บทที่ 1178 จุดจบตระกูลซันและตระกูลเฉิน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

เฉินจิ้งเฉวียนรู้ว่าถึงอย่างไรคืนนี้ตนเองก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้จึงเลือกที่จะบอกเล่าความลับทั้งหมดของตระกูลหลิงให้หลิงหยุนฟัง หลังจากพูดไปทั้งหมดแล้ว เฉินจิ้งเทียนก็ไม่สนใจสิ่งใดรอบตัวอีก ไม่แม้แต่จะระมัดระวังว่าเวลานี้ได้มีคนนอกบุกเข้ามาที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินแล้ว..
  คนผู้นี้มีฝีมือล้ำเลิศยิ่งนักสามารถลงมือสังหารคนได้อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า และแม้แต่หลิงหยุนเองก็ยังไม่สามารถขัดขวางไว้ได้ทัน!
  การที่หลิงหยุนไม่รีบร้อนจะสังหารเฉินจิ้งเทียนนักก็เพราะเขาต้องการรู้ความจริงเมื่อสิบแปดปีก่อนทั้งหมดเสียก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเฉินจิ้งเทึยนจะถูกคนนอกชิงสังหารก่อนเช่นนี้!
  หลิงหยุนเดือดดาลเป็นที่สุดและรีบกระโดดตามคนผู้นั้นไปทันที! แต่เมื่อหลิงหยุนกระโดดออกไปนอกกำแพงแล้ว เขากลับพบว่าในรัศมีห้าร้อยเมตรนั้น ไม่มีแม้แต่เงาของยอดฝีมือผู้นั้นอยู่แล้ว!
  ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นแล้วหลิงหยุนก็กระโดดตามออกมาทันที จึงเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือผู้นั้นจะสามารถหนีไปได้รวดเร็วเช่นนี้!
  แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ยอดฝีมือผู้นี้จะต้องอยู่ไกลกว่าระยะห้าร้อยเมตร และใช้วิธีบังคับควบคุมกระบี่ให้สังหารเฉินจิ้งเทียนแทน!
  หลิงหยุนไม่รีรอที่จะเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดออกสำรวจในรัศมีสามกิโลเมตรทันทีและจิตหยั่งรู้ของเขาก็สำรวจพบเงาของคนผู้หนึ่ง ที่กำลังใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีออกไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ และหนีไปได้ไกลเป็นพันๆเมตรแล้ว
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า..วิชาตัวเบาของคนผู้นี้ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก!   “เจ้าจะหนีไปใหน”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาขั้นสุดกระโดดไล่ตามยอดฝีมือผู้นั้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในทันทีเช่นกัน!
  ในเวลานั้น..หลิงหยุนไม่สนใจว่าจะมีผู้ใดพบเห็นตนเองบ้าง และในยามค่ำคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ต่อให้มีคนธรรมดาทั่วไปพบเห็นเข้า ก็คงจะคิดว่าตนเองตาฝาดไปเท่านั้น..
  แม้ว่าวิชาตัวเบาของหลิงหยุนจะล้ำเลิศและรวดเร็วอย่างที่สุดแล้ว แต่วิชาตัวเบาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงหยุนเลย คนผู้นี้ตั้งหน้าตั้งตาที่จะหลบการไล่ล่าของหลิงหยุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงไม่แม้แต่จะชะลอหรือหันมามองหลิงหยุน
  และในที่สุดก็สามารถทิ้งห่างหลิงหยุนไปได้ไกลอีกหลายกิโลเมตรและไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้ตามทันเลย!
  หลิงหยุนไล่ล่ายอดฝีมือผู้นั้นไปจนกระทั่งออกนอกถนนวงแหวนที่หกและบริเวณนั้นก็ไม่มีตึกสูงล้อมรอบ คนผู้นั้นจึงยิ่งสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วราวกับม้าป่าพยศ และกระโดดหนีหลิงหยุนไปจนพ้นสายตาของเขา
  ด้านหน้าหลิงหยุนไกลออกไปราวสิบกว่ากิโลเมตรนั้นมีเงาของภูเขาลูกหนึ่งปรากฏอยู่ และด้วยความรวดเร็วของยอดฝีมือผู้นั้น อีกเพียงแค่หนึ่งนาทีก็จะสามารถวิ่งเข้าไปในป่าทึบของเขาด้านหน้าได้แล้ว..
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่ายอดฝีมือผู้นี้มีรูปร่างผอมบางและสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้ ที่สำคัญ.. คนผู้นี้มีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศอย่างที่สุดด้วย!
  หลิงหยุนคิดว่าหากปล่อยให้ยอดฝีมือผู้นี้หายเข้าไปในป่าทึบด้านหน้าได้ต่อให้เขามีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งมากเพียงใด ก็คงยากที่จะสำรวจหาคนผู้นี้ได้พบ หรือไล่ล่าเขาได้ทัน เพราะคนผู้นี้เองก็ดูเหมือนจะมีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน..
  “จัดการสังหารมัน!”   หลังสิ้นสุดการประลองมากว่าหนึ่งชั่วโมงนั้นพลังปราณของหลิงหยุนก็ได้ฟื้นขึ้นมากว่าแปดสิบส่วนแล้ว เขาจึงเรียกกระบี่เหินเงาธนูออกมาจัดการกับศัตรูตรงหน้าทันที!
  ฟิ้ว..
  กระบี่เหินเงาธนูพุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและเป้าหมายของมันก็คือยอดฝีมือที่อยู่ตรงหน้าไกลๆ!
  ยอดฝีมือผู้นั้นเห็นกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนพุ่งตรงเข้าหมายเอาชีวิตตนเองเช่นนั้นก็ไม่รีรอที่จะใช้กระบี่เหินสือเซ่อของตนพุ่งเข้าต้านทานเช่นกัน กระบี่เหินสีม่วงพุ่งเข้าใส่กระบี่เหินสีเขียวของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว กระบี่เหินของคนทั้งคู่ปะทะกันอยู่ครู่หนึ่ง และไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้เปรียบ หรือว่าเสียเปรียบ..
  “เจ้าจงใจสังหารเฉินจิ้งเทียนในเวลานี้บอกมา.. เจ้าคือคนของตระกูลหลง หรือตระกูลเย่กันแน่”
  หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาและร่างของเขาก็เคลื่อนที่ได้รวดเร็วราวกับหายตัว ร่างของหลิงหยุนจะไปปรากฏตัวด้านหน้าทุกๆสองสามร้อยเมตร และระยะห่างของคนทั้งคู่ก็สั้นลงมากขึ้นเรื่อยๆ
  หลิงหยุนรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นตั้งใจลงมือในช่วงเวลาที่เฉินจิ้งเทียนกำลังจะเล่าความลับที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลงและตระกูลเย่เช่นนี้ จึงแทบไม่ต้องสงสัยว่าผู้ทีสังหารเฉินจิ้งเทียนนั้น ย่อมต้องเป็นคนของตระกูลหลง หรือไม่ก็ตระกูลเย่อย่างแน่นอน จะเป็นผู้อื่นไปไม่ได้แน่!
  ยอดฝีมือผู้นั้นกลับนิ่งไม่ตอบคำถามของหลิงหยุนและยังคงพยายามที่จะหลบหนีต่อไป แต่ไม่ใช่เพราะคนผู้นี้หวาดกลัว หรือไร้ความสามารถที่จะประมือกับหลิงหยุน แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับหลิงหยุนในเวลานี้ต่างหาก..
  “เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นรึ”
  หลิงหยุนร้องตะโกนเสียงดังและไม่รอช้า.. เขาจัดการเผาเสินหยวนเก้าหยดในทันทีและจัดการสั่งให้ตราหยกจักรพรรดิพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของตนเอง
  “สังหารมัน!”
  สิ้นเสียงร้องตะโกนสั่งการของหลิงหยุนตราหยกจักรพรรดิก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และพุ่งออกไปด้านหน้าทันที!
  “แย่แล้ว..เด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆ!”
  ยอดฝีมือผู้นั้นเห็นหลิงหยุนใช้อาวุธวิเศษที่ควบคุมด้วยพลังเหนือธรรมชาติเช่นนี้ก็ถึงกับหวั่นใจขึ้นมาไม่น้อย และในเวลานั้นเขาเองก็ไม่สามารถที่จะหนีการไล่ล่าของหลิงหยุนได้อีกแล้ว
  แต่ถึงกระนั้น..ยอดฝีมือผู้นั้นก็ไม่ได้ตระหนกตกใจเลยแม้แต่น้อย เขาจัดการเรียกกระบี่เหินสือเซ่อให้บินกลับมาหาตนเองอย่างรวดเร็ว และทันทีที่มันบินลงต่ำ ยอดฝีมือผู้นั้นก็กระโดดขึ้นไปยืนบนกระบี่เหิน แล้วร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!   “ไปได้!”
  กระบี่เหินสือเซ่อขยายใหญ่ขึ้นหน้ากว้างของกระบี่มีขนาดสองฟุต และมีความยาวหนึ่งเมตร และหลังจากที่ชายผู้นั้นกระโดดขึ้นไปยืน มันก็พาร่างของเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดอย่างรวดเร็ว!
  “ไม่ได้การแล้ว!”
  หลิงหยุนเห็นยอดฝีมือผู้นั้นบินหนีขึ้นท้องฟ้าไปด้วยกระบี่เหินเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจอย่างที่สุด!
  เพราะการที่คนผู้นั้นสามารถใช้กระบี่เหินได้เช่นนี้ย่อมบ่งบอกถึงขั้นกำลังภายในที่สูงส่งของคนผู้นั้นด้วย และหากประมือกันคนผู้นั้นย่อมได้เปรียบ และสามารถที่จะบดขยี้หลิงหยุนได้ไม่ยาก..
  และในเมื่ออีกฝ่ายสามารถใช้กระบี่เหินและกำลังจะหนีไปเช่นนี้ หลิงหยุนก็ไม่มีทางเลือกอื่น..
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..  เขาจัดการเรียกคันธนูทองออกมาและจัดการยิงลูกธนูออกไปติดต่อกันถึงสามดอก หลิงหยุนเห็นยอดฝีมือผู้นั้นหลบไปด้านหน้าที หลังที และซ้ายที ขวาที ในที่สุดก็สามารถหลบลูกธนูทั้งสามดอกของหลิงหยุนได้ และรีบบังคับกระบี่เหินให้พุ่งสูงขึ้นไปด้วยท่าทีสงบนิ่งไร้ซึ่งความวิตกกังวล!
  หลิงหยุนได้แต่ยืนนิ่ง..ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน ร่างของยอดฝีมือผู้นั้นค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็หายวับไปจากรัศมีจิตหยั่งรู้ของตนเอง
  หลิงหยุนรู้สึกตกใจไม่น้อยและได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า.. มียอดฝีมือที่สามารถใช้กระบี่เหินได้จริงๆเช่นนี้ด้วยหรือ
  และจากการประเมินของหลิงหยุนนั้นยอดฝีมือผู้นี้น่าจะอยู่ในด่านกลางของขั้นพลังชี่ขึ้นไป และแน่นอนว่านั่นย่อมเหนือกว่าตัวเขา!
  “ข้าคงจะต้องรีบเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ให้ได้โดยเร็วที่สุดแล้ว!ไม่เช่นนั้นการที่ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เสียเปรียบศัตรูมากทีเดียว..”
  หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองและเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็ยิ่งทำให้เขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาขั้นกำลังภายในของตนให้แข็งแกร่งมากขึ้นโดยเร็วที่สุดให้ได้!
  นี่ย่อมหมายความว่าทั้งตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้นจะต้องมียอดฝีมือที่สามารถฝึกฝนจนสามารถเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่ได้แล้วอย่างแน่นอน!
  เพียงแต่ในโลกใบนี้อาจจะเรียกชื่อแตกต่างจากที่หลิงหยุนเรียก..
  หลิงหยุนเรียกกระบี่เหินเงาธนูและตราหยกจักรพรรดิของตนเองกลับมา จากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉินทันที!
  ……
  “ฮู้ว..” novel-lucky
  เย่เทียนตูบังคับกระบี่เหินสือเซ่อของตนขึ้นไปบนเข้าด้านหน้าและค่อยๆร่อนลงบนพื้นอย่างช้าๆ เขาถอดผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาหมดจด พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ..
  “ดูท่าคำพูดของน้าหญิงเย่จะไม่ได้เกินเลยไปแม้แต่น้อย!หลิงหยุนเป็นศัตรูที่น่ากลัวของข้าจริงๆ!”
  “หากไม่ใช่เพราะข้าเพิ่งจะฝึกบังคับควบคุมกระบี่เหินสือเซ่อได้สำเร็จก็คงยากที่จะหนีการไล่ล่าของหลิงหยุนพ้นเป็นแน่!”
  เย่เทียนตูพึมพำกับตัวเองและหลังจากที่นั่งลงกับพื้น เขาก็ดึงหญ้าข้างตัวขึ้นมาคาบไว้ที่ปาก
  “ข้ามาช้าไปหนึ่งก้าวเช่นนี้..ครั้งนี้คงต้องเกิดปัญหาใหญ่เป็นแน่.. กลับไปท่านพ่อคงต้องดุด่าข้าอีกเช่นเคย!”
  “แต่ช่างเถิด!ที่นี่ทิวทัศน์งดงามยิ่งนัก อีกทั้งยังเงียบสงบเหมาะแก่การฝึกวิชายิ่งนัก ข้าอยู่ฝึกวิชาต่อที่นี่ก่อนจะดีกว่า เรื่องอื่นไว้ค่อยคิดทีหลัง!”   หลังจากบ่นพึมพำกับตัวเองเย่เทียนตูก็นั่งขัดสมาธิหลับตา และเริ่มฝึกฝนวิชา..
  ……
  ยี่สิบนาทีต่อมา..หลิงหยุนก็กลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
  ภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉินเวลานี้เหลือเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มไปหมด..
  ไม่ว่าจะเป็นศพของซันเทียนหลัวและเหล่านักรบตระกูลซัน ศพของเฉินจิ้งเทียนที่ถูกชายชุดดำสังหารตาย และศพของเฉินไห่เผิงกับเหล่านักรบตระกูลเฉินอีกยี่สิบคน เวลานี้คนตระกูลเฉินนับว่าถูกสังหารตายจนหมดไม่มีเหลือ..
  และเพียงแค่ข้ามคืน..ตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็ถูกสังหารตาย และถูกขุดรากถอนโคนจนสิ้นชื่อ!
  “ท่านผู้นำตระกูล..เวลานี้คนตระกูลเฉินที่รู้วรยุทธถูกสังหารตายจนหมดแล้ว!”   เมื่อเห็นหลิงหยุนกลับมาหลิงชีก็รีบเข้าไปรายงานผลให้เขาทราบทันที..
  “เจ้าทำได้ดีกมา!แล้วท่านปู่ กับท่านพ่อล่ะ”
  หลิงชีรายงานหลิงหยุนด้วยความระมัดระวัง..“นายผู้เฒ่า.. คุณชายสาม.. และนายน้อยหลิงหย่ง.. ทุกคนกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงแล้ว นายผู้เฒ่าสั่งให้ข้ารอท่านอยู่ที่นี่ และให้บอกกับท่านว่านายผู้เฒ่ากับทุกคนจะกลับไปที่บ้านก่อน!”
  “เอาล่ะ..พวกเจ้าทั้งหมดจัดการนำศพทั้งหมดมากองรวมกัน แล้วใช้ผงละลายศพนี้่จัดการทำลายซากศพทั้งหมดเสีย!”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าเวลานี้ทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยวต่างก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา จึงได้รีบกลับออกไปเช่นนั้น!
  หลิงเจิ้นเป็นต้นเหตุทั้งหมดของโศกนาฏกรรมที่เกิดกับตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนเขาถึงกับยอมหักหลังน้องชายร่วมสายเลือดเพียง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะบานปลาย จนเป็นสาเหตุให้ตระกูลหลง ตระกูลเย่ และพรรคมาร ใช้ข้ออ้างนี้มาทำลายตระกูลหลิงจนแทบล่มสลาย!
  แม้ว่าสิบแปดปีก่อนนั้นตระกูลหลงกับตระกูลเย่จะไม่ได้เคลื่อนไหวออกหน้าออกตา แต่ทั้งสองตระกูลต่างก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด อีกทั้งยังแอบใส่ไฟเรื่องนี้ให้กับเหล่าชาวยุทธด้วย อีกทั้งยังบีบให้หลิงเสี่ยวต้องทำลายวรยุทธตัวเอง และประกาศตัดขาดกับหยินชิงเฉวียน..
  จากนั้น..ตระกูลหลงก็แสร้งทำตัวเป็นผู้มีพระคุณกับตระกูลหลิงมาตลอดสิบแปดปี!
  แต่เวลานี้..ความจริงทุกอย่างได้กระจ่างชัดเจนแล้ว!
  “หลิงเจิ้นตระกูลหลง ตระกูลเย่ และพรรคมาร.. ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของพวกเจ้สินะ!”
  หลิงหยุนกัดฟันพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น..แค้นเก่าเพิ่งจะชำระความ แค้นใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีกแล้ว!   “หลิงชี!”
  “ขอรับผู้นำตระกูล..”
  “สองขวดนี้เป็นผงละลายศพ..ข้ามอบให้เจ้าไว้จัดการกับศพเหล่านี้”
  “หลังจากนี้สองวัน..พวกเจ้าไปจัดการขับคนตระกูลเฉินออกนอกเมืองปักกิ่ง ตั้งแต่นี้ไปอย่าให้คนตระกูลเฉินกลับเข้ามาเหยียบปักกิ่งได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว!”
  “ขอรับท่านผู้นำตระกูล!”
  “เจ้าจัดการบอกหลิงอี๋ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วยและอย่าลืมรายงานเรื่องทั้งหมดให้ลุงสองทราบ เพื่อที่เขาจะได้จัดการเรื่องอื่นต่อไป..”
  “น้อมรับคำสั่งผู้นำตระกูล!”
  หลังจากสั่งการทุกอย่างจบแล้วหลิงหยุนก็เดินไปที่จอดรถพร้อมกับร้องสั่งเหล่าแวมไพร์ทันที
  “พวกเจ้าทั้งห้าคนนำตัวตี๋ยั่วถังไปขังไว้ที่คุกใต้ดินตระกูลหลิงระวังอย่าให้มันตายเด็ดขาด!”
  “ขอรับเจ้านายที่เคารพ..”
  หลังจากที่เจสเตอร์ขับรถกลับออกไปแล้วหลิงหยุนก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดหาเย่ซิงเฉิน
  “พบกันที่ใหน”
  “ข้าจะอยู่ที่ใหนได้เล่านอกจากบ้านไม้ไผ่..”
  “ได้..ข้าจะไปพบเจ้าเดี๋ยวนี้!”
  ครึ่งชั่วโมงต่อมา..หลิงหยุนก็มาถึงบ้านไม้ไผ่หลังเล็กกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง..