ตอนที่ 146-2 วิกฤตของอวี้เฟยเยียน

จำนนรักชายาตัวร้าย

นอกจากหลิวอ้าวกว๋อแล้ว คนที่ยังเหลือจึงจับกลุ่ม กลุ่มละสองคน ต่อสู้กับนักรบของสกุลสุ่ย 

 

 

เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นรองในเรื่องของจำนวนคนที่มีน้อยกว่า ในเรื่องของระดับขั้นวรยุทธ์ที่ยังห่างไกลจากนักรบของสกุลสุ่ยอยู่มากก็เป็นอุปสรรคเช่นกัน ดังนั้น ศึกในครั้งนี้ทำให้สกุลหลิวต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ สุดท้ายเหลือนักรบเพียงสามคนที่ยังยืนหยัดต่อสู้กับสกุลสุ่ยด้วยความยากลำบาก 

 

 

“สุ่ยเจ๋อซี สกุลสุ่ยตระบัดสัตย์พลิกลิ้น ผิดคำสัญญา พวกเจ้าจะต้องไม่ตายดี!” 

 

 

ดวงตาข้างหนึ่งของหลิวอ้าวกว๋อถูกดาบจ้วงแทง เขาจึงพยายามลืมตาอีกข้างหนึ่งขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ของหลิวอ้าวกว๋อเบิ่งกว้างราวกับจะกินเลือดกินเนื้อสุ่ยเจ๋อซีอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“หึๆ คนที่จะตายก่อนคือเจ้าต่างหาก!” สุ่ยเจ๋อซีกล่าวจบก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่ท้องน้อยของหลิวอ้าวกว๋อ จนร่างของเขากระเด็นออกไปไกล 

 

 

“ผู้เฒ่าสาม ขออภัยด้วย! จะโทษก็ต้องโทษที่ท่านเกิดในตระกูลหลิว! ฮ่าๆ!” 

 

 

“อึก——” หลิวอ้าวกว๋อกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ร่างของเขากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ตอนนี้เนื้อตัวของเขาสั่นระริก 

 

 

ฝ่ามือนี้ของสุ่ยเจ๋อซีทำลายลมปราณของเขาจนแหลกละเอียด พลังวัตรในร่างของเขาราวกับไร้ซึ่งการปิดผนึกและ มันกำลังไหลออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ไม่! ไม่! พลังวัตรของข้า” หลิวอ้าวกว๋อจับทวนในมือเอาไว้แน่น พยายามชันกายลุกขึ้นสุดกำลัง 

 

 

‘เขาไม่อยากกลายเป็นคนพิการ ไม่!’ 

 

 

‘หากไม่มีพลังวัตร ก็เท่ากับเขาสูญสิ้นทุกอย่าง!’ 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของหลิวอ้าวกว๋อ สุ่ยเจ๋อซีก็แสยะยิ้มน่าเกลียดออกมา  

 

 

นี่สุ่ยเจ๋อซีคงจะลืมสิ้นแล้วกระมังว่า บุตรสาวของตนเองอีกคนยังเป็นสะใภ้ของสกุลหลิวอยู่ 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปหาหลิวอ้าวกว๋อทีละก้าว พร้อมเงื้อดาบใหญ่ของตนเองขึ้น 

 

 

“เกิดชาติหน้าฉันท์ใดก็จงไปเกิดในตระกูลดีๆก็แล้วกัน! ฮ่าๆ!” 

 

 

“เพล้ง——” 

 

 

วินาทีที่สุ่ยเจ๋อซีกำลังฟันดาบลงไปตัดศีรษะของหลิวอ้าวกว๋อนั่นเอง พัดหยกเล่มหนึ่งก็ร่อนเข้ามาปัดดาบเล่มใหญ่ของเขาให้พ้นทาง 

 

 

“ท่านปู่สาม!” หลิวเซิ้งเห็นสภาพที่สะบักสะบอมของหลิวอ้าวกว๋อเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมาทันที 

 

 

เมื่อเห็นหน้าหลิวเซิ้ง หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาซ้ายที่ยังไม่ถูกทำลายของหลิวอ้าวกว๋อทันที เมื่อครู่คิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลิวเซิ้งจะปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ 

 

 

เพียงแต่ว่าไม่นาน หลิวอ้าวกว๋อก็ผลักหลิวเซิ้งไปให้พ้นทาง 

 

 

“เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน! รีบหนีไป! เร็วเข้า!” 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีกล้าที่จะลงมือเ**้ยมโหดกับพวกเขา คิดว่าหลิวอวี๋เซิงรวมถึงนักรบสกุลหลิวที่เดินทางไปยังเมืองลู่ก่อนหน้านี้คงจะประสบเคราะห์ร้ายเสียแล้ว 

 

 

สกุลสุ่ยใช้วิธีการต่ำช้าตัดกำลังของสกุลหลิว จะให้พวกมันทำร้ายหลิวเซิ้งอีกไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร สกุลหลิวในภายหน้ายังคงต้องพึ่งพาชายหนุ่มผู้นี้ในการนำพาตระกูลต่อไป! 

 

 

“รีบหนีไป! เร็วเข้า——” หลิวอ้าวกว๋อเริ่มลนลาน หลิวเซิ้งคือลูกหลานรุ่นใหม่ของสกุลหลิวที่ยอดเยี่ยม เขาจะไม่ยอมให้หลิวเซิ้งต้องมาตายอยู่ที่นี่เป็นแน่! 

 

 

‘อนาคตของหลิวเซิ้งยังอีกยาวไกล! เขาไม่ควรจะต้องมาตายที่นี่!’ 

 

 

แต่ทว่า ความคิดของหลิวอ้าวกว๋อยังคงช้าไปเพียงก้าวหนึ่ง เพราะสุ่ยเจ๋อซีและจักรพรรดิอาวุโสสามคนได้เข้าปิดล้อมคนทั้งสองเอาไว้เสียแล้ว 

 

 

“นึกไม่ถึงว่ายังมีปลาที่หลุดรอดจากเบ็ดมาได้อีกตัวหนึ่ง!” สุ่ยเจ๋อซีมองสำรวจหลิวเซิ้งตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไปที่สกุลหลิวหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบคนๆนี้มาก่อน ทว่า อีกฝ่ายกลับเรียกขานหลิวอ้าวกว๋อว่า ‘ท่านปู่สาม’ อีกทั้งหลิวอ้าวกว๋อก็ออกอาการปกป้องชายหนุ่มผู้นี้ถึงเพียงนี้ เขาจะต้องเป็นคนของสกุลหลิวอย่างแน่นอน 

 

 

เมื่อมองชัดๆแล้วพบว่าหลิวเซิ้งคือจักรพรรดิอาวุโส สุ่ยเจ๋อซีก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที 

 

 

ลูกหลานรุ่นใหม่ของสกุลหลิว สุ่ยเจ๋อซีเคยสืบประวัติพวกเขามาบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่ายังมีคนที่โดดเด่นเช่นเจ้าหนุ่มนี่อยู่อีกคน 

 

 

ชายหนุ่มผู้นี้ดูแล้วอายุไม่มาก คงจะไม่เกินยี่สิบห้าปี แต่กลับสำเร็จถึงขั้นจักรพรรดิอาวุโสเสียแล้ว ความสามารถนี่เทียบเคียงได้กับเสิ่นถูเลี่ยคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเสิ่นถูเลยทีเดียว  

 

 

‘เห็นทีว่า หลิวอวี๋เซิงก็คงคิดหาทางหนีทีไล่เอาไว้เช่นกันสินะ!’ 

 

 

เขาอุตส่าห์ซ่อนเร้นเจ้าหนุ่มที่มากด้วยพรสวรรค์คนนี้เอาไว้ เกรงว่าคงวางแผนเปิดตัวเจ้าหนุ่มนี่ในงานชุมนุมที่หุบเขาจื่อจิงเพื่อว่าจะให้ทุกคนตกตะลึงไปตามๆกันเลยสินะ! 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีจะให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน! 

 

 

ในเมื่ออีกฝ่ายมาถึงที่แล้ว หากว่าไม่ตัดรากถอนโคลน เมื่อเวลานั้นมาถึงอาจมีภัยมาถึงตัวในภายหน้า! 

 

 

คิดได้ดังนั้น สุ่ยเจ๋อซีพุ่งเข้าโจมตีหลิวเซิ้งทันทีโดยเห็นแก่อะไรอีกต่อไป 

 

 

ในเวลาเดียวกัน กองกำลังสกุลหลิวที่เดินทางมาทำศึก ณ เมืองเฮ่อ ถูกฆ่าตายจนหมด คงเหลือเพียงหลิวอ้าวกว๋อที่วรยุทธ์สูญสิ้นเท่านั้น 

 

 

ตรงกันข้ามนักรบของสกุลสุ่ยทั้งหมดยี่สิบกว่าคนยังอยู่ดี มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่บาดเจ็บเล็กน้อย 

 

 

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลิวอ้าวกว๋อและหลิวเซิ้งอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบอย่างชัดเจน 

 

 

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน อีกเดี๋ยวข้าจะถ่วงเวลาสุ่ยเจ๋อซีเอาไว้ เจ้ารีบหนีไปเสีย!” หลิวอ้าวกว๋อกระซิบบอกหลิวเซิ้ง แต่ทว่าสุ่ยเจ๋อซีก็ได้ยินเสียงของเขาเช่นกัน 

 

 

“พวกเจ้า ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น!” สุ่ยเจ๋อซีเผยรอยิ้มชั่วร้ายออกมา 

 

 

‘ให้สกุลหลิวจบสิ้นเพียงเท่านี้เถอะ!’ 

 

 

‘ยุ่งรุ่งโรจน์ของสกุลสุ่ย ใครไม่มีทางจะขัดขวางได้!’ 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีมิได้ล่วงรู้จุดจบอันน่าอนาถของสกุลสุ่ยที่เกิดขึ้นที่เมืองลู่เลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่หลงเชื่อ ความจากจดหมายที่ได้รับที่ว่า สุ่ยฮั่วอีสำเร็จปราชญ์ราชันย์ ครั้งนี้สกุลสุ่ยได้ประกาศศักดาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร! 

 

 

“ข้าก็มิได้คิดจะหลบหนี!” หลิวเซิ้งคลี่พัดหยกออก แล้วพัดเบาๆ 

 

 

“ท่านปู่สาม มาหลบด้านหลังข้า!” ไม่ว่าการที่หลิวอ้าวกว๋อปกป้องเขานั้นจะด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ความห่วงใยของเขานี้ หลิวเซิ้งมิอาจแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นได้ 

 

 

“เจ้าโง่หรืออย่างไร!” หลิวอ้าวกว๋อเริ่มร้อนรนดวงตาของเขาฉายแววตื่นตระหนกออกมาอย่างชัดเจน 

 

 

“รีบหนีไปเร็วเข้า——” 

 

 

หลิวอ้าวกว๋อกล่าวยังไม่ทันจบ ราชาอาวุโสอีกคนของสกุลสุ่ย น้องชายของสุ่ยเจ๋อซี สุ่ยเจ๋อเป่ยก็พุ่งเข้าโจมตีหลิวเซิ้งและหลิวอ้าวกว๋อทันที 

 

 

ราชาอาวุโสและจักรพรรดิออาวุโสมีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน หลิวอ้าวกว๋อรู้ดี สุ่ยเจ๋อเป่ยเล่นงานฝ่ายเขาอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการสังหารหลิวเซิ้งให้จงได้ แล้วเขาจะทนเห็นหลิวเซิ้งต้องตายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน 

 

 

“หลบไป! “ 

 

 

หลิวอ้าวกว๋อใช้เรี่ยงแรงทั้งหมดที่มีผลักหลิวเซิ้งออกไปให้พ้นทาง วินาทีที่ดาบทองคำของสุ่ยเจ๋อหนานกำลังจะฟันฉับลงที่คอของหลิวอ้าวกว๋อนั่นเอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้น 

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——”