บทที่ 750 บัญชาการสถานการณ์โดยรวม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 750 บัญชาการสถานการณ์โดยรวม
ในเผ่าหยก

แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ก็ยังถูกนรกเบื้องหน้านี้ทำให้ตกใจเข้าแล้ว

เป็นนรก……

พวกผู้ชายสูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสมบูรณ์แล้ว พวกเขาถูกขังอยู่ในกรงเหล็กที่หนาและกว้าง เหมือนกับซอมบี้ที่สูญเสียสติสัมปชัญญะแล้วเช่นนั้น รู้จักเพียงการทุบตีกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่ง คิดจะทำลายกรงเหล็กออกมา

เลือด ไหลรินออกมาจากร่างกายของพวกเขาทีละหยด แต่พวกเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย

แต่ละคนดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำไปแล้ว รู้จักเพียงการฆ่าคนฆ่าคนฆ่าคนเท่านั้น…..

ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสหลายคน ทั้งยังมีพวกผู้ชายบางคนที่เติบโตในเผ่าหยกตั้งแต่เด็กๆ แต่กลับไม่ใช่คนของเผ่าหยก ล้วนกำลังทุ่มสุดความสามารถเพื่อทำให้กรงเหล็กมั่นคง

จนปัญญาคนน้อยสู่คนจำนวนมากไม่ได้ ประกอบกับผู้อาวุโสใหญ่หลายท่านล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่มากก็น้อยจากการแย่งชิงมุกมังกรเม็ดที่เจ็ดกลับมากันทั้งหมด จึงทำให้กรงเหล็กถูกทำลายออกทีละกรงๆ

คนด้านในที่หนีออกมา บางคนก็พุ่งลงเขาไปฆ่าผู้คนทุกหนทุกแห่ง

มีบางคนที่ยังคงทุบตีกรงอื่นๆต่อ ปล่อยคนในเผ่าที่คำสาปโลหิตกำเริบออกมาให้มากขึ้น

ปากของผู้อาวุโสใหญ่กำลังตะโกนพูดอะไรบางอย่างอย่างสุดความสามารถ พยายามรักษาสถานการณ์โดยรวมให้เสถียร แต่แนวโน้มสถานการณ์กลับไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา

และคนในเผ่าที่พุ่งลงไปที่เชิงเขา เห็นพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก็ยกมีดขึ้นฆ่าฟันอย่างไร้ความเมตตาปรานี

บนพื้น บนกำแพงเต็มไปด้วยศพ

เนื่องจากการกำเริบของคำสาปโลหิตพวกผู้หญิงก็เจ็บปวดทรมานเป็นที่สุดอยู่แล้ว แต่ละคนเปล่งเสียงร้องโหยหวนอันยากที่จะควบคุมได้ออกมา ทั้งยังต้องถูกคนสนิทเป็นที่สุดในครอบครัวของตัวเองฟันด้วยมีดเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนตายอีก ความสิ้นหวังเช่นนั้นทำให้คนใจสลาย

เสียงร้องไห้ เสียงร้องโหยหวน เสียงคำรามด้วยความเดือดดาล เสียงห้ามปราม แต่ละเสียงรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวกลายเป็นเสียงของนรกเช่นนั้น

ข้างหู ยังมีผู้หญิงที่กำลังตะโกนกล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า “สวรรค์ คำสาปโลหิตครั้งที่แล้วเพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน ทำไมยังไม่ถึงวันที่สิบห้าคำสาปโลหิตถึงได้กำเริบอีกแล้ว……ทำไมท่านไม่เอามีดมาฆ่าพวกเราให้ตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ ทำไมต้องให้พวกเราทนแบกรับความทรมานที่เหมือนตายทั้งเป็นเช่นนี้ด้วย”

“ท่านพ่อ…..อย่า……อย่าฆ่าท่านแม่ ท่านรีบมีฟื้นขึ้นมาสิ หากว่าท่านฆ่าท่านแม่ ท่านจะต้องเจ็บปวดใจจนตาย……อ้า…..ท่านแม่….ท่านแม่ท่านอย่าตายนะ……”

“ท่านพี่…….อย่าโทษข้า……..ข้าก็ไม่อยากฆ่าท่าน ท่านฆ่าลูกสาว รอจนท่านได้สติแล้วท่านจะต้องเหมือนตายทั้งเป็น โทษตัวเองไปทั้งชีวิต พวกเราทั้งสามคนตายไปพร้อมกันยังจะดีซะกว่า แล้วค่อยไปเป็นครอบครัวเดียวกันที่ยมโลก หวังเพียงแต่ชีวิตหน้าจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกับคำสาปโลหิตอีกแล้ว”

“พี่ชาย….พวกเรารวบรวมมุกมังกรได้ครบเจ็ดเม็ดแล้ว รอหัวหน้าเผ่าหลอมรวมมุกมังกรได้แล้วก็จะสามารถถอนคำสาปโลหิตได้แล้ว ท่านสงบสติอารมณ์หน่อย อย่าทำอะไรมั่วซั่ว ฮือฮือ……”

“ท่านแม่…….ท่านน้า…….ฮือฮือ พวกท่านอย่าตายนะ พวกเราหามุกมังกรได้ครบแล้ว อีกนิดเดียวพวกเราก็จะสามารถถอนคำสาปโลหิตได้แล้ว ฮือฮือ พวกท่านจะทิ้งข้าไปได้ยังไง……”

แต่ละฉากๆ ทุกฉากล้วนน่าสังเวชจนทนดูไม่ได้

กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดในจิตใจ ตะโกนเสียงดังออกมา “จัดตั้งค่ายกล ตรงนี้จัดตั้งค่ายกลสองชีวิต เคลื่อนย้ายผู้หญิงมาตรงนี้ ไล่ผู้ชายไปในนั้น”

“หัวหน้าเผ่า ไม่ได้นะ เรามีกำลังคนไม่เพียงพอ……”

“ย้ายทุกคนกลับมา ห้าสิบคนจัดตั้งค่ายกล คนที่เหลือส่วนหนึ่งไปช่วยคน ส่วนหนึ่งแยกผู้ชายกับผู้หญิงออกจากกัน กรงเหล็กเหล่านั้นไม่ช้าไม่เร็วก็จะถูกทำลาย เฝ้าหรือไม่เฝ้าก็ไม่เป็นไร?”

“ฟังหัวหน้าเผ่า” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนคำหนึ่ง นำคนไปจัดตั้งค่ายกลสองชีวิตด้วยตัวเอง

ทุกคนล้วนปฏิบัติตามคำสั่งของกู้ชูหน่วน

มีผู้อาวุโสใหญ่นำจัดตั้งค่ายกล ค่ายกลก็มีความเสถียรเป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสหกและคนอื่นๆประชาชนนอกเผ่าฝืนบังคับแยกชายหญิงออกจากกัน เพื่อลดปริมาณการบาดเจ็บล้มตายให้น้อยลง แต่สถานการณ์ยังไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีมากนัก

คนที่สูญเสียสติสัมปชัญญะเหล่านั้นก็ไม่กลัวความตายโดยสิ้นเชิง แยกออกจากกันยากเกินไป

การแยกออกครั้งหนึ่ง ล้วนต้องใช้แรงกำลังของพวกเขาเป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยเสียงอันเย็นยะเยือก “ใช้ไม้ยาว ฝืนบังคับแยกให้พวกเขาออกจากกัน พยายามอย่าใช้วิธีแข็งชนแข็งกับพวกเขา”

“ขอรับ…..”