ตอนที่ 808 กอดคุณเป็นเรื่องปกติ (1) โดย Ink Stone_Romance
“ไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว” เย่เซียวมองดวงตาแดงก่ำของเธอก็รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ นึกบางอย่างขึ้นได้ถึงขมวดคิ้ว “ได้ยินถังซ่งบอกว่าคุณก็บาดเจ็บไม่น้อย ทำไมถึงลงจากเตียง?”
“ไม่ได้บาดเจ็บเยอะอะไร ตอนนี้ยังเดินได้”
“กลับไปนอนพักดีๆ” เย่เซียวปรายตาไปที่พยาบาลที่ตามหลังเธอ “พาเธอกลับห้อง”
น้ำเสียงของเขาไม่อนุญาตให้ปฏิเสธโดยเสมอมา ทำให้คนไม่กล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ บวกกับสีหน้าเย็นชาที่เขามีต่อผู้คนเป็นปกตินั่นพยาบาลเลยค่อนข้างเกรงกลัวเขา
“คุณไป๋ งั้นเรากลับไปฉีดยาที่ห้องเถอะ” พยาบาลมองเธอด้วยสายตาคาดคั้น
“ไม่ต้อง ฉีดที่นี่ก็พอ” พยาบาลกลัวเขาแต่เธอไม่กลัว เดินอ้อมมาอีกฝั่งจู่ๆ ก็เลิกผ้าห่มขึ้นซุกตัวลงบนเตียงเขา เตียงห้องพักผู้ป่วยเฉพาะมีขนาดความกว้างสองเมตรกว่า กว้างมาก มีที่เพียงพอสำหรับเธอแน่
เย่เซียวชะงักไปชั่วขณะ ใต้ผ้าห่มมือเย็นเฉียบถูกมือนุ่มของเธอกุมไว้
เธอไม่ได้เข้าใกล้เขาเพราะกลัวแตะโดนแผลของเขา เลยกุมมือเขาโดยที่เว้นระยะห่างอยู่เล็กน้อย
เขาชอบแบบนี้ ไม่ได้ไล่เธอไปกลับกระชับกุมมือเธอแน่นพลางบอกพยาบาลว่า “ฉีดยาให้เธอเถอะ”
“ได้ค่ะ”
พยาบาลคอยมองฉากอบอุ่นนี้พาลรู้สึกอ่อนยวบไปทั้งใจ เมื่อก่อนเคยเจอเย่เซียวเป็นบางครั้งแค่รู้สึกว่าเขาเย็นชาถึงขีดสุด แต่ไม่คิดว่าต่อหน้าหญิงสาวคนพิเศษนี้เขาก็มีมุมนี้เหมือนกัน
พยาบาลฉีดยาให้เธอเสร็จก็ออกไป
ในห้องเหลือเพียงสองคน เธอตะแคงตัวมองเขา เย่เซียวพูดเตือน “มืออย่าขยับ ระวังโดนเข็ม”
“ไม่เป็นไร ฉันระวังอยู่” เธอวางมือไว้บนหมอนพื้นราบ พยายามไม่แตะโดนมัน
เขาถึงค่อยวางใจหน่อย
“เย่เซียว”
“หืม?”
“แหวนแต่งงานเป็นคู่ไม่ใช่เหรอ? อีกวงหนึ่งล่ะ?”
เย่เซียวล้วงกล่องหนึ่งจากใต้หมอนมาเนื่องจากก่อนหน้านี้เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา ถูกพยาบาลเก็บได้ก่อนจะนำมาให้เพราะตกจากเสื้อขณะที่เปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วย เขายื่นกล่องให้เธอ เธอเปิดมันด้วยมือข้างเดียวมองแหวนสำหรับผู้ชายวงนั้นแล้วมองเขาด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบแหวนจากกล่อง
ความรู้สึกร้อนระอุบางอย่างกำลังพลุ่งพล่านในอกของไป๋ซู่เย่ “เอามือคุณให้ฉัน”
เย่เซียวยื่นมือไป
เธอสวมแหวนใส่นิ้วนางของเขาเบาๆ ด้วยความจริงใจและเงียบสงบ ทั้งที่เป็นการแลกเปลี่ยนแหวนที่เรียบง่ายแต่กลับดูจริงจังยิ่งกว่าพิธีแต่งงาน
สายตาเย่เซียวลึกซึ้งกว่าเดิม จับมือเธอมากุมไว้ในมือแน่น แน่นเสียจนไม่มีวันแยกจากกันอีกตลอดชีวิต…
“รอเราแข็งแรงดีแล้วก็จัดงานแต่งงาน คุณอยากจัดที่ประเทศ S หรือเมืองเยียวก็ได้ทั้งนั้น” เย่เซียวพร้อมจะเคารพการตัดสินใจของเธอเสมอ
เธอส่ายหน้า
“ส่ายหน้าหมายความว่ายังไง?”
เธอประสานสายตากับเขา “เราไปจดทะเบียนที่สำนักงานเขตก็พอ ส่วนงานแต่งงานไม่จัดแล้วได้มั้ย?”
“ไหนว่ากันว่างานแต่งงานเป็นสิ่งที่ผู้หญิงรอคอยกันมากที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ค่อยๆ เอียงศีรษะไปทางเขา ขณะที่ใกล้จะซบตัวเขาหยุดชะงัก ไม่กล้าสัมผัสตามอำเภอใจกลับถูกเขาจับศีรษะให้พิงไหล่ตัวเองเบาๆ เขาก้มจูบศีรษะเธอ “ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันสักที ทำไมถึงไม่จัดล่ะ?”
“ฉันรู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้กำลังดี จะทำให้มันวุ่นวายอีกทำไม?”
ผ่านการทรมานมานับสิบปี การจากลาเพราะความอยู่ความตาย พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนล้วนกลายเป็นส่วนเกินสำหรับพวกเขาไปแล้ว
หัวใจที่หลอมรวมเป็นดวงเดียวกันนั้นได้เอาชนะคำสาบานต่อหน้าไม้กางเขนนั่นตั้งนานแล้ว
บัดนี้เธอหวังแค่ว่าจะใช้ชีวิตสงบสุขกับเขาเช่นนี้ต่อไป ไม่มีสิ่งรังควาน ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ อีก
————————
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
เย่เซียวออกจากโรงพยาบาลอย่างราบรื่น
วันที่ออกจากโรงพยาบาลเขาก็รอจะไปพบผู้อาวุโสตระกูลไป๋ทั้งสองท่านแทบไม่ไหว ไป๋ซู่เย่โทรหาฮูหยินไป๋บอกว่าเขาจะไปทานข้าวมื้อเย็นที่บ้าน
ทางนั้นฮูหยินไป๋วางสายเสร็จรีบบอกท่านผู้เฒ่าต่อ “คุณคะ รีบๆ เลย ขึ้นไปเปลี่ยนชุด”
“อยู่ดีๆ เปลี่ยนชุดทำไม?”
“จะเจอลูกเขยแล้วคุณยังจะใส่เสื้อเรียบง่ายแบบนี้หรือไง?” ฮูหยินไป๋ลุกยืนพลางสั่งน้าหลินอีกเสียง “น้าหลิน เธอไปให้ครัวทำกับข้าวรสจืดหน่อย ได้ยินซู่ซู่บอกว่าเขาเพิ่งผ่าตัดมายังต้องระวังในเรื่องการกิน”
“ค่ะคุณหญิง จะไปเดี๋ยวนี้เลย” น้าหลินยิ้มพูดหยอก “ปกติคุณหญิงไม่ค่อยพอใจเขานะคะ พอจะมาจริงๆ แล้วก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเชียว”
“เธอนี่พูดมากจริงๆ” ฮูหยินไป๋พูดค่อนแคะใส่น้าหลินไปทีแต่ยังคงรอยยิ้มเบ่งบาน หันกลับไปเห็นท่านผู้เฒ่ายังดื่มน้ำชาอยู่จึงฉุนเขาทีหนึ่ง “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ใช่คนไม่มีความคิดเป็นของตัวเองอย่างคุณ อย่างกะดอกไม้ข้างกำแพงโน้มเอียงไปมา ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ” ท่านผู้เฒ่าลุกยืนกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว
“พูดอย่างกับว่าใครสนใจให้คุณชอบนักแหละ ขอแค่ซู่ซู่ชอบก็พอ คุณจะชอบไปทำไม” ฮูหยินไป๋ไม่คิดจะใส่ใจ
ท่านผู้เฒ่าแค่นเสียงที ไม่สนใจเธออีก เดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดข้างบนเพียงลำพัง
——
รถยนต์ขับมาจอดอยู่ข้างนอกหน้าประตูเรือนหลัก
ไป๋ซู่เย่ลงจากรถจึงเห็นเย่เซียวเดินอ้อมไปหยิบถุงสองถุงที่หลังรถ
“นี่คืออะไร?” ไป๋ซู่เย่ปรายตามองวูบหนึ่ง
เย่เซียวมากุมมือเธอ “คุณคิดว่าการมาเจอว่าที่พ่อตาแม่ยาย จะมามือเปล่าได้เหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ล้อเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ใช่คุณนี่ ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้อาจจะไม่รู้อะไรเท่าไหร่”
เธอกำลังย้อนคิดบัญชีเก่ากับเขา
นี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ
เย่เซียวยังคงกลัวเธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเลยอยากอธิบาย
“เมื่อก่อนกับเธอ…”
“คนโง่ ฉันล้อคุณเล่นหรอก” ไป๋ซู่เย่ยิ้มขัดเขา สีหน้าปรับให้จริงจังขึ้นเล็กน้อย “เรื่องอดีตเราไม่พูดถึงกันแล้ว”
อืม ขอบคุณสำหรับความใจกว้างของเธอ!
เย่เซียวถอนหายใจโล่งอก กระชับกุมมือเธอไว้แนบแน่น “งั้นเข้าไปกันเถอะ”
เมื่อทั้งคู่ใกล้จะเข้าไปนั้นรถอีกคันขับมาแต่ไกล ก่อนจะจอดอยู่หลังรถพวกเขา
ไป๋ซู่เย่หันกลับไปมองเลยบอกเย่เซียวว่า “พวกเย่ฉิงมาถึงแล้ว”
เย่เซียวหยุดฝีเท้า อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิดเมื่อเห็นไป๋เย่ฉิงลงจากรถ หลังผู้ชายสองคนสบตากันแวบหนึ่งก็เดินถลาเข้าไปจับมือ
“ไม่ได้เจอกันนาน!” ไป๋เย่ฉิงชิงพูดก่อน
เย่เซียวพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อก่อนเคยเจอเย่ฉิงตามงานบ่อยครั้งแต่ไม่ใช่ในโอกาสแบบนี้
“คุณป้า!” กำลังจะพูดบางอย่างเสียงใสดังขึ้น ไป๋จิ่นเหยียนโผล่ศีรษะเล็กออกมาโดยที่ในอ้อมแขนเขายังอุ้มเด็กทารกแสนนุ่มนิ่มน่ารักอยู่
“ต้าไป๋ ส่งน้องสาวมาให้แม่ อย่าล้มล่ะ” เซี่ยซิงเฉินที่อยู่ในรถต้องการรับเด็กทารกมาไว้ในมือตัวเอง แต่เด็กไป๋จิ่นเหยียนได้อุ้มน้องสาวลงจากรถแล้ว
ไป๋ซู่เย่ถลาเข้าไปอุ้มน้องสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน
เซี่ยซิงเฉินลงมาเห็นเด็กอยู่ในอ้อมแขนเธอเลยถอนหายใจที ตบศีรษะเล็กของต้าไป๋เบาๆ “ตัววุ่นวาย!”
“พี่” เธอทักทายไป๋ซู่เย่ ไม่ได้พบกันนาน เทียบกับทุกครั้งที่เจอในอดีต ตอนนี้สีหน้าเธอดูดีขึ้นมาก เซี่ยซิงเฉินเห็นว่าเธอสบายดีแบบนี้ก็รู้สึกปลื้มปริ่มไปด้วย
…………………………