หลินหว่านไม่อยากเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงตอนนี้แล้วยังมีจุดพลิกผันแบบนี้อีก
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันแบบนี้สำหรับหลินหว่านแล้วช่างดีเหลือเกิน ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไปแล้ว
“ฉันก็ว่าแล้วเชียว คนอย่างฮั่วเทียนอวี่ ทำไมถึงมาช่วยฉันไว้ได้นะ!”
“คราวนี้ก็ดีเลย คุณสบายใจแล้วสิ? เปิดประตูได้แล้ว!” พอได้ยินเสียงโล่งอกโล่งใจของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็พูดกับเธออย่างอ่อนโยน
“หือ? เปิดประตู? เปิดประตูอะไร?” หลินหว่านดูเหมือนยังไม่เข้าใจ
“คุณว่าไงล่ะ! ผมอยู่หน้าประตูบ้านคุณนะสิ”
ถึงแม้หลินหว่านจะไม่รู้ว่าทำไมเซียวจิ่งสือถึงมาอยู่หน้าประตูบ้านเธอในเวลานี้ แต่เธอก็ไม่พูดมากอีก และไม่ได้สงสัยเลยว่าเขาจะแกล้งล้อเธอเล่นหรือเปล่า เธอรีบวิ่งไปเปิดประตู
พอเปิดประตูออก ใบหน้าของเซียวจิ่งสือก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินหว่าน
เซียวจิ่งสือที่นอกประตูยังคงสวมชุดสูทตามมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหาร เงาร่างสูงใหญ่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตู
หลินหว่านไม่ทราบว่าตกใจเพราะเขามาปรากฏตัวที่หน้าประตูหรือเป็นเพราะถูกความหล่อเหลาของเขาสะกดให้งงงวย หลินหว่านยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู หลงลืมทุกสิ่งไปชั่ววูบ
“ทำไม? นี่คิดจะให้ผมอยู่ที่หน้าประตูนี่หรือไง?” คำพูดของเซียวจิ่งสือดึงสติของหลินหว่านกลับมา เธอรีบเบี่ยงกายให้เซียวจิ่งสือเข้ามา
“ทำไมคุณมานี่ได้คะ?” พอหลินหว่านกลับถึงห้องรับแขก ก็เห็นเซียวจิ่งสือนั่งอยู่ที่นั่นแต่แรกอย่างไม่เกรงใจ จึงเอ่ยปากถามขึ้น
“ทำไมล่ะ? ไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
“เป็นไงบ้าง ข่าวบนเน็ต พอใจไหม?”
“อื้อ โล่งใจไปเสียที กล้าหลอกพวกเราแบบนี้ ดูท่าว่าต้องให้เขาได้เห็นความร้ายกาจของพวกเราบ้างแล้ว”
“วางใจเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ผมจัดการเอง รับรองว่าทำให้คุณพอใจแน่”
“เอ๋? ในเมื่อชาวประมงคนนั้นเป็นคนช่วยฉัน อย่างนั้นทำไมหลังจากฉันรู้สึกตัวขึ้นมากลับเป็นฮั่วเทียนอวี่ได้เล่า ทำไมเขาไปอยู่ที่บ้านเสี่ยวหวังได้ล่ะ” หลินหว่านรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง ถึงแม้เธอจะเชื่อในผลการตรวจสอบของเซียวจิ่งสือ และเธอเองก็พอใจกับผลที่ออกมาเป็นแบบนี้มาก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คิดไม่ออกจริงๆ!
พอฟังว่าหลินหว่านถามเขาแบบนี้ เซียวจิ่งสือก็ชะงัก จากนั้น…ก็คือ…หลินหว่านไม่ได้ยินเสียงตอบจากเซียวจิ่งสือ จึงเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่งสือเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ?”
เซียวจิ่งสือได้ยินเธอถามเขาแบบนี้ ก็กัดฟันกรอดอย่างนึกแค้น สุดท้ายได้แต่ตวัดสายตาฉับเข้าใส่เธอไปทีหนึ่ง
หลินหว่านที่อยู่ดีๆ ก็ถูกค้อนให้ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงได้แต่ลูบจมูกตัวเองอย่างขัดเขิน
ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าเซียวจิ่งสือในตอนนี้น่ากลัวนักนะ? ตลอดร่างมีแต่รังสีอำมหิตตลบอบอวล ดูเหมือนเธอก็ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรเลยนี่นา ก็แค่ถามว่าทำไมแค่นั้นเอง
เชอะ ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แท้ๆ เธอมีสิทธิจะรู้นี่ ไม่ใช่เหรอ?
กำลังคิดจะขึ้นเสียงต่อว่า แต่พอสายตาเธอกระทบเข้ากับสายตาที่ฆ่าคนได้ของเซียวจิ่งสือก็ถอยซะแล้ว
พอเห็นหลินหว่านเป็นแบบนี้ เซียวจิ่งสือก็ทั้งโกรธและจนใจ พร้อมกันนั้นก็ปนเปความสงสารอยู่บ้าง
เซียวจิ่งสือในตอนนี้จึงรู้สึกตัวว่าตัวเองโมโหเกินไป จึงพยายามสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้
เวลาผ่านไปนานมาก…นานจนหลินหว่านเข้าใจว่าเขาคงไม่ตอบคำถามของเธอแล้ว เซียวจิ่งสือจึงเอ่ยปากช้าๆ
“ยังจะกล้าถามอีกว่าทำไม? คุณดูหน้าตาของคุณซะก่อนสิ!”
“หน้าฉันทำไมเหรอ? ฉันว่าก็ดูดีนี่ หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามันน่าดูหรอกเหรอ?” หลินหว่านพูดอย่างหลงรูปตัวเองอยู่บ้าง อันที่จริงเธอก็ไม่ได้หลงรูปตัวเองเกินไปนัก ก็เธอสวยจริงๆ ซะด้วย
“ก็เพราะมันน่าดูเกินไปนะสิ!”
“หา?” หลินหว่านถูกคำพูดนี้ของเซียวจิ่งสือทำให้มึนไปเลย สวยเกินไปก็เป็นความผิดของเธอด้วย? เธอไม่ได้ไปยั่วยวนใครเลย นี่มันเรื่องอะไรกันเล่า
“ตอนที่ชาวประมงคนนั้นช่วยคุณกลับมาบ้านนั้น ฮั่วเทียนอวี่เห็นคุณเข้าโดยบังเอิญ และก็เพราะคุณสวยเกินไป จึงเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้น แอบพาตัวขึ้นมาตอนที่ชาวประมงนั่นไม่ทันสนใจ คิดจะพาคุณกลับบ้านไปสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลยังไงล่ะ!”
คราวนี้ถึงตาหลินหว่านหน้าเขียวบ้างแล้ว อะไรนะ? เธอเกือบจะถูกคนพากลับบ้านไปใช้เป็นแม่พันธุ์สืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลงั้นเหรอ?
“งั้นในตอนนั้นชาวประมงคนนั้นเขาไม่รู้ว่าฉันถูกเอาตัวไปรึไง?”
“ชาวประมงนั่นเป็นคนซื่อ เขาแค่เข้าใจว่าคุณฟื้นแล้วจากไปเอง จึงไม่ได้คิดมากอะไร”
“โอย เคราะห์ดีนะที่พวกคุณหาตัวฉันพบแล้วพาฉันกลับมาได้” หลินหว่านได้ฟังเซียวจิ่งสือเล่าแล้ว ก็ตบอกอย่างนึกกลัวอยู่บ้างไม่ได้ ทำไมถึงต้องเป็นเธอมาเจอกับเรื่องแบบนี้เนี่ย?
เซียวจิ่งสือไม่พูดอะไรอีก แต่ถือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่หลินหว่านเพิ่งดูเมื่อครู่มาดูผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อจากข่าวนั่น
……
คนบนเน็ตพอได้ดูคลิปยาวขนาดนั้นเข้า ก็เกิดกระแสปั่นป่วนขึ้น
[ที่แท้เป็นแบบนี้เอง เสียทีที่ฉันยังพูดแทนฮั่วเทียนอวี่อยู่เลย มันน่า…]
[เฮ้อ คงต้องบอกว่าร้อยพ่อพันแม่คนประเภทไหนก็มี ดูสิเขายังพูดออกมาได้ไม่อายปากเลย ยังคิดจะให้คนเขาเอาตัวเข้าทดแทนคุณอีก! ช่างคิดไปได้นะ!]
[ใช่เลยๆ ไม่ดูตัวเองบ้าง สารรูปแบบนั้น จะเทียบหลินหว่านได้ยังไง คางคกคิดจะกินเนื้อห่านฟ้าชัดๆ เชียว]
คราวนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์บนเน็ตหันมาเข้าข้างหลินหว่าน ผู้คนต่างพากันเห็นใจเธอ
หลินหว่านก็อ่านข่าวไปด้วยกันกับเซียวจิ่งสือ พอเห็นคอมเมนต์พวกนี้ของชาวเน็ตแล้ว อดค้อนตาประหลับประเหลือกไม่ได้
ช่างเป็นพวกลู่ตามลมจริงๆ ก่อนหน้านี้ไปอยู่ไหนกันมานะ เมื่อก่อนยังก่นด่าเธอจนไม่มีชิ้นดีอยู่เลย
แต่จะว่าไปแล้ว ก็เป็นแบบนี้แหละ เรื่องนี้ก็ถือว่าหมดปัญหาแล้ว เธอเองก็ไม่ต้องแบกเสียงก่นด่าไร้สาระพวกนั้นไว้อีก
ต่อจากเรื่องนี้แล้ว หลินหว่านรู้สึกว่าเธอต้องไปขอบคุณชาวประมงคนนั้นด้วยตัวเอง
เซียวจิ่งสือฟังว่าเธอคิดแบบนั้นก็ไม่คัดค้าน แต่เป็นเพื่อนเธอมาที่หมู่บ้านหลังเขานั่นด้วยกัน
พอดีว่าวันนี้ชาวประมงคนนั้นได้กลับจากไปหาปลา อยู่บ้านพักผ่อนหลายวัน
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?” เป็นใครเห็นที่บ้านจู่ๆ ก็มีผู้คนโผล่เข้ามาคงต้องกลัวอยู่บ้างกระมัง? แล้วยิ่งเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยอีก
“อ้าว นังหนูนั่นนี่!” ตอนนั้นเองเขากวาดตาไปเห็นหลินหว่านที่เดินตามเข้ามาทางด้านหลัง
“ใช่แล้วค่ะ คุณลุง คุณลุงไม่ต้องตกใจนะคะ วันนี้ฉันมานี่ก็เพื่อมาขอบคุณที่คุณลุงช่วยชีวิตฉันไว้นะค่ะ” หลินหว่านพูดกับคุณลุงอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”
ตอนนี้เซียวจิ่งสือให้คนยกกล่องใบหนึ่งเข้ามา จากนั้นส่งกล่องให้กับชาวบ้านคนนั้นพร้อมกับพูดว่า
“คุณลุงครับ ขอบคุณที่คุณลุงช่วยชีวิตเธอไว้ พวกเราไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี ของพวกนี้เพื่อแทนคำขอบคุณของพวกเรา ขอให้คุณลุงรับเอาไว้ด้วย”
ชาวบ้านนั้นไม่ได้รับไว้ เขาหันไปทางหลินหว่าน “นังหนู นี่มัน…”
“คุณลุงคะ รับเอาไว้เถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่สบายใจเลยนะคะ”
พอฟังแบบนั้น ชาวบ้านนั้นก็ได้แต่รับเอาไว้ หลังจากพวกหลินหว่านกลับไปแล้ว พริบตาที่เขาเปิดกล่องออกดู ก็ตกใจมาก ข้างในเป็นเงินวางเรียงอยู่เต็มกล่อง
การที่หลินหว่านไม่ได้บอกเขาก็เพราะกลัวว่าเขาจะปฏิเสธนั่นเอง ภายในกล่องมีเงินอยู่ถึงหนึ่งล้านเหรียญ