บทที่ 6 บทที่ 118 ดึงดูด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บนอัศจรรย์รูปวงกลม เกิดคลื่นมนุษย์อันเป็นระเบียบขึ้นมาสายหนึ่ง นักร้องคนนี้รู้จักการควบคุมบรรยากาศ แน่นอนว่าที่เขาสามารถทำเช่นนี้ก็เพราะเขามีประสบการณ์บนเวทีใหญ่มานับสิบครั้ง

 

 

เดิมทีสิ่งนี้ควรจะสามารถขับเคลื่อนอารมณ์ของผู้ชมได้ทุกคน…แต่ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่เป็นแบบนั้นทั้งยังเผยสีหน้าขมขื่นออกมา

 

 

เด็กหญิงสังเกตท่าทางของเขาที่นั่งอยู่ด้านข้างเธอ…นับตั้งแต่ที่เธอพื้นขึ้นมาจากโรงพยาบาลแล้วในสายตาก็มีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้

 

 

ถึงจะอ้วน ถึงจะโง่ และมีบางครั้งที่ขี้ขลาด แต่ก็มีเวลาที่กล้าหาญมาก

 

 

 “เป็นอะไร เก๋อชง นายไม่สบายงั้นเหรอ” เด็กหญิงถามเบาๆ

 

 

 “ฉันคิดว่า…ฉันอาจจะกินอะไรบางอย่างผิดสำแดงเข้าไป” เก๋อชงกุมท้องของตนเอง เหงื่อเย็นซึมออกมา “ปวดท้องมาก…”

 

 

 “หา…ทำยังไงดีล่ะ งั้นพวกเราไปกันเถอะ” ถึงเด็กหญิงจะรอคอยรายการครั้งนี้มานาน แต่ถ้าเพื่อผู้ชายคนนี้แล้ว

 

 

แต่ตอนนี้เก๋อชงกลับแค่รีบลุกขึ้นมาและพูดว่า “ไม่ต้องๆ เธอรอมานานแล้ว…ฉันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวเดียวน่าจะดีขึ้น เธอรอฉันอยู่ที่นี่เถอะ ฉันจะรีบกลับมา”

 

 

พูดแล้ว เก๋อชงก็ออกจากที่นั่งและค่อยๆ เบียดคนออกไป…แต่ถ้าหากไม่มีเขาแล้ว ถึงเด็กหญิงจะรอคอยมานานแค่ไหนก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นสนใจแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว

 

 

 “ห้องน้ำ ห้องน้ำ…ห้องน้ำอยู่ไหน” เก๋อชงกุมท้องวิ่งไปตามทางเดินของสนามกีฬาอย่างทุลักทุเล…รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะทะลักออกมาจากร่างกาย

 

 

 “เอ่อ น้องชาย…ขอถามหน่อยว่าห้องน้ำไปทางไหน” เก๋อชงหน้าเขียวแล้ว โชคดีที่สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งเขาจึงทำให้เขาพบคนคนหนึ่ง

 

 

ดูแล้วเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง น่าจะอยู่ประมาณมัธยม…ตัวค่อนข้างเล็กแต่ดวงตากลับสดใสมาก

 

 

 “ทางนั้น” นักเรียนมัธยมชี้บอกทางแก่เขาอย่างเป็นมิตร “เลี้ยวขวาด้านหน้า เดินตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเห็นแล้วครับ”

 

 

 “ขอบคุณนะ…” เก๋อชงรู้สึกซาบซึ้งและรีบวิ่งไปทางนั้นทันที

 

 

เมื่อมองเห็นท่าทางที่ดูเหมือนใกล้จะตายของพี่ชายตัวอ้วนแล้ว เด็กหนุ่มมัธยมก็ส่ายหน้า พึมพำว่า “หวังว่าพี่ชายคนนี้…คงจะไปได้ทันเวลานะ”

 

 

นักเรียนมัธยมส่ายหน้า ตอนนี้เองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นักเรียนมัธยมยิ้มเดินไปหน้าต่างข้างระเบียงทางเดิน มองบรรยากาศด้านนอกพร้อมพูดโทรศัพท์ว่า “สวัสดีครับ หัวหน้าห้อง มีอะไรไหมครับ”

 

 

 “มั่วเสี่ยวเฟย สถานการณ์ทางนั้นเป็นไงบ้าง” เสียงในโทรศัพท์…หัวหน้าห้องหญิงถามออกมาเบาๆ

 

 

นักเรียนมัธยมหัวเราะและพูดว่า “ยังดีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าหลังเลิกงานแล้วจะยังดีอยู่หรือเปล่า ฉันรู้สึกเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดี คน…เยอะเกินไปแล้ว”

 

 

หัวหน้าห้องหญิงพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยนะ มั่วเสี่ยวเฟย ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนไม่พอจริงๆ ฉันก็ไม่อยากลากนายมาด้วยหรอก…ฉันรู้ว่านายต้องดูแลพ่อ”

 

 

เด็กมัธยมรีบพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันบอกกับพ่อว่ามาทำงานอาสาสมัครอยู่ที่นี่ หลังเสร็จงานคอนเสิร์ตแล้วก็จะช่วยเก็บขยะ เขาดูมีความสุขมากเลย”

 

 

 “ยังไงก็เถอะ ฉันจะต้องขอบคุณนายเป็นอย่างดีแน่…อา ไม่คุยแล้ว ฉันต้องถามสถานการณ์ทางเพื่อนคนอื่นๆ ก่อน” หัวหน้าห้องหญิงวางสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว

 

 

นักเรียนมัธยม…มั่วเสี่ยวเฟยมองหน้าจอที่ดับไปอย่างหดหู่ รู้สึกอยากจะพูดกับผู้หญิงคนนี้อีกสักคำสองคำ

 

 

เขามองออกไปนอกหน้าต่างและพึมพำว่า “ขอบคุณอะไรฉัน นี่เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำ เพราะ…ฉันยังต้องชดใช้ความผิด”

 

 

มั่วเสี่ยวเฟยส่ายหน้า สูดลมหายใจเข้า ทั้งยังตบๆ หน้าเพื่อเรียกสติ แต่ในตอนที่เขาจะสายตาจากนอกหน้าต่างนั้น สายตาก็ก็หยุดลงที่มุมๆ หนึ่งพอดี มองเห็นเงาร่างสายหนึ่งกำลังวิ่งอย่างรีบร้อน

 

 

 “นั่นมัน…นายตำรวจหม่านี่”

 

 

มั่วเสี่ยวเฟยขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองมานานแล้ว เพียงแต่เมื่อมองเห็นนายตำรวจคนนี้…

 

 

มั่วเสี่ยวเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ เพ่งตามองไปทำให้สายตามองเห็นได้ดีขึ้นกว่าเดิม…ต่อมาเขาถึงพบว่าระดับการใช้งานเล็กน้อยแบบนี้น่าจะไม่เป็นภาระกับร่างกายของเขามากเท่าไหร่

 

 

 “ทำไมถึงดูรีบร้อนขนาดนั้น…เป็นเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า” มั่วเสี่ยวเฟยขมวดคิ้วขึ้น

 

 

เขาตัดสินใจตามไปดู เขายังติดหนี้บุญคุณนายตำรวจคนนี้ครั้งหนึ่ง

 

 

 

 

เซอร์หม่ารีบร้อนมาก เมื่อพบว่ารถดับเพลิงจอดอยู่และพนักงานดับเพลิงบนรถสลบไปทุกคนจะไม่รีบร้อนได้ยังไง

 

 

เขารีบโทรไปที่ศูนย์ดับเพลิงและยังคิดจะปลุกบรรดาพนักงานดับเพลิงที่สลบ…แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ปลุกไม่ตื่น

 

 

เมื่อหมดทางเลือก เซอร์หม่าจึงทำได้เพียงขับรถดับเพลิงไปจอดข้างสนามกีฬา…แต่เพิ่งลงจากรถก็ได้รับโทรศัพท์จากเริ่นจื่อหลิง

 

 

 “เหล่าหม่า…ฉัน ดูเหมือนว่าฉันจะทำหลงเอ๋อร์หายไปแล้ว…จะทำยังไงดี” เริ่นจื่อหลิงพูดอย่างร้อนใจและหมดหนทาง “ฉันแค่ล้างหน้า แต่พอหันมาหลงเอ๋อร์ก็หายไปแล้ว”

 

 

 “หา…” หม่าโฮ่วเต๋อชะงัก จากนั้นก็พูดอย่างร้อนใจว่า “ทำไมถึงมีเรื่องยุ่งเยอะขนาดนี้เนี่ย ผมเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย”

 

 

 “ยุ่งขนาดนี้ ทางนายเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

 

 

หม่าโฮ่วเต๋าเล่าเรื่องที่ตนเองพบตั้งแต่ต้นจนจบออกไป

 

 

เริ่นจื่อหลิงได้ฟังแล้วก็ตกใจ “บ้าจริง…พอฟังนายพูดแล้ว ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย”

 

 

 “บ้าจริง…เริ่นจื่อหลิง ทางที่ดีก็หยุดปากเสียๆ ของคุณไว้ก่อนเลย”

 

 

ตอนนี้หม่าโฮ่วเต๋อรีบพูดอย่างเร่งรีบว่า “อย่าเพิ่งพูด เรื่องหลงเอ๋อร์รบกวนคุณหาต่อดู เด็กเล็กขนาดนั้นถ้าเดินหลงก็คงไปได้ไม่ไกล อาจแค่ซนเลยซ่อนตัวอยู่ก็ได้…ใช่แล้ว หลินเฟิง หลินเฟิงก็น่าจะมาแล้ว คุณโทรเรียกเขาออกมาช่วย บอกว่าเป็นคำสั่งของผม ผมจะรีบไปดูสถานที่ติดตั้งดอกไม้ไฟ…หวังว่าจะเป็นเพียงการตกใจกลัวเกินเหตุไปเท่านั้น”

 

 

ทั้งสองคนแบ่งกันเคลื่อนไหว

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อมองทางและรีบมุ่งหน้าไป…เขาเพิ่งจากไปก็มีเงาร่างคนเดินออกมาจากเงาต้นไม้ มั่วเสี่ยวเฟยนั่นเอง

 

 

มั่วเสี่ยวเฟยขมวดคิ้วขึ้น เขาได้ยินคำพูดที่หม่าโฮ่วเต๋อพูดอย่างชัดเจน…มั่วเสี่ยวเฟยมองรถดับเพลิงที่จอดอยู่อยู่ด้านข้าง เขากะพริบตา ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

 

 

 

 

 

ที่นี่ใหญ่เกินไป ดูจากสภาพในตอนนี้แล้วไม่น่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนเยอะขนาดนี้แล้วด้วย

 

 

หลงเอ๋อร์…ความรู้สึกอันเฉียบไวของหลงซีรั่วหายไปนานแล้ว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางมนุษย์นับหมื่นที่รวมตัวอยู่ด้วยกันแบบนี้ด้วยแล้ว กลิ่นอายมนุษย์อันมหาศาลและความสับสนวุ่นวายเป็นกำแพงที่ดีที่สุดสำหรับการปิดกั้นกลิ่นอายปีศาจ

 

 

 “ทำไมความรู้สึกไม่ดีในใจของฉันถึงได้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นะ” หลงซีรั่วหอบหายใจจับราวบันได เริ่มครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง ถ้าหากจุยเฟิงคิดจะทำอะไรกับคนที่นี่จริงๆ…เขาตั้งใจจะทำอะไรกัน

 

 

เผยตัวต่อหน้าคนนับหมื่นจากนั้นก็ฆ่าล้างงั้นเหรอ…นั่นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

 

 

หลังผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ไม่ต้องพูดว่าเธออยู่ในสภาพแบบนี้เลย แม้แต่ก่อนจะกลายเป็นสภาพนี้ เธอก็ไม่มีวิธีที่จะสงบเรื่องแบบนั้นลงได้ ข่าวสารในยุคสมัยนี้กระจายตัวได้เร็วเกินไป ไม่เหมือนในสมัยโบราณ

 

 

อ๊าก!

 

 

ในตอนนี้เอง หลงซีรั่วก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา…ดูเหมือนจะเป็นเสียงร้องของผู้ชาย

 

 

หลงซีรั่วขมวดคิ้ว จากนั้นก็รีบไปยังต้นเสียงทันที…ใกล้แล้ว อยู่ในห้องน้ำใกล้ๆ นี่เอง

 

 

หลงซีรั่วได้กลิ่นคาวเลือด รวมถึงเสียงปริบๆ…และก็เสียงแครกๆ

 

 

ความรู้สึกสั่นระริกเพิ่มพูนขึ้นในร่างกายของหลงซีรั่ว…เพราะพลังในร่างกายหายไปหมด ดังนั้นเมื่อร่างกายส่งสัญญาณว่ามีอันตรายออกมาจึงทำให้หัวใจของหลงซีรั่วเต้นแรงขึ้นมา

 

 

มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพดูแคลนตนเองที่พอสูญเสียพลังก็ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ผลักประตูห้องน้ำเข้าไปเบาๆ และมองดูสถานการณ์ภายใน

 

 

ภายในนั้น…มีฉากที่ทำให้เธอตกตะลึง

 

 

มีรอยเลือดสาดเต็มไปทั่ว ทั้งบนพื้นกระเบื้อง ผนังและประตูห้องน้ำ

 

 

หลงซีรั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

 

ในนี้มีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่กำลังกลืนกินร่างของมนุษย์ผู้ชาย เสียงแครกๆ ดังขึ้นเพราะสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังเคี้ยวกระดูก

 

 

เป็นนกหวีด

 

 

นกหวีดกำลังกลืนกินศพอยู่ที่นี่

 

 

ส่วนในตอนนี้ นกหวีดที่กำลังกินอาหารก็กะพริบตาและหันหน้ากลับมา…ดวงตาของมันมีขนาดใหญ่มากเหมือนกับดวงตาของกิ้งก่า

 

 

ภายในดวงตา เป็นวงเกลียวเหมือนเหวลึกที่มองไม่เห็นก้น…หลงซีรั่วมองเห็นเงาร่างของตนเองในเหวลึกนั้น

 

 

เธอกับนกหวีดกำลังสบตากัน