ตอนที่ 292 ไป๋เจี๋ย

รักเล่ห์เร้นใจ

ชาวบ้านนั้นเห็นเงินเต็มกล่องก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ตลอดชั่วชีวิตของเขาที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นเงินจริงๆ มากมายขนาดนี้มาก่อน 

 

 

นั่นยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่า ตอนนั้นคนที่เขาช่วยไว้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ 

 

 

แต่ว่า เงินพวกนี้…จะทำยังไงดีนะ เขาคิดจะคืนให้พวกเขาไป แต่ไม่รู้จักชื่อแซ่พวกเขาเลย และไม่รู้ด้วยว่าจะไปหาพวกเขาจากที่ไหน 

 

 

สำหรับเขาแล้ว การช่วยหลินหว่านก็เป็นแค่ทำไปตามสถานการณ์เท่านั้น ไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะขอบคุณเขาขนาดนี้ 

 

 

พร้อมกันนั้น ชาวประมงก็อดถอนใจไม่ได้ “มีเงินนี่ดีจังนะ สามารถให้เงินคนอื่นได้ตั้งมากมายง่ายๆ แบบนี้ ไม่เหมือนพวกเขาที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปจับปลา บางทียังหาไม่ค่อยได้ซะอีก” แน่นอนว่าตอนนี้เขาแค่อิจฉาเท่านั้น ไม่ได้มีความริษยาแม้แต่น้อย 

 

 

…… 

 

 

คราวนี้หลินหว่านหลุดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้ซะที ออกจากบ้านทุกวันก็ไม่ต้องมาอกสั่นขวัญแขวนว่าจะมีคนคอยติดตาม หรือมีพวกปาปารัสซี่คอยเฝ้าเธออีก 

 

 

ในเมื่อเรื่องผ่านพ้นไปแล้ว งั้นพวกเขาก็จะอยู่บ้านเฉยๆ ต่อไปไม่ได้อีก ยังไงก็ต้องไปทำงานต่อ 

 

 

คราวที่แล้วหนังเรื่องใหม่ของเธอถูกเรื่องนี้กระทบจนต้องพักการถ่ายทำไว้ก่อน นี่ก็รอมาตั้งนานแล้ว คราวนี้ก็น่าจะกลับกองถ่ายไปรายงานตัว ถ่ายต่อให้จบได้แล้ว 

 

 

วันคืนผ่านไปอย่างสุขสงบ ทุกวันนอกจากถ่ายหนังก็มีแต่ถ่ายหนัง ตอนนี้เธองานยุ่งมากทุกวัน เร่งถ่ายเก็บงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ จะให้เรื่องของเธอมากระทบถึงตารางงานของทางกองไม่ได้ 

 

 

พอไม่มีคนมาก่อกวน หลินหว่านก็อารมณ์ดีมาก 

 

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ด้วยความรีบเร่ง นักแสดงตัวเล็กๆ คนหนึ่งชนเข้ากับอี้อวิ๋นฉังโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

“ไม่มีตารึไง? เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอาซะเลย” 

 

 

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันเห็นจริงๆ แล้วเมื่อกี้คุณก็โผล่เข้ามากะทันหัน จึง…” เสียงที่เด็กสาวพูดเบาลงไปเรื่อยๆ 

 

 

“อะไรนะ? ไม่ทันเห็น ฉันตัวใหญ่ขนาดนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยังมีหน้าบอกว่ามองไม่เห็นอีก? เธอคงไม่เห็นฉันอยู่ในสายตากระมัง หา?” 

 

 

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ พี่อวิ๋นฉัง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ คุณอย่าถือสาฉันเลยนะคะ” 

 

 

“ฮึ ตอนนี้ฉันถือสาเธองั้นเหรอ? เธอดูซิกาแฟเธอหกเลอะเสื้อผ้าฉันหมดแล้ว เธอรับผิดชอบไหวรึเปล่า? พูดมาสิ ควรจะทำยังไง?” 

 

 

“คือ…” คราวนี้เด็กสาวตกที่นั่งลำบากบ้าง พูดกันตามตรง ดาราใหญ่อย่างอี้อวิ๋นฉัง เธอไม่อาจล่วงเกินได้จริงๆ ซะด้วย… 

 

 

วันนี้ขณะที่หลินหว่านกำลังถ่ายหนังอยู่ก็เห็นอี้อวิ๋นฉังกำลังเอาเรื่องกับดารารุ่นเด็ก นักแสดงนั่นชื่ออะไรนะ? ดูเหมือนจะชื่อไป๋เจี๋ยกระมัง? เธอเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว 

 

 

พอดีกับตอนนี้หลินหว่านกำลังวุ่นวายถ่ายทำในส่วนของตัวเอง จึงไม่มีเวลาว่างไปยุ่งเรื่องคนอื่น แค่กวาดตามองผ่านไปแล้วไม่ได้ใส่ใจอีก หันไปทำงานของตัวเองต่อ 

 

 

แต่พอเธอแสดงเสร็จ ทางด้านนี้ก็ยังไม่สลายตัว รอบข้างมีแต่เสียงทะเลาะกันดังมาจากด้านนั้น 

 

 

ถ้าจะบอกว่าเสียงทะเลาะกัน ไม่สู้บอกว่าเป็นเสียงด่าของอี้อวิ๋นฉังด่าไป๋เจี๋ยเพียงฝ่ายเดียว พอเห็นว่าคนมารุมล้อมกันมากขึ้นเรื่อยๆ อี้อวิ๋นฉังก็ยิ่งด่าอย่างมันปาก แต่คนตั้งมากมายไม่มีใครยอมช่วยพูดให้ไป๋เจี๋ยสักคน 

 

 

ก็น่าอยู่หรอก ที่นี่ใครจะกล้าล่วงเกินอี้อวิ๋นฉังเล่า ดังนั้น ทุกคนจึงมองดูอี้อวิ๋นฉังประณามหยามเหยียดไป๋เจี๋ยโดยไม่ทำอะไร ถึงกับมีบางคนยังพูดเสริมอี้อวิ๋นฉังเข้าให้อีก 

 

 

ในเมื่อเรื่องนี้เธอมาพบเข้าด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเป็นอี้อวิ๋นฉังด้วย เรื่องที่อี้อวิ๋นฉังทำกับเธอไว้สารพัดนั้นยังไม่ได้คิดบัญชีกันเลย คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาเจอเข้าตอนที่อี้อวิ๋นฉังรังแกคนอื่นอยู่พอดี 

 

 

“ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อยได้มั้ยว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน?” หลินหว่านรีบเดินเข้ามา แกล้งถามขึ้นทั้งที่รู้เรื่องดีอยู่แล้ว 

 

 

อี้อวิ๋นฉังพอเห็นว่าเป็นหลินหว่าน ก็โมโหพุ่งปรี๊ด นังผู้หญิงคนนี้ช่างขัดหูขวางตาเธอซะเหลือเกิน แล้วยังเผือกเกิดมาสวยอีก อยากจะทำให้มันเสียโฉมนัก 

 

 

ส่วนไป๋เจี๋ยก็ไม่กล้าบอกว่าอี้อวิ๋นฉังข่มเหงเธอ ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรเลย 

 

 

พอเห็นว่าคำถามเมื่อครู่ของตัวเองไม่มีคำตอบ หลินหว่านก็ไม่โมโห แต่พูดด้วยสีหน้าจริงใจว่า “ตอนนี้คนมารุมล้อมกันอยู่นี่ตั้งมากมาย พวกคุณจะมามุงกันอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะคะ พวกเราล้วนเป็นคนทำงานให้บริษัท น่าจะดูแลกันหน่อย เรื่องนี้ขอให้แล้วกันไปเถอะ” จากนั้นก็ช่วยไป๋เจี๋ยออกมา 

 

 

อี้อวิ๋นฉังมองรอบข้างแล้วดูเหมือนว่าเรื่องนี้โวยวายเกินไปจริงๆ แต่เธอยังไม่อยากจบเรื่องแค่นี้ จึงโยนความผิดทั้งหมดไปที่ไป๋เจี๋ย 

 

 

“เรื่องอะไร งั้นฉันก็เสียหายฟรีสิ? เธอน่ะ อยู่ดีๆ ทำกาแฟหกเลอะเสื้อผ้าฉัน นี่เป็นชุดที่ฉันต้องใส่ในหนังด้วย ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้แล้ว แค่ขอโทษก็เสร็จแล้วเหรอ?” พูดจบก็ไม่ลืมจะชี้นิ้วไปที่ไป๋เจี๋ย 

 

 

ไป๋เจี๋ยพอฟังคำพูดเธอก็ยิ่งก้มศีรษะต่ำอย่างหวาดหวั่น ประมาณว่ายอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้ 

 

 

“งั้นขอถามหน่อยว่า เจี๋ยไป๋ทำไมถึงทำกาแฟหกเลอะเสื้อคุณได้ล่ะ?” พอเห็นว่าอี้อวิ๋นฉังตั้งท่าว่าจะไม่ยอมจบเรื่อง หลินหว่านก็ชักฉุนขึ้นมาบ้าง 

 

 

คนอะไรเนี่ย มีอย่างที่ไหน ทุกคนก็เป็นคนของบริษัททั้งนั้น ยังจะมีอะไรให้เอาเป็นเอาตายขนาดนี้ ตอนนี้ยังอย่างนี้อีก อยู่ด้วยกันดีๆ หน่อยไม่ได้รึไงนะ ทุกคนจะได้สุขสงบซะที 

 

 

โลกทุกวันนี้แต่ละคนเอาแต่หักเล่ห์ชิงเหลี่ยมกัน ไม่รู้สึกเหนื่อยกันบ้างเลยรึไง? 

 

 

แต่ความเป็นจริงก็คือ…ไม่ใช่ทุกคนจะคิดเหมือนหลินหว่านซะที่ไหน ถ้าคิดอย่างนั้นกันหมด คนอื่นคงไม่พูดกันว่าวงการบันเทิงน้ำลึกหรอก 

 

 

พอฟังคำถามของหลินหว่าน เท่ากับให้โอกาสเธอเป็นฝ่ายรุก ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะพูดอย่างไร นักแสดงต๊อกต๋อยนั่นคงไม่กล้าพูดอะไรหรอก 

 

 

“ใครจะไปรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ จู่ๆ ก็มาเทกาแฟให้ฉัน ใครจะไปรู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร เผื่อว่าในกาแฟใส่อะไรไว้จะทำยังไง” พูดถึงตรงนี้อี้อวิ๋นฉังจงใจหยุดเว้นวรรค ดูว่าทุกคนมีท่าทีอย่างไร แล้วก็เป็นดังคาด ท่าทีของพวกเขาไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย 

 

 

“แน่นอนว่าฉันดื่มไม่ได้อยู่แล้ว ที่ไหนได้เธอยังจะยัดเยียดให้ฉันดื่มอีก เยื้อยุดกันไปมากาแฟก็หกเลยนี่ไง! ยังมีอีกนะ พักนี้เธอมักจะมาคอยช่วยหยิบจับทำอะไรให้ฉันอยู่เรื่อย แต่ฉันนี่นะ ก็ไม่อยากติดค้างอะไรใคร ดังนั้นก็เลยทำอะไรได้ก็ทำเอง ต่อไปก็ไม่ต้องรบกวนพวกคุณแล้วนะ!” 

 

 

ท่าทีอี้อวิ๋นฉังแบบนี้ทำให้หลินหว่านรู้สึกคลื่นไส้เหลือทน