ตอนที่ 809 กอดคุณเป็นเรื่องปกติ (2) โดย Ink Stone_Romance
ไป๋ซู่เย่แนะนำเย่เซียวให้เซี่ยซิงเฉินรู้จัก เซี่ยซิงเฉินเรียก ‘พี่เขย’อย่างชาญฉลาด เย่เซียวชะงักค้าง คำเรียกนี้เรียกให้เขาแสดงสีหน้าที่ใช้คำว่าอ่อนโยนมาอธิบายแทนความเย็นชาที่เคยมีมาตลอด
แต่ต่อจากนั้น…
เซี่ยต้าไป๋เอ่ยประโยคที่ขัดบรรยากาศ“คุณป้าครับ คุณป้าเปลี่ยนแฟนแล้วเหรอ?”
“…”
ประโยคเดียวที่ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างเงียบลงทันใด
เซี่ยซิงเฉินปิดปากเล็กของเซี่ยต้าไป๋พลางพูดตำหนิเขาเสียงเบา “มีอย่างที่ไหนไม่ฉลาดพูดอย่างลูกเนี่ย?”
“ผมพูดความจริงนี่นา ครั้งก่อนผมเพิ่งเคยเจอคุณลุงยวิ๋นช่วนมานี่นา”
“ขอทีล่ะ ลูกอย่าพูดอะไรอีกเลยได้มั้ย?” เซี่ยซิงเฉินทำอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายถูกไป๋เย่ฉิงอุ้มนำเข้าบ้านไปก่อน
ไป๋ซู่เย่มองเย่เซียวแล้วหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร?” เย่เซียวหยิกมือเธอทีหนึ่งทั้งที่หน้ายังบูดบึ้งอยู่
“เมื่อกี้ฉันยังอิจฉาน่าหลัน ตอนนี้ดูเหมือนว่า…เราเท่าเทียมกันแล้วนะ”
เย่เซียว “…”
เรื่องแบบนี้เท่าเทียมกันได้ด้วยหรือ?
——————
เห็นได้ชัดว่าเย่เซียวลงทุนศึกษาเรื่องการเอาใจผู้ใหญ่มาอย่างดี ฮูหยินไป๋เป็นคนที่เอาใจง่าย เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความเป็นของตัวเองดังนั้นเลยไม่ได้มีท่าทีย่ำแย่ต่อเย่เซียวสักเท่าไร เย่เซียวเอายาสมุนไพรราคาแพงที่ขอมาจากถังซ่งมอบให้กับฮูหยินไป๋ ซึ่งพอได้ยินว่าดีต่อผิวหน้าความงามก็ยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้
ส่วนท่านผู้เฒ่า…
เดิมทีเธอหลงคิดว่าท่านผู้เฒ่าคงจะหยิบไม้ไล่ตีคนถึงได้เรียกเย่ฉิงมาเป็นตัวช่วย ผลสุดท้ายเริ่มแรกท่านผู้เฒ่ายังหน้าตึงอยู่จริงๆ แม้แต่เซี่ยต้าไป๋ยังรู้สึกกลัวยามพบเห็น แต่พอเย่เซียวหยิบชุดเครื่องชามาวางตรงหน้าเขา สีหน้าเขาก๋เปลี่ยนอย่างฉับพลัน
ให้คนรับใช้ไปหยิบแว่นหนาเตอะของตัวเองในห้องหนังสือมาศึกษาชุดแก้วน้ำชานั่นพักใหญ่
ชุดเครื่องชานี้ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือหรืองานแกะสลักต่างก็ดีเยี่ยม ภายหลังไป๋ซู่เย่ถึงรู้ว่าชุดเครื่องชานี้เย่เซียวได้มาจากห้องเก็บของของพ่อบุญธรรมเขา ต่อมาไฟเรนเซ่รู้ว่าของรักของหวงชุดนั้นของตัวเองถูกเย่เซียวเอาไปเป็นของขวัญมอบให้กับผู้อื่นก็เกือบจะสลบหมดสติไป
ดังนั้นไม่มีรายการหวดโชว์ใดๆ ไม่มีภาพที่หยิบไม้เท้าขับไล่ใคร ชุดเครื่องชาชุดเดียวเท่านั้นเย่เซียวก็เอาชนะใจท่านผู้เฒ่าได้สำเร็จ อีกทั้งเขาคอยพูดเรื่องชุดเครื่องชานี้กับเย่เซียวตลอด และเย่เซียวตอบทุกคำถามได้ครบครันและถูกต้อง ท่านผู้เฒ่าพยักหน้ารัว ไหนล่ะท่าทีบอกกร้าวก่อนหน้าที่ว่าไม่ตอบตกลง? ฮูหยินไป๋คอยพูดกระแนะกระแหนเขาอยู่ข้างๆ ตลอดว่าเป็นดอกไม้ข้างกำแพงเหมือนตนนั่นแหละ
คืนนั้นเย่เซียวถูกผู้ใหญ่สองท่านรั้งไว้ให้ค้างคืนที่จงซัน
จงซัน
ภายในบ้านคึกคักเป็นพิเศษ
ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่มีพละกำลังที่สุดของเซี่ยต้าไป๋ คอยวิ่งวุ่นไปทั่วสารทิศ ไป๋เย่ฉิงเรียกเขาสองทีเขาถึงได้หยุดพักบ้าง
ไป๋ซู่เย่กับเซี่ยซิงเฉินคอยกล่อมน้องเล็กในห้อง เซี่ยซิงเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอโดยมีไป๋ซู่เย่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ มองเด็กน้อยตัวเล็กนุ่มนิ่มนั่นไป๋ซู่เย่ก็อดนึกถึงลูกที่ไร้วาสนากับตนคนนั้น พาลทุกห้วงอารมณ์ก็ผุดขึ้นมาในใจทันที
“พวกพี่คิดจะมีลูกกันหรือยัง?” เซี่ยซิงเฉินมองอารมณ์เธอออก มือทำงานไปก็คุยกับเธอไป
“ร่างกายของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงต้องพักฟื้นสักช่วง” เพราะเคยมีประสบการณ์แท้งลูกมาก่อน ฉะนั้นยิ่งต้องระวังกับการท้องรอบสอง
เซี่ยซิงเฉินเห็นด้วยกับความคิดของเธอ “ร่างกายได้พักฟื้นแล้ว ตอนที่ท้องจะได้สบายหน่อย พวกพี่อยากได้ลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิง?”
“ความจริงก็เหมือนกัน แต่ถ้าเอาตามความคิดตัวเองจริงๆ ท้องแรกอยากให้เป็นเด็กผู้ชายนั่นแหละ บางทีอนาคตมีท้องที่สองเป็นเด็กผู้หญิง พี่ชายยังปกป้องน้องสาวได้” ไป๋ซู่เย่จับมือของเด็กทารกไกว่ไปมาเบาๆ เป็นการหยอกเอิน เห็นเด็กน้อยหัวเราะสดใสบริสุทธิ์เธอก็หัวเราะตามอย่างสุขใจ ก่อนพูดต่อ“เหมือนต้าไป๋กับน้องสาวตัวน้อย ต้าไป๋รักเธอมากขนาดนี้ อนาคตต้องเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยแหงเลย”
ซึ่งก็เป็นความจริง มีพี่ชายคอยปกป้อง วันหน้าเธอกับเย่ฉิงคงไม่ต้องกังวลเรื่องลูกสาวมากเท่าไร
——————
อีกฟากหนึ่ง
บนระเบียง
ไป๋เย่ฉิงกับเย่เซียวดื่มเหล้ากันสองคนข้างนอก สายตาของชายหนุ่มทั้งคู่ทอดมองไปยังหญิงสาวสองคนในห้องผ่านกระจกหน้าต่าง
สายตาไป๋เย่ฉิงที่มองเซี่ยซิงเฉิงนั้นอ่อนโยนทว่าเรียบนิ่ง
ส่วนสายตาที่เย่เซียวมองไป๋ซู่เย่นั้นล้ำลึกแต่ผูกพัน
ความอ่อนโยนกับความอดทนที่เธออุ้มเด็กล้วนทำให้เขารู้สึกสงบปนอิ่มเอมใจ เขาเริ่มวาดฝันว่าหากระหว่างเขาทั้งสองมีลูก จะหน้าตาแบบไหนนะ
“ความจริงผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณกับซู่ซู่จะมาถึงจุดนี้ได้ จะอยู่ด้วยกันได้อีก” ไป๋เย่ฉิงชิงพูดก่อน ทำลายความเงียบระหว่างชายหนุ่มสองคน
เย่เซียวถึงละสายตาจากไป๋ซู่เย่ ตอบกลับตามความจริง “ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อน”
“ในเมื่อซู่ซู่ตัดสินใจจะอยู่กับคุณแล้ว หลังจากนี้ผมหวังว่าคุณจะทำดีกับเธอ” ไป๋เย่ฉิงปรับสายตาให้จริงจังขึ้น “ความจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตลอดทางที่เธอเดินมา ไม่ได้สบายไปกว่าคุณเลยในแต่ละวัน”
เย่เซียวมองเขา
เขาจิบไวน์แดงในแก้วอึกหนึ่ง ทอดสายตาไปยังฟากฟ้ากลางคืนที่อยู่ข้างนอกแล้วย้อนความทรงจำ “สิบปีก่อน ตอนที่เธอกลับมาหลังแยกจากคุณ ทุกคืนไม่ฝันร้ายก็นอนไม่หลับ ผ่านไปครึ่งเดือน เจ้าตัวเหมือนถูกถลกหนังไปชั้นหนึ่ง…”
ยามนี้พอย้อนนึกขึ้นไป๋เย่ฉิงยังรู้สึกปวดใจ
ส่วนเย่เซียวที่คอยฟังอยู่ข้างๆ ยิ่งเจ็บแปลบที่หน้าอก
เขาไม่เอะเสียง แค่รอไป๋เย่ฉิงพูดต่อ
“เราหาทุกวิถีทาง พาเธอไปพักผ่อน หาเพื่อน แต่ไม่มีประโยชน์ ได้แต่เห็นเธอทรมานตัวเองวันแล้ววันเล่า คอยบีบบังคับตัวเองวันแล้ววันเล่า จนสุดท้ายเธอเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง ทุกคนล้วนกังวลว่าเธอจะคิดสั้น เปลี่ยนจิตแพทย์ให้เธอคนแล้วคนเล่า สุดท้ายคุณหมอใช้เวลาไปกับเธอถึงเกือบสี่ปี สี่ปีเธอถึงเก็บซ่อนความเจ็บปวดเหล่านั้นรวมถึงคุณที่เธอลืมไม่ลงไว้ซอกหลืบของหัวใจ เราทั้งครอบครัวไม่มีใครกล้าพูดถึงคุณสักคำ เธอสวมหน้ากากให้ตัวเอง สวมชุดเกราะและล็อกหัวใจให้ตัวเอง แปรงร่างตัวเองเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งที่ภายนอกดูดีไร้ที่ทัดเทียม เข้มแข็งไม่มีวันพังทลาย แต่ภายในใจเหมือนกระแสน้ำที่มีเพียงตัวเองที่รู้ระดับอุณหภูมิมัน”
เย่เซียวมองลอดเข้าไปข้างในผ่านกระจกหน้าต่างอีกครั้ง
สายตาล้ำลึกซับซ้อน
สิบปีที่พลัดพรากจากกัน เป็นสิบปีที่เขาเจ็บปวดมากที่สุด แต่ที่แท้…ก็เป็นสิบปีที่เธอเจ็บปวดมากที่สุดเช่นกัน…
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่กลับมาช้าเกินไป
เสียใจที่มอบความเชื่อใจแก่เธอน้อยเกินไป
ขณะนั้นเองเธอก็ปรายตามองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งคู่สบตาและยิ้มให้กัน
ยังดีที่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ครองรักกันในที่สุด
“เย่ฉิง เราใกล้จะต้องกลับไปแล้ว ต้องกลับไปชงนมให้ลูก” เซี่ยซิงเฉินเงยหน้าบอกไป๋เย่ฉิง
ไป๋เย่ฉิงวางแก้วไวน์ลง มองเย่เซียวแวบหนึ่ง“งั้นเรากลับก่อนล่ะ”
“อืม ลาก่อน!แล้วก็…” เย่เซียวหยุดเว้นช่วง กล่าวคำหมายมั่นสัญญาแก่ไป๋เย่ฉิงประโยคหนึ่ง “ต่อจากนี้ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีก”
…………………………