GGS:บทที่ 818 จิตตก

 

ในสายตาของทุกคนในตอนนี้ได้จับจ้องไปยังหู่ซิงหมิงที่กำลังฉีกห่อของขวัญออกอย่างรวดเร็ว

ที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือข้างในเป็นม้วนของอะไรบางอย่าง นั่นทำให้ทุกคนเริ่มแสดงท่าทางงงๆออกมา

เพราะว่าหากนึกถึงของขวัญต่างๆที่เคยผ่านมาแล้ว ของขวัญชิ้นนี้รู้สึกว่าจะดูธรรมดาที่สุดแล้ว

 

“นี่คือ?” ซุนหยูเฮงเองก็ถึงขมวดคิ้วกับภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาเช่นกัน

ภาพที่เขาเห็นนั่นก็คือเพียงซูจิ้งนำของขวัญออกมามอบให้ใครสักคน ทุกคนในงานต่างก็หยุดนิ่งจับจ้องเป็นตาเดียว เรียกได้ว่าเป็นการขโมยซีนไปคนเดียวเลยก็ว่าได้

ซุนหยูเฮงรู้สึกไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และเขาอยากจะขโมยซีนที่แสนจะเด่นนี้ไปใจขาด

 

อย่างไรก็ตามในกระบวนการให้ของซูจิ้งนั้น เขาไม่มีทางเทียบได้เลยซักนิด

ตอนนี้เขาเลยตัดสินใจว่าจะรอดูก่อนว่าซูจิ้งจะให้อะไรกับผู้ว่าการหู่เป็นของขวัญกันแน่

แต่เมื่อเขาได้เห็นว่าของที่ซูจิ้งนำมาให้นั้นเป็นม้วนอะไรบางอย่าง เขาเองก็ใจเต้นขึ้นมาพร้อมกับมีความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ นั่นก็เพราะว่าของขวัญของเขาเองก็เป็นม้วนคล้ายๆกัน

 

“พี่ซุน เกิดอะไรขึ้น” ชายร่างผอมคนหนึ่งสังเกตเห็นใบหน้าของซุนหยูเฮงในตอนนี้จึงได้ถามออกมา

“ไม่มีอะไร” ซุนหยูเฮงได้ตอบพลางส่ายหัวออกมา เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจเขาตอนนี้มาจากเรื่องอะไรกันแน่

 

“นายจะตื่นเต้นไปทำไมกันเนี่ยซุนเชา ของขวัญที่นายนำมานั้นถือได้ว่าเกือบจะสุดยอดแล้ว

ไม่ว่าของที่หมอนั้นจะเอามาคืออะไรก็ตาม แต่บอกได้เลยว่าของของนายสุดยอดยิ่งกว่าอย่างแน่นอน”

หนุ่มร่างผอมได้กระซิบออกมาเชิงยุเชิงจริง นั่นก็เพราะว่าเขาเห็นของที่ซุนหยูเฮงเตรียมมาแล้วนั่นคือหัวใจพระสูตรและพระพุทธที่เคยมีรูปเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้

เขาเองก็เคยให้เพื่อนที่อยู่ในวงการนี้มาประเมินดูก็ได้คาดการณ์ไว้คร่าวๆว่าขั้นต่ำอยู่ 10 ล้านหยวน

 

ยิ่งไปกว่านั้น หู่ซิงหมิงเองก็เป็นพุทธศาสนิกชนและเขาเองก็ชอบที่จะนั่งสมาธิและสวดมนต์อยู่เป็นประจำ

สามารถบอกได้เลยว่าเขาศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน

บอกได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นในเรื่องมูลค่าหรือคุณค่าทางจิตใจล้วนแล้วสูงล้นทั้งสิ้น

ไม่มีของขวัญชิ้นไหนเทียบได้อย่างแน่นอน

 

“นั่นสิ จริงด้วย” ซุนหยูเฮงได้พยักหน้ารับพลางรู้สึกกังวลใจ เขาได้จ้องไปยังม้วนภาพที่ซูจิ้งนำมามอบให้แก่หู่ซิงหมิง หู่ซิงหมิงเองก็ได้กางภาพนั้นลงไปบนโต๊ะในทันที

ทุกคนที่กำลังจับจ้องอย่างไม่วางก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้ตาของเขากลับแทบจะถลนออกมา

ซุนหยูเฮงก็ถึงกับต้องยืนอึ้งในทันทีเมื่อเห็นรายละเอียดในม้วนภาพนั้น

และหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีในทันทีจนเรียกได้ว่าหน้าเกลียดไปเลย

นั่นก็เพราะว่ารายละเอียดของภาพม้วนนั้นคือรูปพระพุทธเข้ากำลังนั่งขัดสมาธิโดยมีร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าและมีพระพักตร์ที่แสนโอบอ้อมอารี และมีรอยมือประทับรอบฐานและมีภาษาสันสกฤตอยู่ภายใน

 

“มันดูเหมือนหัวใจพระพุทธและพระสูตรเลยนะ”

“ใช่ๆ ช่างดูคล้ายกันมากเลย แต่อันนี้ทำไมฉันรู้สึกว่ามันดูประณีตกว่าล่ะ”

“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าม้วนนี้คือต้นฉบับ”

“ห้ะ ใช่ภาพที่มีคนเสนอซื้อต้นฉบับในราคา 100 ล้านหยวนนั่นรึเปล่า ของจริงหรอ”

 

ผู้คนที่คอยจับจ้องดูอยู่ในตอนนี้พวกเขามองกันด้วยจนสายตาแทบจะไม่กระพริบยิ่งกว่าเดิม พวกเขาถึงกับต้องก้าวเดินเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าเป็นของจริงรึเปล่า

ของอย่างนี้ใครๆก็เลียนแบบกันได้ เพราะในอินเตอร์เนตนั้นมีภาพนี้แพร่กระจายอยู่ทั่วไปหมด

แต่เมื่อพวกเขายิ่งจ้องมองมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงพุทธนุภาพของหัวใจพระสูตรและพระพุทธรูปนี้ได้สั่นคลอนหัวใจพวกเขาให้ฝักใฝ่ในธรรมะ สิ่งนี้เป็นไปได้เลยที่จะลอกเลียนแบบขึ้นมาได้

 

“เดี๋ยวนะ นี่มันของจริงนี่” ถังฮ่าวเองได้อุทานออกมาอย่างดังพร้อมท่าทางตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า

“คุณซูนำภาพของจริงมามอบให้เป็นของขวัญอย่างนี้เลยหรอ” อารมณ์ของผู้อาวุโสหวู่ในตอนนี้มีความรู้สึกซับซ้อนจนบอกไม่ถูก

หากเป็นเขาล่ะก็จะไม่มีทางนำภาพจริงออกมาให้ใครยลโฉมง่ายๆอย่างนี้แน่นอน แต่ซูจิ้งกลับมอบให้คนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย สมแล้วที่เขาได้รับฉายาว่าเจ้าแห่งการให้ของขวัญ

 

ซุนหยูเฮงเป็นคนเดียวในที่นี่ที่ทำหน้าน่าเกลียดหน้ากลัวอย่างที่สุดภายในงาน เพราะเขาเองก็ได้เตรียมหัวใจพระสูตรและพระพุทธนี้มามอบให้ผู้ว่าการหู่เช่นเดียวกัน ผู้อาวุโสที่เขาเคยบอกซูจิ้งไว้ก็คือผู้ว่าการหู่

 

แต่เดิมนั้นเขาต้องการแสดงให้เห็นความสามารถของเขาในการงานเลี้ยงของผู้ว่าการจังหวัดแห่งนี้ว่าสามารถบันดาลสิ่งใดมาก็ได้

ใครจะไปคิดว่าซูจิ้งจะยอมเอาของจริงมาให้แบบนี้ แล้วภาพไม่สมประกอบของเขาจะไปสู้อะไรได้

ซุนหยูเฮงในตอนนี้มองไปยังซูจิ้งด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าเดิม ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าความรู้สึกกังวลใจที่แสนหนักอึ้งก่อนหน้านี้มาจากไหน

เขาก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงไม่อยากจะขายรูปนี้ให้เขานักหนา สมบัติอันประเมินค่าไม่ได้กลับให้กันง่ายๆอย่างนี้อ่ะนะ

 

“เดี๋ยวก่อน นั่นต้องเป็นของปลอมแน่ๆ” ในตอนนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ข้างซุนหยูเฮงเองก็ได้โวยวายขึ้นมา

ทุกคนที่กำลังมุงดูอยู่ต่างนิ่งอึ้งไปในทันที พวกเขาหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย หลายคนถึงกับเหลือกตาลงมองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

ชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นได้ยืดอกและพูดต่อว่า “รูปนั้นต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน นั่นก็ว่าของจริงถูกซื้อมาโดยลูกพี่ซุนตั้งนานแล้ว”

 

เมื่อชายคนนั้นพูดจบลง ซุนหยูเฮงได้ทำใบหน้าที่หน้าเกลียดยิ่งกว่าเดิม เขาเองก็พยายามจะสะกิดหนุ่มร่างผอมเพื่อนของเขาแล้ว แต่กลายเป็นว่ายิ่งสะกิดหมอนั่นยิ่งพูดโพล่งออกมา

 

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองไปที่ชายร่างผอมด้วยสายตาที่ไม่มีใครเชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย และเขาเองแค่ดูสายตาก็รู้แล้วว่าไม่มีใครเชื่อจะได้พูดอกมว่า “มองอะไร ที่ฉันพูดเป็นความจริงนะ ถ้าไม่มีใครเชื่อล่ะก็ พี่ซุน คุณหยิบภาพของ…”

 

“หยุดเดี๋ยวนี้” ซุนหยูเฮงตะคอกออกมาดังลั่น นั่นทำให้ชายหนุ่มร่างผอมได้สติจนยอมหยุดพูดลง เขาเองก็ไม่รู้ว่าซุนหยูเฮงจะหยุดเขาทำไม

“น้องชายท่านนี้ น้องชายพอจะทราบใช่หรือไม่ว่าภาพพระสูตรและหัวใจพระพุทธนี้เคยถูกเผยแพร่มาก่อนหน้านี้แล้วในอินเตอร์เนต” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ท่าทางใจดีได้เอ่ยถามออกมา

 

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าหัวใจพระสูตรและพระพุทธได้อยู่ที่เขาแล้ว” ชายหนุ่มร่างผอมพูดออกมา

“ผู้ที่เผยแพร่ภาพเหล่านั้นออกไปนั้นคือคนที่อยู่ไกลกว่าเส้นขอบฟ้าแต่ใกล้เพียงเอื้อมมือถึง” ชายท่าทางใจดีคนนั้นพูดต่อ

 

ชายร่างผอมคนนั้นทำท่าคิดจนหัวหมุนแล้วเผลอไปเหลือบมองซูจิ้งทันใดนั้นเขาก็ได้คำตอบในทันที เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ยืนแข็งค้างไป

เขาหันหน้าไปมองไอ้เพื่อนตัวดีของเขาที่ทำหน้าโคตรน่าเกลียดอยู่ตอนนี้ซึ่งก็คือซุนหยูเฮง

 

เขาก้มหน้าลงก่อนจะหายใจเข้าลึกๆและแทบจะแทรกแผ่นดินหนีจากตรงนั้น เพราะว่าไม่ว่าเขาจะโง่เง่าแค่ไหนก็ตามยังเขาก็ยังพอรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วอยู่พอสมควร

 

ให้ลองจินตนาการดูว่าในเมื่อรูปที่อยู่บนโลกอินเตอร์เนตนั้นเป็นซูจิ้งเองที่เป็นผู้ส่งแล้วล่ะก็ ย่อมหมายความว่าเขานั้นมีต้นฉบับอย่างแน่นอน

 

แล้วทำไมต้นฉบับของรูปที่ถูกเผยแพร่จึงจะกลายเป็นของปลอมไปได้กัน ในความหมายหนึ่งคือของที่อยู่บนมือซุนหยูเฮงนั้นเป็นของปลอม

 

“ความจริงเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้” ซุนหยูเฮงได้พยายามทำใจให้สงบก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ผมเองที่โลภมากอย่างได้ต้นฉบับภาพจนอดใจไม่ไหวต้องไปบ้านของคุณซูเมื่อไม่กี่วันก่อน และหวังว่าเขานั้นจะขายให้ผม

แต่คุณซูนั้นปฏิเสธที่จะขายต้นฉบับ และเขาเองก็มีฉบับที่ไม่สมบูรณ์อยู่ ซึ่งตัวผมเองก็คิดว่าได้มาแค่นั้นก็ดีแล้วจึงได้ซื้อต่อมาเมื่อนำมางานนี้

ไม่คิดว่าสุดท้ายจะกลายเป็นทำเรื่องตลกไปซะได้”

 

“อืมๆ เป็นอย่างนี้นี่เอง” เหล่าผู้ที่มุงดูต่างก็รู้สึกขบขันขึ้นมา ชายหนุ่มร่างผอมเองเมื่อเห็นท่าทางของคนที่มามุงก็รู้สึกอายจนหน้าแดงขี้นมา

เขานั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคยมีภาพนี้หลุดไปอยู่ในอินเตอร์เนต และที่ยิ่งแล้วใหญ่ก็คือเขานั้นดันไม่เคยถามว่าซุนหยูเฮงไปซื้อมาจากใคร

หากเขารู้ซักนิดเขาคงจะไม่ต้องทำเรื่องหน้าละอายจนอยากจะตายแบบนี้

 

“แน่นอนว่าหัวใจพระสูตรและพระพุทธของคุณซูไม่มีทางเป็นของปลอมอยู่แล้ว”

“แต่มันเป็นสมบัติล้ำค่าเลยนะ ถือว่าผู้ว่าการหู่ได้ลาภชิ้นใหญ่เลย”

“เจ้าแห่งของขวัญยังไงก็ยังเป็นเจ้าแห่งของขวัญอยู่วันยังค่ำ จะให้คนธรรมดาไปเปรียบเทียบได้ยังไงกัน”

ผู้คนที่รายรอบอยู่ในงานตอนนี้ได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้นแล้ว พวกเขาเข้าไปล้อมดูหัวใจพระสูตรและพระพุทธดูจนชนิดที่ว่าตาของพวกเขาต้องร้อนรนด้วยความพิศวงของรูปนี้

 

ชายร่างผอมได้ไปกระซิบที่หูของซุนหยูเฮงว่า “พี่ซุน ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้จริงๆ”

ซุนหยูเฮงบ่นอุบออกมาว่า “คราวหน้านะหันมองทั่วๆกันก่อนดิ อย่าได้ทำให้ฉันต้องขายหน้าแบบนี้อีกล่ะ”

ชายร่างผอมก้มหัวยอมรับผิดก่อนจะพูดออกมาว่า “แล้ว คุณจะยังมอบหัวใจพระสูตรที่เตรียมมาอยู่อีกรึเปล่า”

 

ซุนหยูเฮงตบไปยังแก้มแรงพอประมาณก่อนจะพูดออกมาว่า “ส่งกะผีน่ะสิ แกนี่โง่รึเปล่า จะส่งได้ยังไงกัน รีบไปเอาอีกชิ้นที่ฉันเตรียมไว้มาให้เดี๋ยวนี้”

แต่เดิมเขาเองถึงแม้คิดว่าแค่หัวใจพระสูตรและพระพุทธก็น่าจะเพียงพอแล้วก็ตาม

แต่ด้วยการที่เขาอยู่ในวงการนี้มาอย่างโชกโชนพอสมควรทำให้เขานั้นมักเตรียมแผนสำรองไว้เสมอ

ใครจะไปคิดว่าแค่คิดเล่นๆดันกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา

ตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่เขาจะต้องนำแผนสำรองที่เขาเตรียมเอาไว้ออกมาใช้จนได้

 

จะให้เขามอบงานไม่สมบูรณ์แบบนี้ให้น่ะนะ ไม่มีทาง ของที่เขาเตรียมมานี้สมควรที่จะจัดการซูจิ้งได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน