เมื่ออาอวี่พูดถึงองค์ชาย ใบหน้าของทุกคนพลันปรากฏความผิดปกติเล็กน้อย พวกเขาต่างก้มหน้าลง
ซูจิ่นซีจับความผิดปกติจากท่าทางของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว นางเหลือบมองอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างกาย และพบว่าอวิ๋นจิ่นก็สงสัยเหมือนนางเช่นกัน เขาไม่มีท่าทีว่าจะต่อสู้ แต่กำลังใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
“ทุกท่าน พวกเราสองคนหาได้มีเจตนารุกรานเผ่าอวิ๋นหุนแต่อย่างใด พวกเราเพียงต้องการผ่านเขาเมฆาไปยังโลกเขตแดน หากเป็นการรบกวน ขอพวกท่านโปรดให้อภัย”
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นจะไปโลกเขตแดน ท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “พวกท่าน… พวกท่านเกี่ยวพันอันใดกับโลกเขตแดน? ”
ซูจิ่นซีเข้าใจในทันที นางจึงรีบอธิบายว่า “พวกเราสองคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับโลกเขตแดน หรือผู้คนของโลกเขตแดน สาเหตุที่พวกเราต้องไปเยือนโลกเขตแดนในครั้งนี้ เพราะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ หากการเข้ามาที่เขาเมฆาทำให้รบกวนทุกท่าน ข้าต้องขออภัย และขอให้ทุกท่านอำนวยความสะดวกด้วย! ”
พวกเขาดูออกว่าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นไม่ใช่คนจากโลกเขตแดน ทว่าเกี่ยวข้องกับโลกเขตแดนหรือไม่นั้น คงต้องระแวดระวังไว้ก่อน
อาอวี่กับอาจูตั้งใจฟังซูจิ่นซีทุกคำพูด พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความถ่อมตนและความปรองดองในคำพูดของนาง
ดวงตาของอาอวี่กลอกกลิ้งไปมา ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงใช้น้ำเสียงอ้อนวอนพูดกับซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นอย่างจริงจัง “รบกวนท่านทั้งสองช่วยเผ่าอวิ๋นหุนของพวกเราด้วยเถิด มีเพียงท่านทั้งสองที่สามารถช่วยเผ่าอวิ๋นหุนของเราให้ผ่านวิกฤตในวันนี้ไปได้ บุญคุณอันใหญ่หลวงของพวกท่านทั้งสอง ในอนาคต เผ่าอวิ๋นหุนของข้าจะจดจำไว้อย่างแน่นอน”
“อาอวี่! ”
“อาอวี่ เจ้าคิดจะทำอันใด? ”
บุรุษสองคนที่ยืนด้านข้างรีบพูดปรามอาอวี่ ทว่าท่าทางของอาอวี่กลับหนักแน่นมากขึ้น “พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ขอเพียงยังมีความหวังที่จะช่วยเผ่าอวิ๋นหุน พวกเราไม่ควรยอมแพ้”
หลังจากนั้น เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ดัง ‘ตุบ’
“พวกท่านทั้งสอง ช่วยเผ่าอวิ๋นหุนด้วยเถิด! ”
คนที่อยู่ด้านหลังและคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ล้วนเป็นคนของเผ่าอวิ๋นหุน เมื่อเห็นการกระทำของอาอวี่ พวกเขาต่างตกใจอย่างมาก ในไม่ช้า แสงแห่งความหวังพลันสว่างขึ้นในดวงตาของพวกเขา จากนั้น ทุกคนก็คุกเข่าลงตรงหน้าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นตามอาอวี่
“แม่นางและคุณชาย ได้โปรดช่วยเผ่าอวิ๋นหุนของเราด้วยเถิด”
ซูจิ่นซีไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับสามโลกเจ็ดดินแดนมากนัก จึงไม่กล้าตัดสินใจโดยไม่ตรึกตรอง นางหันไปมองอวิ๋นจิ่น
อวิ๋นจิ่นพยักหน้าให้ซูจิ่นซีเล็กน้อย ซูจิ่นซีจึงพูดว่า “ทุกท่านลุกขึ้นมาคุยกันก่อนเถิด หากสามารถช่วยเหลือพวกท่านได้ พวกเราสองคนจะพยายามอย่างเต็มที่ เกิดอันใดขึ้นกับเผ่าอวิ๋นหุนของพวกท่านหรือ? ”
ในดินแดนมายาที่ไม่คุ้นเคย การผูกมิตรย่อมมีประโยชน์กว่าการสร้างศัตรู
ซูจิ่นซีมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องของเผ่าอวิ๋นหุนกับโลกเขตแดนต้องเกี่ยวข้องกันเป็นแน่
อาอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี “แม่นางกับคุณชายรับปากว่าจะช่วยเผ่าอวิ๋นหุนของข้าหรือ? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้ตอบและไม่ได้กล่าวตกลง นางเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
อาอวี่รีบคว้าอาจูให้ลุกขึ้นยืน “องค์ชายและองค์หญิงมีโอกาสรอดแล้ว องค์ชายและองค์หญิงมีโอกาสรอดแล้ว! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว อาอวี่จึงรีบอธิบาย “เผ่าอวิ๋นหุนของข้า แม้จะเป็นเผ่าบำเพ็ญตบะ ทว่าพวกเราหลบซ่อนอยู่บนเขาเมฆา ไม่ได้ออกไปยังโลกภายนอกมาหลายพันปีแล้ว และไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับคนภายนอก
ทว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา เผ่าสวรรค์และคนจากโลกเขตแดนกลับโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนของข้า ทั้งยังคิดฆ่าล้างเผ่าอวิ๋นหุนของข้า
หลังจากการต่อสู้หลายครั้ง เผ่าอวิ๋นหุนสูญเสียความแข็งแกร่งและได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถต้านทานการรุกรานจากภายนอกได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่คิดเลยว่า คนจากสามเขตแดนจะไม่ให้โอกาสพวกเราได้พักหายใจ ไม่กี่วันก่อน เผ่าสวรรค์และเผ่าอวิ๋นหุนเพิ่งทำสงครามกัน วันนี้ คนของสามเขตแดนยังฉวยโอกาสลอบโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนของข้าอีก”
เมื่ออาอวี่พูดมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็พอคาดเดาเกี่ยวกับวิกฤติของเผ่าอวิ๋นหุนได้เกือบทั้งหมดแล้ว
หลังจากผ่านสงครามที่คาดเดาไม่ได้จากเผ่าสวรรค์และโลกเขตแดน เผ่าอวิ๋นหุนอ่อนกำลังลง และไม่สามารถทำสงครามได้อีก วันนี้ คนของสามเขตแดนโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนอีกครั้ง องค์ชายและองค์หญิงแห่งเผ่าอวิ๋นหุนได้นำทหารชั้นยอดเข้าต่อสู้ เพื่อปกป้องให้คนในเผ่าหลบหนีไปก่อน
โดยไม่คาดคิด ขณะที่คนในเผ่ากำลังหลบหนี พวกเขาได้มาพบนางและอวิ๋นจิ่น และเข้าใจผิดคิดว่าพวกนางเป็นศัตรู ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้น
ยามนี้ หัวหน้าเผ่าอวิ๋นหุนของพวกเขา หรือก็คือองค์ชายและองค์หญิง ทั้งสองพระองค์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างแน่นอน
……
หลังจากคำอธิบายของอาอวี่ ซูจิ่นซีเข้าใจวิกฤติในครั้งนี้ของเผ่าอวิ๋นหุนอย่างชัดเจน ทว่านางยังครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ทั้งยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องถาม
“จากที่เจ้าอธิบายมา เผ่าอวิ๋นหุนเร้นกายอยู่ในเขาเมฆาไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก เช่นนั้น เหตุใดเผ่าสวรรค์และโลกเขตแดนจึงรังแกและรุกรานพวกเจ้าอยู่บ่อยครั้ง? ”
หากพูดว่าเผ่าสวรรค์และโลกเขตแดนโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนอย่างไร้เหตุผล คงเป็นไปไม่ได้
คราแรก อาอวี่ลังเลเล็กน้อย ราวกับไม่สะดวกใจจะพูด ทว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่
“แม่นาง ขอกล่าวตามตรง สาเหตุที่เผ่าสวรรค์และโลกเขตแดนโจมตีเผ่าอวิ๋นหุนบ่อยครั้ง เป็นเพราะหินเซิ่งอวิ๋น ของล้ำค่าประจำเผ่าอวิ๋นหุนของข้า”
“หินเซิ่งอวิ๋น? ”
“ใช่แล้ว! ” อาอวี่พยักหน้า
“หินเซิ่งอวิ๋นเป็นหินจิตวิญญาณที่รวบรวมแก่นแท้ของสวรรค์และโลก ตำนานกล่าวว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับสืบทอดมาจากเทพเจ้ากัวฟู่ เมื่อพันปีก่อน เนื่องจากเผ่าอวิ๋นหุนมีผู้ทรยศ พยายามขโมยหินเซิ่งอวิ๋น ทำให้หินมีร่องรอยความเสียหาย พลังวิเศษของหินจึงลดลงครึ่งหนึ่ง ต่อมาคนในเผ่าค้นพบแสงแห่งเงามืดจึงทำการฟื้นฟู หลังจากผ่านมาหลายพันปี คาดไม่ถึงว่าหินเซิ่งอวิ๋นจะผนึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงแห่งเงามืด กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญตบะ หินเซิ่งอวิ๋นดึงดูดความโลภและกิเลสของเผ่าสวรรค์และโลกเขตแดน ส่งผลให้หายนะอันไร้ที่สิ้นสุดตกมาสู่เผ่าอวิ๋นหุนของพวกเรา”
ที่แท้เป็นเพราะการแย่งชิงหินเซิ่งอวิ๋น
แท้จริงแล้ว บนโลกมนุษย์มีผู้บำเพ็ญตบะจำนวนไม่น้อย บางทีพวกเขาอาจยังไม่ทราบข่าวของหินเซิ่งอวิ๋น หากได้รับข่าวนี้ เกรงว่ากลุ่มพลังที่ต้องการแย่งชิงหินเซิ่งอวิ๋นคงเพิ่มมากขึ้น
เมื่อพูดจบ แววตาแน่วแน่ของอาอวี่ก็ปรากฏความกังวล ทว่าเขายังอ้อนวอนซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นอย่างไม่ลดละ “แม่นาง คุณชาย พวกท่านได้โปรดช่วยเผ่าอวิ๋นหุนของพวกเราด้วย! ขอเพียงวันนี้ แม่นางและคุณชายช่วยพวกเราขับไล่คนจากโลกเขตแดนออกไป ข้า อาอวี่จะพาท่านทั้งสองเดินทางจากเขาเมฆาไปยังโลกเขตแดนเอง! ”
มีคนพาออกจากเขาเมฆา ย่อมดีกว่าการที่พวกเขาสองคนเดินวนไปเวียนมาอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยหมอก
ครั้งนี้ซูจิ่นซีไม่ได้หารือกับอวิ๋นจิ่น นางตอบตกลงในทันที “เชิญนำทาง! ”
อาอวี่รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง และรีบเดินนำทางอยู่ข้างหน้า
อวิ๋นจิ่นไม่ได้คัดค้าน เขาเห็นพ้องกับซูจิ่นซี และเดินตามคนเผ่าอวิ๋นหุนไป ระหว่างทาง คนของเผ่าอวิ๋นหุนยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออาอวี่พาซูจิ่นซีและคนอื่นๆ มาถึงจุดหมาย ด้านหลังของพวกเขาก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นคนของเผ่าอวิ๋นหุน
แท้จริงแล้ว เวลานี้พวกเขายังอยู่ท่ามกลางป่าทึบบนเขาเมฆา เพียงเปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หมอกที่นี่ไม่หนาแน่นเท่าที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่ ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้อย่างชัดเจน
ซูจิ่นซีเห็นเสือแปดตัว เสือดาวสิบกว่าตัว และงูหลามสี่ตัวอยู่ล้อมรอบบุรุษที่แต่งกายแปลกประหลาด ทว่ามีใบหน้าหล่อเหลา และสตรีผู้มีใบหน้างดงาม