ตอนที่ 290 ผู้มีพระคุณไม่ใช่เขา

รักเล่ห์เร้นใจ

พอถูกฮั่วเทียนอวี่ยุยงเข้าหน่อย พวกชาวเน็ตที่ไม่รู้ความจริงก็พลอยปั่นป่วนไปอีกครั้ง 

 

 

ในช่วงนั้นทุกคนต่างก็บอกว่าหลินหว่านช่างไม่รู้คุณคน ทั้งบอกว่าเธอเนรคุณซะอีก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเขาหวังดีช่วยชีวิตเธอ เธอไม่เพียงไม่ขอบคุณ ยังบีบจนเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้อีก 

 

 

มองดูเสียงด่ามาเป็นแผงบนเน็ตแล้ว หลินหว่านก็ได้แต่ถอนใจอย่างจนปัญญา ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย ยังกล้าออกมาพูดมั่วซั่วได้ขนาดนี้ ถึงตอนนี้แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีแล้ว 

 

 

ขณะที่หลินหว่านไม่รู้จะทำอย่างไรดีนั้น บนเน็ตก็ระเบิดลงอีกรอบ 

 

 

เซียวจิ่งสือเป็นคนปล่อยข่าวที่เหมือนระเบิดลูกนี้ออกมาเอง ข้อความในข่าวเกี่ยวข้องกับหลินหว่าน 

 

 

ข่าวบอกว่าคนที่ช่วยชีวิตหลินหว่านเอาไว้นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ฮั่วเทียนอวี่ แต่เป็นชาวประมงที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับฮั่วเทียนอวี่ 

 

 

ข่าวชิ้นนี้พอเผยแพร่ออกมา ก็ทำให้คนที่สนใจเรื่องนี้อยู่ไม่กล้าออกมาพูดอะไรอีก เดิมทีพวกเขาด่าเอาไว้ซะแรง ตอนนี้ความจริงเปิดเผยออกมาตรงหน้า จะให้พวกเขาไม่ละอายได้อย่างไร 

 

 

[คุณบอกว่าไม่ใช่ฮั่วเทียนอวี่ช่วยก็ไม่ใช่เขาช่วยงั้นเหรอ ฉันยังเห็นว่าคุณต่างหากที่สร้างข่าวเท็จน่ะ! ]  

 

 

พอเห็นคนอื่นสงบสุขได้ ก็มีคนขัดหูขัดตา แล้วก็มักจะมีพวกที่คอยออกมายุให้เกิดเรื่องเสมอ 

 

 

[ใช่เลย แค่เป็นคำพูดของคุณเท่านั้น หลักฐานล่ะ! ] พอมีคนหนึ่งพูดขึ้น คนอื่นๆ ก็เริ่มออกมาบ้าง 

 

 

[เห่ย พวกคุณนี่มันยังไงกันนะ เรื่องจริงเขาเป็นไงเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วยเล่า? เผื่อว่าหลินหว่านไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ ล่ะ?] และก็มีคนที่ทนดูต่อไปไม่ไหว ออกมาพูดแทนพวกเขา 

 

 

[ชิ ไม่รู้เรื่องด้วย? เธอจะบริสุทธิ์ได้ยังไงกัน? ให้ฉันพูดนะ ฮั่วเทียนอวี่ต่างหากที่ไม่รู้เรื่องด้วยน่ะ! ]  

 

 

คนอื่นๆ ต่างก็เริ่มออกมาพูดเปะปะไร้สาระ คนที่ตอนแรกออกมาช่วยพูดแทนหลินหว่านก็พลอยถูกด่าจนไม่กล้าพูดอีก 

 

 

ตามมาด้วย บนเน็ตมีการอัพโหลดคลิปท่อนหนึ่ง เนื้อหาภายในคลิปนี้เป็นคนในหมู่บ้านของฮั่วเทียนอวี่ 

 

 

“สวัสดีครับ ผมขอถามหน่อย หมู่บ้านของพวกคุณเมื่อก่อนเคยช่วยเด็กสาวไว้คนหนึ่งใช่ไหมครับ?” คนหนึ่งที่แต่งตัวคลายกับชาวบ้าน พอเห็นคนในหมู่บ้านก็เอ่ยปากถาม 

 

 

“ใช่ครับ เคยช่วยไว้คนหนึ่ง แต่ดูเหมือนถูกรับตัวไปแล้วนี่ พวกคุณมาช้าไปแล้ว”  

 

 

“เอ่อ ผมทราบแล้วครับ แต่ผมอยากขอให้คุณช่วยยืนยันหน่อยครับว่า เป็นเด็กสาวในภาพถ่ายบนมือถือนี้ใช่หรือเปล่าครับ?” ภาพถ่ายบนมือถือของคนคนนั้นเห็นชัดว่าเป็นหลินหว่าน 

 

 

“ใช่ๆๆ ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนี้แหละ ไม่ทราบว่าคุณ…”  

 

 

“อ้อ คุณไม่ต้องห่วงนะครับ คืออย่างนี้ เรื่องที่พวกคุณช่วยเธอเอาไว้นั้น พวกเรารู้สึกซาบซึ้งมาก ก็เลย…ไม่ทราบคุณพอจะบอกผมได้ไหมครับว่า คนที่ช่วยเธอนั้นเป็นใครกันแน่ ผมอยากจะกล่าวขอบคุณเขาด้วยตัวเองครับ” ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางจริงใจ 

 

 

“เรื่องนี้…” คนคนนั้นลังเลอยู่บ้าง คำพูดก็อึกๆ อักๆ  

 

 

“คุณวางใจได้ ผมเป็นคนดี แค่อยากจะขอบคุณเขาเท่านั้นเอง” คนนั้นเข้าใจว่าชาวบ้านเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนเลว จึงรีบอธิบาย 

 

 

“เห่ย ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ตอนนี้เขาออกทะเลไปจับปลาแล้ว ตอนนี้อาจไม่อยู่บ้านน่ะ ถ้าคุณอยากจะรอพบเขาจริงๆ คงต้องรออีกหลายวันค่อยมาใหม่แล้วล่ะ”  

 

 

“งั้นขอถามหน่อย คุณแน่ใจเหรอว่าคนที่ช่วยเด็กสาวนั่นเป็นเขา ไม่ใช่ฮั่วเทียนอวี่เหรอ?” พอได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่าคนที่ช่วยเป็นชาวประมง คนคนนั้นก็รีบถามต่อ 

 

 

“ยังจะมีอะไรไม่แน่ใจเล่า ตอนแรกผมเห็นเสี่ยวหวังพาเด็กสาวคนหนึ่งกลับมา ผมยังเห็นเธอเลย พอถามเขาแล้วเขาบอกผมว่าเธอเป็นคนที่เขาช่วยขึ้นมาจากทะเลตอนออกไปจับปลานะสิ”  

 

 

“งั้นทำไมคุณถึงแน่ใจว่าคนที่เห็นวันนั้นเป็นคนในรูปถ่ายของผมล่ะ? คุณดูผิดไปรึเปล่า?”  

 

 

“ไม่ผิดหรอก ถ้าบอกว่าเป็นคนอื่นผมยังอาจจำผิดได้ แต่นังหนูนั่นผมดูไม่ผิดหรอก เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเด็กผู้หญิงที่สวยขนาดนั้น ตอนนั้นเธอยังไม่ได้สติเลย ผมยังอดใจไม่ไหวมองดูอยู่ตั้งนานแน่ะ ก็เลยแน่ใจว่าดูไม่ผิดหรอก เธอนี่ล่ะใช่เลย”  

 

 

“งั้นก็ขอบคุณครับ”  

 

 

ต่อจากนั้น เขายังไปถามคนในหมู่บ้านอีกหลายคน 

 

 

“ใช่แล้วนี่ เสี่ยวหวังเป็นคนช่วยนังหนูนั่น ตอนนั้นเสี่ยวหวังยังมาบ้านฉันขอยืมเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงให้เธอชุดหนึ่ง ตอนนั้นเสื้อผ้าที่แม่หนูนั่นใส่ฉันเป็นคนเปลี่ยนให้เองแหละ!”  

 

 

“ต้องขอบคุณคุณด้วยครับ!”  

 

 

ตอนแรกหลินหว่านยังไม่รู้ว่าบนเน็ตมีข่าวนี้ออกมา ช่วงก่อนหน้านี้บนเน็ตมีแต่ข่าวเชิงลบของเธอเต็มไปหมด ไม่ต้องดูก็เดาได้ว่าพวกเขาจะพูดกันแรงขนาดไหน เธอก็เลยไม่ดูซะเลยจะได้ไม่ต้องคิดมาก 

 

 

หลินหว่านกำลังกลุ้มว่าควรจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดีนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตอนแรกเธอก็ไม่อยากจะสนใจ แต่โทรศัพท์ดังไม่หยุด ดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่รับก็จะโทรต่อไปอย่างนั้น พอทำอะไรไม่ได้ ก็ไลยลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มาดู เป็นสายจากเซียวจิ่งสือ 

 

 

“ว่าไงคะ มีเรื่องอะไรเหรอ?” หลินหว่านนอนคว่ำอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน ถามขึ้นอย่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง 

 

 

“ข่าวบนเน็ตอ่านดูหรือยัง?” 

 

 

“มีข่าวใหม่อะไรอีกหรือคะ?” หลินหว่านถามอย่างไม่รู้เรื่อง 

 

 

“ตอนนี้คุณไม่ต้องทำอะไรเลยนะ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้าเน็ตไปดูซะ” เซียวจิ่งสือไม่ได้ตอบคำถามเธอมาตรงๆ แต่พูดทิ้งปริศนาไว้ให้หลินหว่าน 

 

 

“จะมีเรื่องดีอะไรได้ล่ะ? คงต้องไปดูคำด่าของพวกคนที่ไม่รู้ความจริงอะไรเลยพวกนั้นแน่เลย” ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เธอยังลุกขึ้นมาทำตามอย่างว่าง่าย เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ 

 

 

เพิ่งเปิดเครื่อง ข้อความข่าวสารก็เด้งออกมา พอหลินหว่านเห็นข่าวพวกนั้นเข้าก็อดสะเทือนใจไม่ได้ โลกนี้มันเป็นอะไรไปแล้ว? เธอไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น 

 

 

“ไม่ใช่ ผิดแล้ว หรือว่าวิธีเปิดฉันผิดไป ใช่แล้ว รีสตาร์ทใหม่” หลินหว่านพึมพำเสียงเบา สีหน้าเหลือเชื่อ 

 

 

เซียวจิ่งสือที่ปลายสายอีกด้าน ได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็อดนึกขันขึ้นมาไม่ได้ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่า หลินหว่านในเวลานี้ช่างน่ารักซะขนาดนั้นนะ? 

 

 

พอหลินหว่านรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่แล้ว ได้เห็นเหมือนเดิมกับที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ 

 

 

“เซียวจิ่งสือ คุณบอกฉันมาเร็ว นี่มันไม่จริงใช่ไหม ฉันกำลังฝันไป ต้องฝันไปแน่ๆ เลย” 

 

 

“เอาล่ะ ยัยเด็กโง่ เธอต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น เธอไม่ได้ฝันไปหรอก” 

 

 

“ไม่ใช่สิ ต้องมีบางอย่างผิดพลาดไป คุณทำยังไงให้ชาวประมงนั่นยอมช่วยคุณได้?” 

 

 

เซียวจิ่งสือได้ยินเธอถามเขาแบบนี้ ก็อยากจะเปิดหัวสมองของเธอออกมาดูนักว่าข้างในมีอะไรบ้าง ปกติก็ดูเป็นคนเฉลียวฉลาดดีอยู่ ทำไมตอนนี้ถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้นะ? 

 

 

“หว่านหว่าน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมแต่งขึ้น ความจริงเป็นแบบนี้เอง คนที่ช่วยคุณไม่ใช่ฮั่วเทียนอวี่ ชาวประมงคนนั้นเป็นคนที่ช่วยคุณจริงๆ”