บทที่ 617 อย่าบังคับข้าได้ไหม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 617 อย่าบังคับข้าได้ไหม

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะมีผู้ฝึกยุทธ์เพียงหนึ่งในพันเท่านั้นสามารถก้าวขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายได้สำเร็จ

และในบรรดาผู้มีพลังยอดปรมาจารย์ตอนปลายเหล่านั้น หากมีใครสักคนโชคดี ก็จะได้เลื่อนขั้นขึ้นสู่ขอบเขตเซียนได้อย่างปาฏิหาริย์

แต่ถ้าโชคไม่ดีก็จะต้องติดอยู่ที่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายไปตลอดชีวิต

ดังนั้น โอกาสที่แอปพลิเคชัน Keep เสนอมาให้ในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

นี่คือโอกาสที่เขาจะได้เลื่อนระดับพลังขึ้นสู่ขั้นเซียนได้ในก้าวเดียว

สำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ตอนปลายนั้น ต่อให้ยังเลื่อนระดับไปสู่ขั้นเซียนไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็สามารถเดินยืดอกในเมืองเจาฮุยได้โดยไม่ต้องกลัวผู้ใด ดีไม่ดีทางการก็อาจจะต้องเอาอกเอาใจเป็นพิเศษอีกด้วย

นั่นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น

ขนาดยังเลื่อนไม่ถึงขั้นเซียนยังได้รับการดูแลดีขนาดนี้

หากสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จจะได้รับการดูแลดีขนาดไหน

และมันก็ทำให้หลินเป่ยเฉินมีคุณสมบัติดีพอที่จะแก้แค้นเว่ยหมิงเฉินได้แล้ว

หลังจากเฝ้ารอโอกาสอยู่นาน ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็พบช่องทางที่จะได้แก้แค้นเว่ยหมิงเฉินสักที

หากเขาติดตามเจ้าชายอวี้ชินหวังไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จักรวรรดิจี้กวง ต่อให้ไปถึงที่นั่นยังใช้โทรศัพท์มือถือได้ แต่กว่าจะเลื่อนระดับขึ้นไปถึงขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายหรือจะขึ้นสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จนั้น อย่างน้อยก็ใช้เวลาอีกหลายปี และการแก้แค้นเว่ยหมิงเฉินก็จะต้องรอคอยยาวนานไปมากกว่านั้น หลินเป่ยเฉินเกรงว่ากว่าที่เขาจะฝึกวิชาสำเร็จ เว่ยหมิงเฉินก็อาจจะกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ไปแล้วก็เป็นได้

แล้วเขาจะปล่อยให้เว่ยหมิงเฉินยิ่งใหญ่อยู่แต่เพียงคนเดียวได้อย่างไร?

ไม่มีทางเด็ดขาด

อีกอย่าง ระหว่างที่มุ่งมั่นทำภารกิจจากแอป Keep ให้สำเร็จ โทรศัพท์มือถืออาจจะมีฟังก์ชันใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาก็ได้

อย่างเช่น ความสามารถในการส่งหลินเป่ยเฉินกลับสู่โลกมนุษย์ เป็นต้น

ดังนั้น…

หลินเป่ยเฉินมีสติแจ่มใสดีทุกประการ

เขากดเลือกคำตอบโดยไม่ลังเล…

[สนใจ]

ต่อจากนั้น หน้าต่างข้อความก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

‘ท่านรับทำภารกิจจากแอปพลิเคชัน Keep กรุณาทำภารกิจให้สำเร็จในระยะเวลา 6 เดือน การนับถอยหลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้…’

แล้วนาฬิกาจับเวลาก็เริ่มต้นนับถอยหลังทันที

หลินเป่ยเฉินอยากจะบ้าตาย

แต่กดยกเลิกภารกิจก็ไม่ทันแล้ว

ภารกิจในแอปพลิเคชัน Keep ไม่เหมือนกับภารกิจทั่วไป เพราะถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็จะต้องได้รับบทลงโทษ

ให้ตายสิ

ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนนะว่ามีเวลาให้แค่ 6 เดือน?

แค่คิดเด็กหนุ่มก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว

และเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบทลงโทษหากทำภารกิจไม่สำเร็จนั้นคืออะไร?

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าไม่สู้ดีขึ้นมาในพริบตา

“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวข้าจะปกป้องเจ้าเอง” หลิงไท่ซวีผู้ยืนอยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉินผิดปกติไป ก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มหวาดกลัวกลุ่มคนที่เข้ามาข่มขู่เหล่านี้ “หลานเขยสุดที่รักของข้า เจ้าอยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่นเถิด บัดนี้ นครเจาฮุยคือตัวเลือกที่ดีที่สุด อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาเหล่านี้เลย พวกมันทำเป็นพูดดี ทั้งๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่แผ่นดินของพวกมันด้วยซ้ำ”

พูดจบ ชายชราก็พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างดูถูกดูแคลน…

หลินเป่ยเฉินค่อยๆ หยิบเครื่องรางน้ำตาเทพเจ้าออกมา

ดวงตาของนักบวชหรงเป็นประกายระยิบระยับด้วยความดีใจ “ตัดสินใจได้ดี ข้าขอสาบานต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลว่าจะดูแลชาวเมืองหยุนเมิ่งไปตลอดเส้นทาง…”

แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค

หญิงชราหลังค่อมก็เห็นหลินเป่ยเฉินนำกระบี่สายฟ้าขึ้นมาพาดไปที่เครื่องรางน้ำตาเทพเจ้าอีกครั้ง

คมกระบี่แทบจะสัมผัสเนื้อของเครื่องรางแล้ว

“เจ้า…”

นักบวชหรงชะงักไปเล็กน้อย “อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ต้องการสิ่งใดโปรดว่ามา?”

“อย่าบังคับข้าได้ไหม”

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงของคนวิกลจริต

นักบวชหรงแทบจะคลุ้มคลั่งตามไปด้วยแล้ว

นางไปบังคับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?

หญิงชราหลังค่อมเพียงปรากฏตัวออกมาเพราะกลัวว่าหากเด็กหนุ่มต้องเดินทางไกลไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในจักรวรรดิจี้กวง เขาก็อาจจะลืมคืนเครื่องรางน้ำตาเทพเจ้ากลับมาให้นางและพกมันติดตัวไปด้วยต่างหาก

แล้วสีหน้าโกรธแค้นนี่มันอะไรกัน?

“ใจเย็นก่อน”

นักบวชหรงว่า “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ คุย”

“ตกลงเจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด

แย่แล้วสิ

สงสัยอาการทางสมองของหลินเป่ยเฉินคงกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว

เมื่อหญิงชราหลังค่อมเห็นดังนั้น หัวใจก็กระตุกวูบ รีบรับคำโดยทันที “แน่นอน ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว”

สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการทำให้หลินเป่ยเฉินกลับมามีสติมั่นคงดังเดิมให้ได้โดยเร็วที่สุด

ใครจะไปรู้ล่ะว่าสิ่งที่หลินเป่ยเฉินต้องการให้นางทำนั้นก็คือ “กำจัดเจ้านี่ซะ”

เด็กหนุ่มชี้มือไปยังมือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่า

บุรุษหนุ่มเสื้อขาวถึงกับตกตะลึง

นักบวชหรงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

หากนางมีความสามารถที่จะต่อกรกับถัวป่าได้ถึงขนาดนั้น นางก็คงจัดการหลินเป่ยเฉินและแย่งชิงน้ำตาเทพเจ้ากลับคืนมาได้สำเร็จตั้งนานแล้ว

“พี่หลินไม่อยากเดินทางไปกับพวกเราหรือเจ้าคะ?”

องค์หญิงเค่อเอ๋อร์ในใจร้อนรุ่มด้วยความโกรธแค้น แต่สีหน้าที่แสดงออกมายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มจริงใจ ดวงตาของนางเบิกกว้าง เสแสร้งแกล้งทำเป็นเยือกเย็นและพิศวง

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไป “ขอโทษที แต่ข้าไม่ชอบรับประทานอาหารจากต่างถิ่น”

เจ้าชายอวี้ชินหวังถอนหายใจยาวแรง

และกระซิบอะไรบางอย่าง

มือสังหารถัวป่าหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน จากนั้นจึงมองไปที่ไป๋ชินหยุน นิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หุบพัดจีบในมือและหลับตาลง

“ฟึบ…!”

นกอินทรียักษ์ส่งเสียงกรีดร้องกึกก้องในอากาศก่อนที่มันจะกางปีกออกกว้างและโบยบินจากไปพร้อมกับผู้คนที่อยู่บนแผ่นหลัง

และด้วยความที่มันเป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ ความเร็วในการบินจึงไม่เชื่องช้า เพียงพริบตาเดียว เจ้าอินทรียักษ์ก็กลายเป็นเพียงจุดขาวเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป ณ เส้นขอบฟ้า ก่อนที่มันจะหายลับไปจากสายตาในที่สุด

นักบวชหรงมีเหงื่อไหลซึมลงมาจากข้างขมับ

โชคดีที่เจ้าชายอวี้ชินหวังยังไว้หน้านางบ้าง

มิฉะนั้นแล้ว หญิงชราก็ไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป

“ทีนี้เจ้าจะลดกระบี่ลงได้แล้วหรือยัง?”

นักบวชหรงพยายามฝืนยิ้ม

“เจ้าก็ด้วย”

หลินเป่ยเฉินยังคงกัดฟันกรอด และคำรามใส่หญิงชราด้วยความฉุนเฉียว “ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้”

นักบวชหรงยอมทำตามโดยไม่โต้แย้งสักคำ นางยกไม้เท้าในมือขึ้นมาหมุนวนเหนือศีรษะ แล้วมังกรเขียวก็ระเบิดเสียงคำราม ก่อนที่มันจะบินหายไปพร้อมกับกลุ่มม่านหมอกและก้อนเมฆดำบนท้องฟ้า