัน ส่วนพวกของหลิวอวี๋เซิงก็ไม่แน่ว่าถูกบรรพชนเฒ่ากำจัดไปพร้อมๆกัน

 

 

หากว่าเขาสังหารนักรบของสกุลหลิวทางนี้ สกุลหลิวก็จะหลงเหลือนักรบที่มีฝีมือสูงอีกไม่เท่าไหร่

 

 

เมื่อไม่หลงเหลือยอดฝีมือ เหลือเพียงหลิวปิงปิงค้ำจุนสกุลหลิวเอาไว้เพียงลำพัง ดูสิว่าพวกเขาจะเหิมเกริมอะไรได้อีก!

 

 

การสูญสิ้นของสกุลหลิว ต้องบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

 

 

ตรงกันข้ามกับสกุลสุ่ย แม้ว่าจะสูญเสียยอดฝีมือไปมากมายด้วยน้ำมือของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจากเหตุการณ์ริมแม่น้ำฮาซือถูก็ตาม แต่บัดนี้บรรพชนเฒ่าสำเร็จถึงปราชญ์ราชันย์แล้ว ย่อมต้องยกระดับตำแหน่งของสกุลหลิวบนแผ่นดินอู๋โยวแห่งนี้ให้สูงขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

‘หรือว่ายุคของสกุลสุ่ยมาถึงแล้ว?’

 

 

สุ่ยเจ๋อซีเก็บจดหมายลง แล้วเงยหน้ามองพิราบสื่อสารเอ่ยว่า

 

 

“กลับไปเถอะ ข้ารู้แล้ว!”

 

 

พิราบสื่อสารร้องออกมาสองครั้ง แล้วจึงทะยานสู่ท้องฟ้า

 

 

‘สกุลหลิว…’

 

 

สุ่ยเจ๋อซียิ้มร้าย เมื่อเหลือบมองไปยังหลิวอ้าวกว๋อที่กำลังพักผ่อนอยู่

 

 

กำลังของสกุลหลิวที่เดินทางมาในครั้งนี้ นอกเสียจากเจ้าเฒ่าสามคนนี้ที่เป็นราชาอาวุโสแล้ว คนอื่นที่เป็นจักรพรรดิอาวุโสก็มีจำนวนน้อยนัก ส่วนที่เหลือก็มีเพียงปราชอาวุโสและปรมาจารย์เท่านั้น

 

 

เห็นทีว่า นักรบที่หลิวอวี๋เซิงนำไปต่างหากคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของสกุลหลิว

 

 

และการที่หลิวอวี๋เซิงทำเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ

 

 

‘จับปลาในน้ำขุ่น เขาต้องการที่อาศัยจังหวะที่บรรพชนเฒ่าและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นต่อสู้กัน ฉกฉวยเอาผลประโยชน์เข้าตัว’

 

 

‘น่าเสียดาย! เกรงว่าหลิวอวี๋เซิงคงจะนึกไม่ถึงว่า บรรพชนเฒ่าสกุลสุ่ยจะข้ามขั้นสำเร็จถึงปราชญ์ราชันย์ได้ จนล้างบางสกุลหลิวได้สำเร็จ’

 

 

‘เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอจริงๆ!’

 

 

มองดูหลิวอ้าวกว๋อและเหล่านักรบสกุลหลิวที่กำลังพักผ่อนอยู่ สุ่ยเจ๋อซีก็ยิ้มร้ายออกมา

 

 

รอให้กำจัดกองกำลังสกุลหลิวทั้งสิบห้าคนนี้ แล้วค่อยกำจัดพวกของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นที่นี่ให้สิ้นซากจนสามารถครอบครองเมืองเฮ่อนี้ได้เสียก่อน ถึงตอนนั้นดินแดนที่เดิมทีเป็นของสกุลหนานกงก็ต้องตกเป็นของสกุลสุ่ย!

 

 

และหากว่าหลิวปิงปิงไม่ดูตาม้าตาเรือ บุกเข้ามาแก้แค้นให้กับสกุลหลิวละก็ บรรพชนเฒ่าก็จะได้ถือโอกาสล้างบางสกุลหลิวเสียเลย

 

 

ถึงตอนนั้น ดินแดนของสกุลหลิวก็จะตกเป็นของสกุลสุ่ยเช่นกัน…

 

 

‘ฮ่าๆ! ยอดเยี่ยมไปเลย! สุ่ยเจ๋อซียิ่งคิดก็ยิ่งจินตนาการไปไกล’

 

 

หน้าที่ๆสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้นั่นก็คือ อาศัยจังหวะที่นักรบสกุลหลิวยังไม่ทันได้ระวังตัว ฆ่าพวกเขาทิ้งเสีย!

 

 

ด้วยเกรงว่าหลิวอ้าวกว๋อจะเกิดความสงสัย สุ่ยเจ๋อซีจึงใช้สัญญาณมือสั่งการว่าให้ ‘ฆ่า’ บอกกับนักรบของสกุลสุ่ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วแทน

 

 

‘ฆ่าสกุลหลิว?!’

 

 

นักรบของสกุลสุ่ยข้องใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆสุ่ยเจ๋อซีก็สั่งการเช่นนี้ แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นนักรบของสกุลสุ่ย ย่อมต้องเชื่อฟังคำส่งของผู้เป็นนายโดยไม่มีข้อแม้ นี่เป็นกฎขั้นพื้นฐานที่สุด

 

 

เมื่อเห็นว่าทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว สุ่ยเจ๋อซีก็ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

 

 

“ฆ่า! “

 

 

และคนที่เขาจะเด็ดหัวคนแรกนั่นก็คือหลิวอ้าวกว๋อ

 

 

หลิวอ้าวกว๋อที่กำลังหลับพักผ่อนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามา เมื่อเขาลืมตาโพลง สุ่ยเจ๋อซีก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาเสียแล้ว

 

 

แย่แล้ว!

 

 

หลิวอว้าวกว๋อม้วนหน้าหลบหลีกการโจมตีของสุ่ยเจ๋อซี และเมื่อเขาหันมองไปยังกองกำลังของตนเอง ก็เห็นว่าพวกเขามีทั้งบาดเจ็บ มีทั้งล้มตาย

 

 

เห็นได้ชัดว่านักรบสกุลหลิวทุกคนไม่มีใครคาดคิดว่าสกุลสุ่ยจะกระทำเรื่องตระบัดสัตย์กลับคำเช่นนี้ออกมาได้ พวกเขาจึงไม่ทันได้ป้องกันตัว ตอนนี้ก็มีนักรบสกุลหลิวถึงสี่คนต้องตายภายใต้คมดาบของสกุลสุ่ยเสียแล้ว

 

 

“สุ่ยเจ๋อซี นี่มันหมายความว่าอย่างไร!” หลิวอ้าวกว๋อทั้งโกรธทั้งโมโห

 

 

ทั้งๆที่ก็ตกลงกันอย่างเป็นหมั้นเป็นเหมาะแล้วว่าสกุลสุ่ยและสกุลหลิวจะร่วมมือกันต่อกรประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น แล้วเพราะอะไรถึงกลายเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

 

“ฆ่ามัน! ผู้เฒ่าสาม รอให้ท่านไปถึงยมโลก ได้พบกับหลิวอวี๋เซิงเมื่อไหร่ ท่านก็จะรู้เหตุผลเอง”

 

 

สุ่ยเจ๋อซีไม่ได้กล่าวถึงเหตุผล ตรงกันข้ามกลับโจมตีเขารุนแรงยิ่งขึ้น

 

 

“พวกเจ้า——”

 

 

หลิวอ้าวกว๋อเมื่อได้ยินในสิ่งที่สุ่ยเจ๋อซีกล่าวออกมาแล้ว ก็ตกอกตอกใจเป็นอย่างมาก

 

 

‘หรือว่าประมุขเจอกับดักเข้า?’

 

 

‘ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ คงจะมิใช่บรรพชนเฒ่าแห่งสกุลสุ่ยที่สำเร็จขั้นปราชญ์ราชันย์กระมัง?’

 

 

หลิวอ้าวกว๋อไม่มีเวลาจะมาไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว เพราในตอนนี้กองกำลังของสกุลสุ่ยไล่ตามมาติดๆ พวกเขาทั้งร้องทั้งตะโกนบอกให้เขาหยุดอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทหารที่สกุลสุ่ยนำมาล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดสรรมาอย่างดี จึงรับมือกับกองกำลังของสกุลหลิวได้อย่างสบายๆ อีกทั้งพวกเขามีคนมากกว่า ทั้งยังลอบโจมตี ดังนั้น ในเวลาเพียงไม่นานนักรบสกุลหลิวก็บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

 

 

มองดูนักรบสกุลหลิวที่ตนเองพามานอนตายเกลื่อนอยู่บนพื้นแล้ว ก็ทำให้หลิวอ้าวกว๋อแทบจะอกแตกตาย

 

 

‘นึกไม่ถึงว่าสกุลสุ่ยจะเป็นพวกตระบัดสัตย์เช่นนี้!’

 

 

‘สกุลสุ่ยและสกุลหลิวเป็นทองแผ่นเดียวกัน! แต่สกุลสุ่ยกลับไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์นี้แม้แต่น้อย กลับลงมือสังหารสกุลหลิวอย่างเ**้ยมโหด น่าโมโหยิ่งนัก!’

 

 

หลิวอ้าวกว๋อจ้วงแทงไปยังตำแหน่งหัวใจของสุ่ยเจ๋อซีอย่างดุดัน หากว่าต่อสู้กันตัวต่อตัวละก็ ไม่แน่ว่าสุ่ยเจ๋อซีจะใช่คู่ต่อสู้ของหลิวอ้าวกว๋อ แต่ตอนนี้ทางฝั่งของสุ่ยเจ๋อซีมีคนมากกว่า!

 

 

จักรพรรดิอาวุโสสองคนรวมกับสุ่ยเจ๋อซีอีกคน ทั้งสามคนเข้าปิดล้อมหลิวอ้าวกว๋อ ไม่นาน หลิวอ้าวกว๋อก็บาดเจ็บเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเล็กแผลน้อยมากมาย

 

 

หลิวอ้าวกว๋อในเวลานี้ ผมเผ้าสางสยาย ร่างของเขาเปื้อนเลือดไปทั้งตัว ซึ่งเขาไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า บาดแผลทั่วร่างนี้จะไม่ได้มาจากศัตรู แต่มาจากพันธมิตรต่างหาก!

 

 

น่าโมโหยิ่งนัก!

 

 

“พวกเจ้าจงอดทนเอาไว้! อดทนเอาไว้! จับคู่กัน หลังชนหลังต่อสู้กับศัตรู!” หลิวอ้าวกว๋อตะโกนสั่งการนักรบสกุลหลิว

 

 

นักรบของสกุลหลิวที่มาในวันนี้ รวมตัวหลิวอ้าวกว๋อเองแล้วมีทั้งหมดสิบห้าคน บัดนี้คงเหลือเจ็ดคน

 

 

หยดเลือดที่ไหลออกมาและศพที่นอนระเกะระกะอยู่ที่พื้น ทำให้นักรบสกุลหลิวที่ยังมีชีวิตรอดได้สติขึ้นมา สกุลสุ่ยหักหลัง ทรยศต่อความร่วมมือระหว่างกัน ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่งพาตนเองเท่านั้น!